เมื่อไม่กี่ปีมานี้ทุกคนคงเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับการ transform ธุรกิจของบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) จากการเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการเพลงและความบันเทิงสู่การเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการาค้าและพาณิชย์โดยมีตัวชูโรงอยู่ในกลุ่มของสินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม โดยหลายคนมองว่าอาจเป็นความพยายามดิ้นรนเพื่อหนีจากยุคตกต่ำของวงการเพลง และมองว่าทาง RS เองกำลังพยายามกระเสือกกระสนหนีตายจากความล่มสลายนี้ แต่แล้วในปัจจุบันการ transform ธุรกิจในครั้งนั้นไม่เพียงแต่ทำให้ RS รอดพ้นจากยุคตกต่ำแต่กลับทำให้ RS ผงาดขึ้นมาได้อีกครั้งและสร้างรายได้ให้แก่ธุรกิจอย่างมหาศาล อะไรคือสิ่งที่เฮียฮ้อหรือคุณสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ทำในครั้งนั้นบทความนี้มีคำตอบครับ

กว่าจะมาเป็น RS กับหนทางแห่งความเปลี่ยนแปลงในทุกยุคสมัย

บริษัท RS ในอดีตไม่ได้มีจุดเริ่มต้นมาจากการเป็นค่ายเพลงมาก่อน ซึ่งเฮียฮ้อได้ร่วมมือกับพี่ชายคือ “เฮียจั๊ว คุณเกรียงไกร เชษฐโชติศักดิ์” เริ่มต้นธุรกิจครั้งแรกด้วยการทำตู้เพลงและอัดเพลงจากแผ่นเสียงลงเทปโดยมีโลโก้เป็นรูปดอกกุหลาบ และในภายหลังจึงตั้งเป็นบริษัทภายใต้ชื่อ Rose Sound” อันถือเป็นจุดกำเนิดเริ่มแรกของ RS

ความเปลี่ยนแปลงครั้งแรกของ RS เกิดขึ้นในปี 2525 เมื่อเฮียฮ้อตัดสินใจเปลี่ยนจากธุรกิจเดิมมาทำค่ายเพลงโดยเน้นไปที่กลุ่มวัยรุ่นเป็นหลักและทำการเปลี่ยนชื่อบริษัทมาเป็น “บริษัท อาร์.เอส.ซาวด์ จำกัด”

RS ยังคงมีความเปลี่ยนแปลงมาโดยตลอด แต่ความเปลี่ยนแปลงใหญ่อีกครั้งเกิดขึ้นในปี 2535 เมื่อเฮียฮ้อมีความตั้งใจที่จะทำให้ RS เปลี่ยนจากบริษัทเพลงให้กลายมาเป็นบริษัทบันเทิงครบวงจรโดยมีการตั้งบริษัทลูกขึ้นมาเพื่อรุกเข้าสู่ตลาดของธุรกิจบันเทิงในรูปแบบอื่น ๆไม่ว่าจะเป็นรายการวิทยุ โทรทัศน์ ละครและภาพยนตร์ รวมไปถึงการเปลี่ยนชื่อบริษัทแม่ใหม่อีกครั้งในชื่อของ “บริษัท อาร์.เอส. โปรโมชั่น 1992 จำกัด” และเปลี่ยนเป็น “บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน)” พร้อมเปิดตัวโลโก้ใหม่ในปี 2549

เมื่อยุคของทีวีดาวเทียมมาถึง RS เองก็ก้าวเข้าสู่ธุรกิจนี้เช่นกันโดยเปิดตัวในชื่อของ “ช่อง 8” และเมื่อทาง กสทช.เปิดประมูลช่องทีวีดิจิทัลในปี 2556 ทาง RS ก็ได้ร่วมประมูลใบอนุญาตและทำให้ช่อง 8 ย้ายจากการเป็นทีวีดาวเทียมมาสู่การเป็นช่องทีวีดิจิทัลในที่สุด

และแล้วก็มาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ RS ต้องมีการเปลี่ยนแปลงธุรกิจครั้งใหญ่เมื่อยุคดิจิทัลมาถึงซึ่งมีผลกระทบต่อวงการเพลงและอุตสาหกรรมเพลงอย่างมหาศาล โดยทาง RS เองก็ต้องมีการปรับตัวครั้งใหญ่เพื่อให้ธุรกิจอยู่รอดและเส้นทางที่ RS เลือกก็คือการ Transform ธุรกิจจากการเป็นธุรกิจบันเทิงสู่การเป็นธุรกิจการค้าและพาณิชย์ ซึ่งตลาดที่ทาง RS ให้ความสนใจก็คือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ “สุขภาพและความงาม” แต่แม้ว่า RS จะ transform ธุรกิจไปจากเดิมแต่ในกลุ่มธุรกิจที่ทาง RS ดำเนินการมาตั้งแต่ต้นก็ไม่ได้ทิ้งไปไหนทำให้ในปี 2563 นี้ทาง RS ได้ประมาณการรายได้จากทุกกลุ่มธุรกิจถึงกว่า 4,250 ล้านบาทครับ

