น้องตาเป็นแฟนคลับเพจ TaoKaeMai : เถ้าแก่ใหม่ มีโอกาสอ่านหนังสือ ปลุกแจ็คมาล้มยักษ์ที่ผมแต่ง วันหนึ่งน้องตาทักเข้ามาพูดคุยเรื่องคอร์สสัมมนา 48 ชั่วโมง ทำธุรกิจจาก “ศูนย์สู่แสน” ซึ่งตอนนี้เต็มจนล้นแล้ว

สิ่งที่ผมแปลกใจมากคือ หลังจากผมเข้าไปตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นของน้องตาในแฟนเพจ คือ น้องมีกิจการที่ดีอยู่แล้ว ทำไมต้องเข้าเรียนอีก…และนี่เป็นที่มาของ สัมภาษณ์นี้ครับ

คำตอบที่ผมได้คือ “การไม่หยุดเรียนรู้” เพราะนี่คือคุณสมบัติหลัก ๆ ของ “เถ้าแก่ใหม่” ที่ดีครับ

ยิ่งได้อ่านเรื่องราวน้อง ยิ่งขนลุกครับ ชีวิตแมร่ง…สู้จริง ๆ หวะ

กลับบ้านสงกรานต์ปีนี้ ต้องขอนัดเจอที่สงขลา…กอดทีนะน้องชาย

น้องตา แนะนำตัวกับเพื่อน ๆ ครับ

ss2

สวัสดีครับ ผม แก้วรุ้ง หมัดบินเฮด ชื่อเล่น ตา อายุ 28 ปี เป็นเจ้าของแฟรนไชส์ T-ZA ชาปากยูน ซึ่งปัจจุบันมี 102 สาขาทั่วประเทศ จากการขยายภายในระยะเวลา 1 ปี CEO T-ZA GROUP

ทราบว่าชีวิตกว่าจะมาถึงวันนี้ก็ทำงานมาแทบทุกอย่าง หนักเอาเบาสู้มาตลอด

ใช่ครับ !! เรียกได้ว่าทำมาแทบทุกอย่างที่ได้ตังค์และสุจริต ตั้งแต่รับจ๊อบเป็นพนักงานเสริฟ์ตอนยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัย ขายตรง ขายประกัน ขายของออนไลน์

ถึงตอนนี้ตาก็ยังไม่ได้จบปริญญาตรีนะ เพราะเกิดวิกฤติทางบ้านตอนนั้น พ่อเสียชีวิตขณะเรียนอยู่ปี 2 ทำให้เราต้องรับผิดชอบชีวิตตัวเอง และไม่อยากเป็นภาระของแม่ในตอนนั้น ตาก็เลยออกมาทำงานประจำแบบเต็มเวลา งานแรกของเด็กที่พกเพียงวุฒิ ม.6 ก็คือ พนักงาน KFC รับรายได้ ชม. ละ 30 บาท หรือวันละ 240 บาท ทำหน้าที่ทุกอย่าง ตั้งแต่เก็บจาน ถูพื้น ล้างจาน เอาซอสใส่ขวด ทำไปซักพักก็ได้เลื่อนไปหน้าที่ใหม่ก็คือ แคชเชียร์ แต่รายได้เท่าเดิมนะ 555 ภาระตอนนั้นก็คือส่งเงินให้แม่ที่บ้านเดือนละ 2000 ค่าเช่าหอพัก เดือนละ 2000 เหลือให้ใช้ในชีวิตประจำวันเพียงเดือนละ 2 พันกว่าบาท ฉะนั้นอาหารกลางวันของพนักงานอย่างผมก็คือ แกงถุงละ 15 บาท บวกข้าวสวยฟรีจากการรวมเงินกันซื้อของพนักงานในร้าน KFC  เลิกงานก็ไม่ต้องฝันถึงอาหารมื้อหรู นอกจากอาหารตามสั่ง

ทุกครั้งที่กลับถึงที่พัก ตามักจะบอกตัวเองเสมอว่า ซักวันต้องดีกว่านี้

 

สู้ชีวิตจริง ๆ แล้วมาพบกับธุรกิจชาได้อย่างไร

ตาเป็นพนักงาน KFC ประมาณปีกว่าๆ บอกตามตรงไม่มีเงินเก็บแม้แต่บาทเดียว อีกอย่างการตื่นไปทำงานกะเช้าตอน 8 โมง มันเป็นเวลาที่ทรมานมาก

