วิเคราะห์ธุรกิจ RS 2566 ลุยขายตรงปั้นรายได้ 5.5 พันล้าน พร้อมสร้างอีเวนต์ธุรกิจเพลงครบวงจร

สำนักข่าวประชาชาติธุรกิจ  ได้รายงานเรื่อง RS หวนกลับมาลงทุนธุรกิจเพลงอีกครั้งพร้อมลุยขายตรงปั้นรายได้ 5.5 พันล้านโดยมีรายละเอียดดังนี้

วันที่ 1 มีนาคม 2566 บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดแผนธุรกิจในปี 2566 ที่จะมุ่งเติบโตจากธุรกิจพาณิชย์และเอ็นเตอร์เทนเมนต์เป็นหลักรวมถึงมีการตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 5,500 ล้านบาทจากปี 2565 ที่รายได้ลด 1.1% อยู่ที่ 3,532.75 ล้านบาทซึ่งเหตุผลหลักอยู่ที่กำลังซื้อผู้บริโภคลดลง ระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้นทำให้ธุรกิจพาณิชย์หดตัว

ธุรกิจ RS ปั้น 2 โมเดลธุรกิจขายตรง

ในปี 2566 ธุรกิจพาณิชย์จะพัฒนาธุรกิจรูปแบบใหม่สไตล์ขายตรง 2 โมเดล คือ

– การขายตรงหลายชั้นหรือ Multi-Level marketing (MLM) ภายใต้แบรนด์ ULife ด้วยรูปแบบการขายและจัดส่งสินค้าเป็นรายเดือนเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้บริโภคที่จะได้รับสินค้าในปริมาณที่เหมาะสมอย่างต่อเนื่องโดยไม่จำเป็นต้องสั่งเป็นรายครั้งเมื่อสินค้าหมด

– การขายแบบตรงชั้นเดียว Single-Level Model (SLM) หรือตัวแทนจำหน่ายแบบออนไลน์ ภายใต้แบรนด์ De Beste เพื่อเข้าถึงตลาดคนรุ่นใหม่ที่เน้นการจัดจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์โซเชียลคอมเมิร์ซ

นอกจากนี้ยังมีความพยายามผลักดัน RS pet all ซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับสัตว์อย่างครบวงจรซึ่งประกอบด้วยโรงงานผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง สินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยง ร้านค้าปลีก รวมถึงธุรกิจเวลเนสสำหรับสัตว์เลี้ยง

หวนลงทุนธุรกิจเพลง เล็งจัด 8 งานใหญ่

ในส่วนของธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์ RS มุ่งลงทุนในธุรกิจเพลงอีกครั้ง โดยจะร่วมมือกับพันธมิตรที่มีศักยภาพเพื่อช่วยยกระดับรายได้จากทั้งทรัพย์สินเพลงเดิมและขยายฐานทรัพย์สินเพลงใหม่ และยังสามารถสร้างรายได้จากการจัดอีเวนต์รวมถึงคอนเสิร์ตได้อย่างเต็มรูปแบบตลอดปีโดยตั้งเป้ารายได้เอาไว้ที่ 5.5 พันล้านบาท

โดยล่าสุด COOLive ภายใต้กลุ่มธุรกิจ RS Multimedia ในเครือ อาร์เอส กรุ๊ป ประกาศแผน Showbiz ในปี 2566 ภายใต้คอนเซ็ปต์ #inCOOLsiveExperience ที่ประกอบด้วย 4 คอนเสิร์ตใหญ่ได้แก่ RS Hits Journey 2023, D2B 22nd Anniversary Concert 2023, Kamikaze Party Reunion และ RS Meeting Danceventure Concert 2023 รวมถึงมีแผนที่จะจัด Music Festival 4 ฤดู ใน 4 พื้นที่ ได้แก่ ชะอำ, สวนผึ้ง กรุงเทพและเขาใหญ่ ซึ่งมีการคาดการณ์จำนวนผู้เข้าชมทุก ๆ งานรวมกันกว่า 1 แสนคน

ปี 2565 ธุรกิจพาณิชย์หดตัวทำรายได้ลด 1.1%

สำหรับปี 2565 ที่ผ่านมาอาร์เอสมีรายได้รวมอยู่ที่ 3,532.75 ล้านบาทซึ่งลดลง 1.1% จากปีก่อน เพราะรายได้ของธุรกิจพาณิชย์หดตัวจากกำลังซื้อผู้บริโภคลดลงและมีการระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น

โดยรายได้จากธุรกิจพาณิชย์ ปี 2565 เท่ากับ 1,714.5 ล้านบาท ลดลง 24.3% จากปีก่อนจากภาวะเศรษฐกิจทำให้ผู้บริโภคมีความระมัดระวังในการใช้จ่าย ทางบริษัทจึงปรับกลยุทธ์ด้วยการพัฒนาสินค้าใหม่รวมถึงขยายช่องทางการจัดจำหน่ายเพื่อรักษาระดับรายได้จากธุรกิจพาณิชย์