โมเดลธุรกิจของ RS ในวันที่ปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจเป็น Commerce

            หลังผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทางเฮียฮ้อได้กำหนดยุทธศาสตร์ของ RS ภายใต้แนวความคิดทำธุรกิจใหม่ไร้กรอบ (Beyond the limit) นั่นจึงทำให้ในปัจจุบันรายได้หลักของทาง RS ไม่ได้มาจากธุรกิจบันเทิงอีกต่อไป โดยรายได้ของทาง RS มาจากกลุ่มธุรกิจต่าง ๆดังต่อไปนี้

– ธุรกิจ Commerce หรือพาณิชย์ซึ่งสร้างรายได้กว่า 65%

– ธุรกิจบันเทิงอีก 35% ซึ่งแบ่งออกเป็น ธุรกิจเพลง 5-7% ธุรกิจวิทยุ 10% และธุรกิจทีวี (ช่อง 8) อีก          20%

ซึ่งทางเฮีอฮ้อได้นำเอาจุดแข็งของธุรกิจบันเทิงที่เป็นความถนัดเดิมของทาง RS กับจุดแข็งของธุรกิจ Commerce มาผสานกันโดยมีการนำเอาความบันเทิงมาผนวกรวมกับการค้าจนกลายเป็นคำใหม่ที่เรียกว่า Entertainmerce อันเป็นยุทธศาสตร์ใหม่ที่สำคัญของ RS

ถอดรหัส 10 บทเรียนสู่ความสำเร็จในสไตล์ของเฮีอฮ้อแห่ง RS

1. กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ทันยุคสมัย

            ในช่วงเวลานับแต่ก่อตั้งบริษัทมาทาง RS ก็ต้องเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงมาโดยตลอด แต่สิ่งที่ทำให้ RS ยังสามารถอยู่รอดได้ก็เพราความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ทันยุคสมัยอยู่เสมอ ซึ่งเฮียฮ้อได้ให้ความเห็นที่น่าสนใจเอาไว้ว่า ในวงการธุรกิจจะต้องพบเจอกับการเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อใดที่เห็นสัญญาณแห่งความเปลี่ยนแปลงก็ขอให้เชื่อว่ากำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นจริง ๆ และให้พยายามปรับตัวเองปรับธุรกิจของตนเองเสียแต่เนิ่น ๆ ก่อนที่จะถูกบังคับให้ต้องเปลี่ยนแปลงในภายหลัง เพราะหากถึงตอนนั้นก็อาจจะไม่ทันการ

2. ไม่ยึดติดกับความสำเร็จเดิม เมื่อธุรกิจเริ่มถึงทางตันก็พร้อมเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจ

            ความสำเร็จที่ผ่านมาในอดีตไม่ใช่สิ่งที่จะการันตีได้ว่าธุรกิจเดิมที่คุณทำอยู่จะประสบความสำเร็จต่อไปในอนาคต เพราะทุกธุรกิจล้วนแต่มีโอกาสถึงทางตันและถูกแทนที่ได้เสมอในโลกของการแข่งขันครับ การยึดติดอยู่กับความสำเร็จเดิม ๆจึงอาจจะเป็นกับดักที่ทำให้ธุรกิจต้องเผชิญหน้ากับความเสี่ยง แต่สำหรับเฮียฮ้อเองเพราะความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตนเองให้ทันยุคสมัยคือสิ่งที่ทำให้เฮียฮ้อตัดสินใจเปลี่ยนรูปแบบของธุรกิจจากเดิมที่เริ่มเข้าสู่ทางตันให้เป็นธุรกิจใหม่จึงทำให้ RS เองนอกจากจะสามารถรักษาธุรกิจเอาไว้ได้ก็ยังสร้างโอกาสเติบโตและรายได้ให้แก่บริษัทอย่างมหาศาลครับ

3. เมื่อเริ่มเห็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงก็มองโลกตามความเป็นจริง ไม่โลกสวยจนไม่ทันการณ์