สังเกตตัวเองแทบทุกวันในขณะทำงาน วันไหนขยันก็ได้เท่านี้ วันไหนขี้เกียจก็ได้แค่นี้ แล้วโอกาสก้าวหน้าอยู่ตรงไหน ตาก็เริ่มคุยกับตัวเอง นี่ใช่มั้ย งานในฝันของกู นี่คือชีวิตที่ใช่สำหรับกูเหรอ งานนี้จะให้ผลลัพธ์ตามฝันที่กูต้องการจริงเหรอ งานนี้สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของกูและครอบครัวจริงเหรอ คำตอบคือ โคตรไม่ใช่ วันที่ตาคุยกับตัวเองจบ มันก็สอดคล้องกับหนังสือหลายๆเล่มที่ตาเคยอ่านมา นั่นก็คือ วันนี้ถ้าเราอยากรู้ว่าอนาคตของเราเป็นยังไง ก็ให้ดูรุ่นพี่ที่เค้าทำงานมานี้มาก่อนเรา 5-10 ปี ว่าผลลัพธ์เค้าเป็นยังไง นั่นล่ะคือผลลัพธ์ของเราในอนาคต  ตามองคนที่ทำมาก่อนตา และพบว่ามันไม่ใช่ นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่ตาต้องการ

จากนั้นก็ลาออกจาก KFC มาทำขายตรง  มีรายได้ดีกว่างานที่เคยทำมาก่อนหน้านี้ ทำไปซักระยะเริ่มตัน งานนี้อาจไม่ใช่เรา แต่สิ่งหนึ่งที่มันเปลี่ยนตาไปเลยก็คือ วิธีคิดและประสบการณ์ทำให้เห็นช่องทางว่าวันนี้ คนรวยส่วนใหญ่ต้องเป็นเจ้าของกิจการ เริ่มเข้าใจคำว่า passive income ก็ตั้งเป้าหมายเลยว่า ต้องเป็นเด็กคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จและมี passive income หลักแสนต่อเดือน ก่อนอายุ 30 คือตากล้าฝัน ตั้งแต่ยังไม่มีเงินติดตัวแม้แต่บาทเดียว ก็มีความคิดว่างั้นกลับไปเริ่มค้าขายที่บ้านดีกว่า

ความคิดเรื่องค้าขาย ทำธุรกิจเริ่มมา ก็เริ่มมองหาช่องทาง

พอคิดว่าต้องค้าขาย โจทย์ต่อมาคือแล้วจะขายอะไรดี ตาเห็นที่บ้านขายข้าวหมกไก่มาตั้งแต่ตาเด็กๆที่บ้านก็ยังจนเหมือนเดิม อีกอย่างข้าวแบบนี้ถ้าขายไม่หมดต้องทิ้งทันที .. ก็เริ่มคิดว่า อะไรที่คนกินทุกวันนอกจากอาหาร และขาดไม่ได้ นั่นก็คือน้ำ แล้วธรรมชาติของคนใต้ ตื่นมาหัวรุ่งเรียกหาชาร้อน ตอนเช้าเรียกหาชาเย็นทันที บวกกับตัวเองเป็นคนคลั่งไคล้ในโกโก้มากอยู่แร้ว ก็เป๊ะเลย และน้ำเป็นสินค้าที่ซื้อแล้วกินเลย จะหมดเร็วมาก ก็ทำให้เกิดการซื้อซ้ำภายในวันเดียวอย่างอัตโนมัติ ที่สำคัญ ไม่มีเหลือทิ้งแน่นอน ก็ปรึกษากับน้องสาวว่าเราไปขายน้ำในตลาดสดปากพะยูนกันดีมั้ย เชื่อมั้ยว่าตอนเริ่มคิดตัวตาเองไม่มีเงินแม้แต่บาทเดียว ก็ไปบอกแม่ว่าขอทำร้านน้ำชา แม่บอกว่าจะขายทำไม จะขายได้วันละเท่าไหร่เชียว กำไรไม่กี่ตังค์ อีกอย่างจะเอาทุนมาจากไหน แม่ก็มีอยู่เพียงแค่ 2000 ถ้าอยากจะทำกันจริงๆ แม่ก็มีให้เท่านี้แหละแบ่งกันคนละ 1000 บาท คือเงิน 1000 บาท ซื้อหม้อน้ำชายังไม่ได้เลย ตอนนั้นตามีแค่ความเชื่ออย่างเดียวว่ามันจะขายได้ ตากับน้องก็เอาเงิน1000 บาทนี้ไปซื้อ วัตถุดิบต่าง ๆ ซึ่งพันเดียวมันไม่พอ โชคดีที่แม่เพื่อนตาเอ็นดูเลยซื้อวัตถุดิบบางอย่าง ฝากมาให้จากหาดใหญ่ ถือเป็นของขวัญในการเริ่มต้นทำให้เรามีกำลังใจ แต่ก็ไม่มีเงินไปซื้อพวกอุปกรณ์ในการชง ตากับน้องก็มาอ้อนวอนแม่ว่าช่วยไปขอเครดิตร้านขายอุปกรณ์ในตลาดให้หน่อย เพราะแม่ก็ไม่มีเงินที่จะให้เรา คือแม่เป็นลูกค้าเงินผ่อนกับโกในตลาดมาตั้งแต่รุ่นยาย เค้าก็เห็นเราตั้งใจเลยให้เซ็นต์ (เชื่อไว้ก่อน ภาษาปักษ์ใต้เรียกันว่า “เซนต์” )