ส่วนธุรกิจสื่อในปี 2565 มีรายได้ 1,421.9 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 31.8% จากปีก่อน ซึ่งมีรายได้จากเม็ดเงินโฆษณาอันมาจากสัญญาณการฟื้นตัวจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด ทำให้แบรนด์สินค้าต่าง ๆ มีการออกสินค้าใหม่จึงมีต้องการใช้งบการตลาดที่สูงขึ้นเพื่อแข่งขันและสร้างยอดขายทำให้ธุรกิจโทรทัศน์และวิทยุได้รับผลบวกไปด้วย

ธุรกิจเพลงและอื่น ๆ ปี 2565 มีรายได้เท่ากับ 396.4 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 71.8% จากปีก่อนเพราะมาตรการที่ยกเลิกโควิดออกจากโรคติดต่อร้ายแรงทำให้สามารถกลับมาจัดกิจกรรมอย่างเต็มประสิทธิภาพ จึงเกิดการผลักดันให้รายได้จากงานอีเวนต์และคอนเสิร์ตเติบโตสูงจากปีก่อนโดยในปี 2565 RS จัดคอนเสิร์ตใหญ่ 2 คอนเสิร์ต ได้แก่ Kamikaze party 2022 และ RS meeting concert 2022 ซึ่งได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีและจำหน่ายบัตรหมดทุกที่นั่ง

ที่มา: https://www.prachachat.net/marketing/news-1217924

ประเด็นที่สำคัญจากการปรับแผนธุรกิจ RS สู่วงการเพลงอีกครั้ง

แนวโน้มการปรับตัวของ RS สะท้อนถึงภาพของเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาได้เป็นอย่างดีว่าผลจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจทำให้ธุรกิจพาณิชย์ที่เป็นตุดแข็งของทาง RS มาหลายปีก็เกิดการชะลอตัวด้วยเช่นกันอันเป็นผลมาจากการระมัดระวังการใช้จ่ายของลูกค้าที่ไม่แน่ใจต่อสภาวะทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นนี้

สิ่งที่น่าสนใจจึงหนีไม่พ้นการปรับรูปแบบธุรกิจขายตรงของทาง RS ในโมเดลที่น่าสนใจที่เน้นสร้างสายพันธ์กับลูกค้าเพื่อให้เกิดการซื้อสินค้าอย่างต่อเนื่องรวมถึงโมเดลธุรกิจที่เน้นเจาะกลุ่มผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ผ่านช่องทางโซเชี่ยลคอมเมิร์ซที่ทาง RS ถนัดซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่น้อยเพราะหาก RS ทำได้สำเร็จก็เป็นเรื่องดีที่ธุรกิจรายย่อยจะนำมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจของตนได้เช่นกัน

ในขณะที่ธุรกิจด้านเอนเตอร์เทนเมนต์จากที่ได้รับผลกระทบมาโดยตรงจากช่วงการระบาดที่ผ่านมา มาในปีบ่าสุดเมื่อรัฐบาลผ่อนปรนนโยบายที่เกี่ยวกับการกำหนดจำนวนผู้คนก็ทำให้ธุรกิจนี้มีแนวโน้มเติบโตได้อย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับปีก่อน ๆ และเมื่อพิจารณาจากจุดแข็งของ RS ที่มีสินทรัพย์ลิขสิทธิ์เพลงดัง ๆ ในอดีตมากมายประกอบกับทางบริษัทเองก็มีช่องทางในการเผยแพร่ผลงานรวมถึงมีความชำนาญในเรื่องของธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนต์ที่เติบโตเป็นอย่างมากหลังยุคโควิด รายได้ในส่วนนี้จึงเป็นโอกาสที่ทาง RS มองว่าควรค่าแก่การต่อยอดจึงเป็นที่มาของการกลับมาลงทุนในธุรกิจเพลงอีกครั้งจากการต่อยอดสินทรัพย์เดิมที่มีอยู่ในรูปแบบของงานคอนเสิร์ต อีเวนต์และงาน music festival นั่นเอง

จึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจมากหากว่า RS สามารถทำตามแผนการทุกอย่างได้ทั้งหมด รายได้ที่ทาง RS คาดการณ์ไว้ในปีนี้ก็จะไม่ดูเป็นเรื่องที่เกินจริงเลย แต่อย่างไรก็ตามสำหรับนักลงทุนเองก็ยังคงจำเป็นต้องติดตามข่าวสารที่ออกมาของ RS เพื่อประกอบการตัดสินใจเช่นเดิม

เทรด forex ให้ได้วันละ 1000 บาท