            การมองโลกแห่งความเป็นจริงโดยไม่โลกสวยเป็นคุณสมบัติสำคัญประการหนึ่งของผู้บริหารที่ชาญฉลาดครับ ยิ่งหากคุณอยู่ในแวดวงของธุรกิจมานานสัญญาณความผิดปกติบางอย่างที่เกิดขึ้นมักจะปรากฎเพื่อเตือนให้คุณทราบว่าอุตสาหกรรมเดิมของคุณที่คุ้นเคยกำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงในเร็ววันนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงในทางบวกเหรือลบก็ตาม ดังนั้นจงอย่าเพิกเฉยต่อสัญญาณเตือนดังกล่าวและทำการวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้และผลที่จะตามมาอย่างละเอียดก็จะทำให้คุณสามารถวางแผนการรับมือความเปลี่ยนแปลงที่จะมีขึ้นนี้ครับ

4. Red ocean คือสิ่งที่เฮียฮ้อยึดถือกับเป้าหมายที่ว่าทำอย่างไรจึงจะเป็นผู้ชนะในน่านน้ำนี้

            หลายคนอาจจะมองว่าการเริ่มธุรกิจใหม่ใน Blue ocean คือหนทางที่จะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ แต่สำหรับเฮียฮ้อนั้น เขากลับให้ความสำคัญแก่ธุรกิจที่เป็น Red ocean มากกว่า นั่นก็เพราะแม้จะมีคู่แข่งมากหน้าหลายตาและมีการแข่งขันกันอย่างดุเดือดก็จริง แต่เม็ดเงินที่อยู่ในธุรกิจในลักษณะนี้ก็มหาศาลตามไปด้วย สิ่งสำคัญที่เฮียฮ้อคิดก็คือจะทำอย่างไรจึงจะเป็นผู้ชนะในน่านน้ำนี้ให้ได้ เพราะเมื่อใดที่ธุรกิจประสบความสำเร็จขึ้นมาย่อมหมายถึงส่วนแบ่งการตลาดและเม็ดเงินมหาศาลที่ธุรกิจจะได้รับเป็นรางวัลของความกล้านี้ครับ

5. การ transform ธุรกิจที่ได้ผลเกิดจากวิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่ของผู้นำองค์กร

            การ transform ธุรกิจจะไม่มีทางประสบความสำเร็จได้เลยหากผู้นำองค์กรขาดวิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่ สำหรับเฮียฮ้อเอง วิสัยทัศน์ที่สำคัญในการ transform ธุรกิจก็คือการสร้าง business model ใหม่ที่ขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้แนวคิดทำธุรกิจใหม่ที่ไร้กรอบ (Beyond the limit) โดยเปิดโอกาสให้กับธุรกิจใหม่ ๆที่น่าสนใจและมีโอกาสทางการตลาดสูงโดยไม่ยึดติดกับรูปแบบหรือกลุ่มธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งเพียงอย่างเดียว ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็คือรายได้ที่เข้ามามากขึ้นกับอนาคตที่สดใสของธุรกิจ

6. แหวกแนวด้วยความคิด เปลี่ยนคนดูเป็นผู้ซื้อ

            ด้วยรากฐานความเข้าใจเดิมต่อธุรกิจสื่อและความบันเทิงอันเป็นความถนัดมาแต่แรกของทาง RS ผสมกับการมีช่องโทรทัศน์และวิทยุเป็นของตนเอง เฮียฮ้อจึงตกผลึกเป็นไอเดียที่จะผสานจุดแข็งของธุรกิจบันเทิงเดิมและธุรกิจพาณิชย์อันเป็นธุรกิจใหม่เข้าด้วยกัน โดยการเปลี่ยนให้ผู้ชมหรือคนดูโทรทัศน์ให้กลายมาเป็นผู้ซื้อสินค้ากับทาง RS โดยอาศัยการทำการตลาดผ่านช่องทางโทรทัศน์และวิทยุอย่างแนบเนียน ทำให้ฐานคนดูของ RS ในช่องทีวีและวิทยุกลายมาเป็นลูกค้าหลักของธุรกิจใหม่ที่ RS ดำเนินการไปในที่สุด