อุปกรณ์ต่างๆมาเกือบ สองหมื่น โดยให้เราเอาเงินที่ได้จากการขายน้ำมาผ่อนจ่ายวันละ 300 คือกว่าจะเปิดร้านแรกได้เนี่ย ทั้งทะเลาะกับแม่ กับญาติ เสียน้ำตาด้วยความรันทดในโชคชะตาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่ด้วยความอยากที่มากพอทำให้ตาสามารถเปิดร้านในตลาดได้ โดยที่ยังไม่มีแบรนด์ วันแรกขายได้ 500 กว่าบาท โคตรดีใจแร้ว อย่างน้อยก็ขายได้ ซึ่งสูตรชาตาก้อคิดขึ้นมากับน้องสาว อยากให้มันออกมาแบบเข้มข้นและแตกต่างจากที่มีอยู่ในตลาด ยอดขายก็เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ บางวันพอลูกค้าไม่เยอะ ก็แอบนั่งเล่าให้ลูกค้าฟังว่า ต่อไปนะพี่ ตาจะมีหลายสาขา ตาจะทำเป็นแฟรนไชส์ ลูกค้าก็มักจะพูดกับตาว่า ตื่นเหอะน้อง ไปชงต่อเหอะ555  ตอนนั้นก็เริ่มคิดว่า ทำยังไงให้มันเติบโต เพราะสาขาแรกในตลาดคนจะเยอะช่วงเช้า บ่ายๆมักไม่ค่อยมีลูกค้าแล้ว ตอนนั้นก็มีโอกาสได้เข้าสัมมนา สัมมนาหนึ่ง ได้ไอเดียคือ อยากรวยต้องขายสินค้า

อยากเป็นมหาเศรษฐีต้องขายแบรนด์ แน่นอนครับอยากเป็นมหาเศรษฐี ตาก้อปิ๊งแว๊บ ต้องสร้างแบรนด์

ก็ขอช่วยให้รุ่นพี่ออกแบบโลโก้ให้ ตาก็คิดpackage แบบใหม่ที่จะดึงดูดลูกค้า คิดเรื่องคีออส เงินทุนที่มียังไม่พอ  สรุปสร้างแบรนด์ครั้งแรกลุยแหลกเลย คิดวิธีการชงเพื่อให้มันแตกต่างและดีกว่าแบรนด์ที่มีมาก่อนแร้ว ก็บอกแม่ว่าจะเปิดสาขา 2 ซึ่งห่างจากสาขาเดิมที่น้องสาวขายอยู่ประมาณ 200 เมตร แม่ก้อห้ามอีกว่า จะมาขายแย่งลูกค้ากันทำไม โห เจอศึกอีกรอบ ก้อบอกแม่ไปคำเดียวว่า ด่าให้พอ เหนื่อยแล้วหยุด และก็ขอให้เชื่อมือ ตาก็อธิบายไปว่าที่ต้องเปิดสาขาที่สองเพราะจะเก็บลูกค้าที่เค้าขี้เกียจรอนานจากสาขาน้อง เพราะตอนนั้นลูกค้าเยอะมาก และตาจะเปิดตัวแพคเกจใหม่แบบถังและถุงกระดาษ เปิดขายวันแรกสาขาน้องขายได้วันละ 5 พัน สาขาตาขายได้ 3 พันกว่าบาท แม่นี่เงิบเลย ตาก้อโปรโมทผ่านทางเฟสบุ๊ค ทำให้ลูกค้าที่หาดใหญ่อยากชิม