7. ผสานความถนัดดั้งเดิมของตนเองเข้ากับธุรกิจใหม่ได้อย่างลงตัว

            แม้ว่าทาง RS จะพยายามดึงคนดูโทรทัศน์ให้เข้ามาเป็นลูกค้าเพื่อซื้อสินค้าในอีกกลุ่มธุรกิจใหม่ของตนก็ตาม แต่กระนั้นก็อย่าลืมว่าหาก RS พยายามจะยัดเยียดการขายโดยตรงมากเกินไปก็อาจทำให้ธุรกิจใหม่ไม่ประสบความสำเร็จก็เป็นได้ครับเพราะคนส่วนใหญ่แม้จะชอบซื้อสินค้าแต่ก็ไม่มีใครที่ชอบการบังคับขายสินค้า ดังนั้น RS จึงนำเอาความถนัดดั้งเดิมของตนเองในแง่ของการเป็นธุรกิจบันเทิงมาใช้ผ่านการความครีเอทีฟสร้างเป็นคอนเทนต์ที่น่าสนใจ โดยใช้ศิลปินดาราในค่ายของตนเป็นพรีเซนต์เตอร์ ด้วยวิธีการนี้ทำให้ RS สามารถโฆษณาสินค้าของตนได้อย่างแนบเนียนและไม่ทำให้คนดูโทรทัศน์รู้สึกว่ากำลังถูกบังคับขายจึงทำให้ธุรกิจใหม่ของ RS ประสบความสำเร็จในที่สุด

8. ใช้คนให้ถูกกับงาน ความรู้ความสามารถคือสิ่งที่ RS ยุคใหม่ต้องการ

            วัฒนธรรมองค์กรของ RS คืออีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ RS ประสบความสำเร็จครับเพราะที่นี่ความรู้คามสามารถคือสิ่งที่เป็นที่ต้องการมากกว่าความอาวุโสและผู้ที่อยู่ในตำแหน่งสำคัญอาจไม่ใช่คนที่มีอายุมากเสมอไป ขอเพียงแค่พนักงานมีความสามารถจริง ๆก็มีโอกาสเติบโตภายใต้การซัพพอร์ตของผู้บริหารองค์กรที่ชื่อว่า เฮียฮ้อ

9. ความสำเร็จที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพราะฟลุ๊คหรือโชคช่วย หากแต่เกิดจากการวิเคราะห์ความเป็นไปได้อย่างมีระบบ ระเบียบและแบบแผน

            หลายคนอาจจะมองว่าความสำเร็จของ RS ในทุกวันนี้เป็นเพราะ RS อยู่ถูกที่ถูกเวลาหรืออาจเกิดจากโชคช่วย แต่เราต้องไม่ลืมและให้เครดิตมันสมองของทีมบริหารครับเพราะความสำเร็จที่เกิดขึ้นนี้ล้วนแต่เกิดมาจากการวิเคราะห์มองหาโอกาสและความเป็นไปได้ในการเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงธุรกิจใหม่อย่างเป็นระบบ มีระเบียบและแบบแผนรวมถึงข้อมูลเปรียบเทียบมารองรับโอกาสและความเป็นไปได้ในทุกกระบวนการโดยหาใช่เรื่องบังเอิญอย่างที่บางคนเข้าใจครับ

10. เจ้านาย active ลูกน้องยิ่งต้องขยัน เพื่อก้าวไปสู่จุดหมายปลายทางเดียวกัน

            นอกจากวิสัยทัศน์ของผู้นำองค์กร บุคลิกภาพของผู้นำก็เป็นสิ่งตัดสินความสำเร็จได้เช่นกัน ยิ่งผู้นำ active และลงมาดูงานถึงหน้างานโดยไม่ใช่แต่เพียงแค่นั่งเซ็นเอกสารเพียงอย่างเดียว ผู้นำเช่นนี้ย่อมทำให้ลูกน้องยิ่งต้องขยันและ active ตามไปด้วย เพื่อให้องค์กรบรรลุไปสู่จุดหมายปลายทางเดียวกัน ซึ่งบุคลิกเช่นนี้เองคือสิ่งที่พบได้ในตัวของเฮียฮ้อครับ

ทั้งหมดนี้ก็คือ 10 บทเรียนธุรกิจที่น่าสนใจของเฮีอฮ้อในการ transform ธุรกิจให้ RS กลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง โดยบทเรียนทั้ง 10 ข้อนี้คือสิ่งที่ผู้ประกอบการรายเล็กควรศึกษาเพื่อนำไปประยุกต์ให้เข้ากับธุรกิจของตน เพื่อให้ธุรกิจอยู่รอดได้โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดวิกฤติโควิด-19ที่ทำให้หลายธุรกิจซบเซาอยู่ในขณะนี้


บริการอบรม ให้คำปรึกษาการทำธุรกิจออนไลน์  ฝึกอบรมภายในบริษัท แบบตัวต่อตัว การทำ  Content  Marketing,การโฆษณา  Facebook,การโฆษณา  Tiktok,การตลาด  Line  OA และการทำสินค้าให้คนหาเจอบน Google

บริการดูแลระบบการตลาดออนไลน์ให้ทั้งระบบ 
คอร์สเรียนออนไลน์ผ่าน Facebook Group