ss3

กระทั่งได้มีโอกาสมาเปิดสาขา 3 ร่วมกับรุ่นพี่ที่เคยทำขายตรงร่วมกันมาที่หน้าห้างโอเดียนหาดใหญ่ ตอนนั้นทุกคนตื่นเต้นกับความแปลกใหม่ของแพคเกจแบบถัง บวกกับการชงสดด้วยหม้อต้มแบบโบราณทำให้ลูกค้าแวะเวียนมาไม่ขาดสาย สามารถสร้างยอดขายได้สูงสุดวันละ 15,000-18,000 บาท ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแบรนด์ และความแตกต่าง อีกทั้งรสชาติ ที่ลูกค้าพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เข้ม หวาน มัน เว่อร์ ทำให้ ทีซ่า ชาปากยูน เป็นที่รู้จักของชาวหาดใหญ่ภายในเวลาอันรวดเร็ว บวกกับทำเลที่อยู่ในย่านธุรกิจมีทั้งนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียแวะเวียนมาไม่ขาดสาย ก็ยังตื่นเต้นกับแพคเกจแบบถัง ถ่ายรูปกับแก้วแทบไม่ทันเลยทีเดียว

ธุรกิจจากความ “อยาก” จนเอาชนะปัญหาขั้นต้น พอเริ่มขยายก็ต้องเจอปัญหาการจัดการอีกพอสมควร

อุปสรรคในช่วงแรกๆคือมีลูกค้าติดต่อเข้ามาขอซื้อสูตร ซื้อชา ซื้อแฟรนไชส์จำนวนมาก แต่ด้วยตอนนั้นตาต้องยืนชงขายหน้าร้านอยู่ทุกวัน แทบไม่มีเวลาคิดเรื่องขยายแฟรนไชส์ อีกอย่างคือเรายังไม่พร้อมที่จะขยาย เพราะรับลูกค้าหน้าร้านวันๆหนึ่งก้อแทบไม่มีเวลาได้ทานข้าวแร้ว ก้อเริ่มคิดว่าเราต้องหาคนมาชงแทน เพื่อที่ตัวเราจะได้มีเวลาไปคิดเรื่องการทำแฟรนไชส์ แต่ด้วยความต้องการของลูกค้าที่ต้องการซื้อแฟรนไชส์ให้ได้ ทำให้เราต้องขายไปด้วยความไม่พร้อม ตอนนั้นก็มีประมาณ 3 สาขา ทั้งสถานที่ในการสอนสูตร ทั้งเรื่องการขนส่ง เรื่องสื่อต่างๆ เรียกได้ว่าทุลักทุเลมาก มันโตเร็วเกินกว่าที่เราคิดไว้มาก พอเริ่มได้บุคลากรที่มีความสามารถ ได้ทีมงานที่รู้ใจ มีเพื่อนช่วยคิดในตอนนั้น มีรุ่นพี่จากแบงค์กรุงศรีคอยช่วยเหลือให้คำแนะนำในเรื่องต่างๆ ทำให้เราสามารถฝ่าวิกฤติครั้งนั้นมาได้ เริ่มขยายแฟรนไชส์แบบมืออาชีพและเป็นระบบทุกขั้นตอน

สินค้าผิดสเปค เสียหายไปหลายแสน

ตาทำธุรกิจด้วยกระแสเงินสด ไม่มีกู้แม้แต่บาทเดียว ฉะนั้นวิกฤติจริงๆจึงอยู่กับเรื่องอื่น ซึ่งวิกฤติจริงๆก็จะเป็นในเรื่องของวัตถุดิบหลัก นั่นก็คือผงชา เพราะวัตถุดิบทั้งหมดเรานำเข้าจากต่างประเทศ เมื่อปีที่แล้วเราซื้อวัตถุดิบหลักจากตัวแทนจำหน่ายในเมืองไทย ปรากฏว่าล็อตนึงเราได้ของไม่ตรงสเปคเหมือนทุกครั้งเพราะเมื่อนำมาผสมทำให้รสชาติของชาไม่เหมือนเดิม แฟรนไชส์หลายสาขาขอเปลี่ยนชา ครั้งนั้นขาดทุนไปหลายแสนบาท ก็ได้กำลังใจจากครอบครัว แฟน ครอบครัวแฟน ทำให้สู้ เมื่อเจอปัญหานี้ ทำให้เราหาแหล่งข้อมูลเพื่อติดต่อกับผู้ผลิตโดยตรงจากต่างประเทศ ซึ่งภาษาก็เป็นอุปสรรคมาก และแม้จะต้องดีลในปริมาณที่มากกว่าเป็นสิบเท่า เราก็ยอมจ่าย เพื่อควบคุมคุณภาพ และมาตรฐานให้คงที่

กลยุทธ์การขยายสาขา เข้าถึงกลุ่มลูกค้า

ss4

ต้องแบ่งเป็น 2 ส่วนคือลูกค้าทั่วไป กับลูกค้าแฟรนไชส์

ลูกค้าทั่วไป คือลูกค้าที่ซื้อเครื่องดื่มจากทางร้านแต่ละสาขา การเข้าถึงกลุ่มลูกค้าคือ เราสร้างเครื่องดื่มในราคาเริ่มต้นแก้วละ 25 บาทเพื่อให้เข้าถึงทุกกลุ่มลูกค้า คือราคานี้ใครก็เอื้อมถึง พอมองว่าราคาแค่นี้กลุ่มคนไฮโซติดแบรนด์ก็อาจจะคิดว่า คงเหมือนร้านข้างๆทางทั่วไป ตาก็เลยใส่คุณค่า สร้างสตอรี่ให้ทีซ่าทุกๆแก้ว ถุง ถัง ด้วยกรรมวิธี ชง เชค ชิม กระทั่งเป็นจุดขายของกรรมวิธีการเชคสดที่กว่าจะได้มาแต่ละแก้ว นั่นคือคุณภาพที่เราคัดสรรมาให้ลูกค้าทุกท่าน จึงไม่แปลกที่วันนี้เราจะเห็นลูกค้าขับรถหรูมาจอดเพื่อซื้อชาเย็นและกาแฟโบราณ แก้วละ 25 บาท

สำหรับลูกค้าแฟรนไชส์ เราเลือกกลุ่มคนที่ต้องการมีรายได้เพิ่ม และด้วยระบบที่เรามี บวกกับแบรนด์ที่การันตีรายได้หลักหมื่นถึงหลักแสนให้กับผู้ซื้อแฟรนไชส์ทุกคน ทำให้ทุกวันนี้ลูกค้าต้องการเปิดสาขา 2 สาขา 3 เป็นจำนวนมาก บางคนมี 4-5 สาขาเลยทีเดียว

สิ่งที่เราทำมาโดยตลอดนั่นก็คือ การแบ่งเขตแฟรนไชส์ที่ถือผลประโยชน์ของผู้ซื้อแฟรนไชส์เป็นหลัก และราคาวัตถุดิบในราคาย่อมเยาว์

สินค้าปัจจุบันมีอะไรบ้าง

ปัจจุบันทีซ่าชาปากยูน มีทั้งหมด 102 สาขาทั่วประเทศ สินค้าหลักที่เราจำหน่ายให้แก่แฟรนไชส์ คือ ผงชา ผงโกโก้ กาแฟโบราณ  ถุงกระดาษ

มีหลักบริหารเฟรนไชส์อย่างไร

ss5

หลักในการบริหารแฟรนไชส์ คือตาใช้สายสัมพันธ์นำธุรกิจ ด้วยความที่เจ้าของแฟรนไชส์อายุน้อยกว่าเจ้าของสาขาแทบทุกสาขา ทำให้แต่ละคนกล้า ที่จะพูดคุยปรึกษาแนะนำได้ทุกเรื่อง ซึ่งสายสัมพันธ์แบบพี่น้อง ทำให้ทุกคนมีแนวคิดไปในทางเดียวกันนั่นก็คือ พัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง

อะไรทำให้ น้องตา นำพาธุรกิจมาถึงวันนี้ เติบโตเร็วมาก

ความอยากที่มากพอ จะสามารถเอาชนะความยากทุกประเภท

กี่ล้านเสียงที่บอกว่ามึงทำไม่ได้ ไม่มีทางดังกว่าหนึ่งเสียงในหัวใจที่บอกว่า กูอยากรวย

มุมมองธุรกิจแบบรากหญ้าคืออะไร

แตกต่างและดีกว่า สร้างความยูนีค จากแบรนด์อื่นในตลาด เป็นผู้นำในเรื่องรสชาติ และความคิดสร้างสรรค์การออกแบบแพคเกจใหม่เพื่อดึงดูดลูกค้า เพื่อให้เกิดเครื่องดื่มคุณภาพที่ใครๆก็เอื้อมถึง

วางแผนการตลาดไว้อย่างไรบ้างครับ

แผนการตลาดในอนาคตคือการขยายสาขาให้ครอบคลุมทั่วทุกจังหวัด ภายในกลางปีหน้า  และขยายสู่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียต้นปีหน้าเป็นต้นไป

ให้กำลังใจเพื่อน ๆ หน่อยครับ

เราสำเร็จเร็วขึ้น 10 ปี ครอบครัวเราสบายเร็วขึ้น 10 ปี เราสำเร็จช้าไป 10 ปี ครอบครัวเหนื่อยหนักไปอีก 10 ปี จงเป็นลูกที่ผ่อนแรง ไม่ใช่ลูกที่กินแรงความสำเร็จไม่ได้เริ่มต้นที่ทุนเท่าไหร่ แต่เริ่มจากใจว่าอยากจริงรึป่าว  อย่าใจเสาะ

ถ้ายังไม่รู้ว่าเริ่มจากตรงไหน เก็บเรื่องราวของตา ที่ไม่มีต้นทุน ไม่มีแต้มต่อ เป็นแรงบันดาลใจ ให้คุณเริ่มทั้งๆที่กลัวนี่แหละ หากกำลังประสบปัญหามืดแปดด้าน หาทางที่ก้าวไม่เจอ ก็แค่ขอให้คุณเดินออกมาจากทางที่คุณเดินเข้าไปนั่นแหละ

จำไว้ว่า เกิดมาจนคุณไม่ผิด แต่ถ้าตายแล้วยังจนคุณนั่นแหละผิด

โปรโมชั่นพิเศษสำหรับแฟนคลับ “Taokaemai.com”

รับส่วนลดพิเศษในการเป็นเฟรนไชส์ T-ZA ชาปากยูน 4,000 บาททันที

ท่านที่สนใจ ลงชื่อไว้ได้เลยครับ เดี๋ยวเจ้าหน้าที่ติดต่อไปให้รหัสส่วนลด

ss6

ช่องทางติดต่อธุรกิจ

ss7

Tel / 086-9561919

Facebook / Tatatzachapakyoon

Page/Tzachapakyoon

Line @ / @tatatza

 

เถ้าแก่ใหม่วิเคราะห์ธุรกิจ

ธุรกิจเครื่องดื่มชาชง ผสมนม ชาไข่มุก ต่าง ๆ มูลค่าตลาดกว่า 2  หมื่นล้านบาท เรียกได้ว่าเปิดตลาดมาถ้าไม่คิดอะไรมากมายก็ขายได้ครับ จะเป็นรูปแบบร้านคีออส หรือ รถเข็นก็มีให้เห็นมากมายครับ

เมื่อตลาดน่าสนใจ หลายคนก็เข้ามาเล่นในตลาดนี้ ครับ มีหลายแบรนด์หลายยี่ห้อทีเดียวเลยครับ

T-ZA ชาปากยูน เป็นอีก 1 ธุรกิจประเภทนี้ ที่ถือว่า “เติบโต” อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้คงได้กระแสจากรสชาติที่แตกต่าง การนำเสนอการชงสดทุกแล้ว ชา ปักษ์ใต้จะต่างจากชา ที่อื่น เรามักจะได้เห็นรูปแบบชาชัก นั่นหละครับเคล็ดลับความอร่อย ตลอดจนผงชาที่เป็นแบบฉบับ ทำให้ได้รสชาติที่เข้ม ข้น หวานมัน ครับ

การเติบโตอย่างรวดเร็วเป็นเรื่องดี แต่การจะยังคงรักษาระดับการเติบโต ตลอดจนการดูแลรักษากลุ่มผู้ซื้อเฟรนไชส์ให้อยู่กับเราไปนาน ๆ นั้นต้องให้ความสำคัญกับจุดนี้ให้มากครับ

เอาใจช่วยน้องให้ทำธุรกิจเติบโตยิ่ง ๆ ขึ้นไปครับ