เป็นอีก 1 ครั้งที่ผมรู้สึกปลาบปลื้มที่ระดับ “เถ้าแก่ใหญ่” ให้โอกาสกับ “เถ้าแก่ใหม่” นำเรื่องราวประสบการณ์ ความรู้ และแรงบันดาลใจมาแบ่งปันให้กับน้อง ๆ ครับ

ผมมีโอกาสได้รู้จักพี่วิทย์ เมื่อครั้งที่ผมไปร่วมสัมมนา “อสังหาฯ” ของ อ.รวิโรจน์ และพี่วิทย์ มาเป็นวิทยากรรับเชิญ

พี่วิทย์ เป็นคนตลก จำได้เลยครับ วันนั้น พี่แกเล่าประวัติที่เจ็บปวด เล่าเรื่องความจน ได้ขำกันทั้งห้อง

เพราะ “จน” มันเป็นอาการ เป็นเรื่อง “ชั่วคราว” แต่การถ้าเรา “ปลาบปลื้ม” อยู่กับอารมณ์นั้น “ความจน” มันจะเป็นเรื่อง “ถาวร”

พี่วิทย์นำเรื่องราว การก้าวข้าม “ความจน” มาแบ่งปันให้พวกเราได้ เรียนรู้ และนำแนวทางไป แก้ไขพัฒนาปรับปรุงตัวเราเองกันนะครับ

รบกวนพี่วิทย์แนะนำตัว ให้น้อง ๆ รู้จักอีกสักครั้งครับ

 

สวัสดีครับ  พี่วิทย์ ธวิทย์  ศรีใหม่  ปัจจุบันอาชีพ   นักลงทุนที่ดิน   และแบ่งปันความรู้ผ่าน   คอร์สสัมมนา “ รวยฟ้าผ่า 30 ล้านใน 30 เดือนจากที่ดิน ”

ทราบว่าก่อนหน้านี้ชีวิตก็ลำบากมาพอสมควร

ใช่ครับ ผมเป็นเพียง ลูกชาวนาจนๆ   สมัยเรียนก็เป็น เด็กช่างซ่าๆ ตามประสานักเลงเสื้อช็อปทั่วไป เมื่อทำงานก็เป็นประเภทมนุษย์เงินเดือนฮาๆ  แต่น้ำตาตกมาตลอดเพราะเงินไม่พอใช้ ต้องนำเงินอนาคตบัตรเครดิตมาใช้ ตอนนี้ทำธุรกิจสู่นักลงทุนที่ดินเงินล้าน

อะไรเป็นจุดเปลี่ยนให้พี่ก้าวเข้ามาทำธุรกิจที่ดินครับ

หนี้สิน 2.5 ล้าน เป็นหนี้บัตรเครดิต 500,000  บาท  ขณะที่รายได้เพียง 30,000 บาท / เดือน

ที่สำคัญ  คือ  เคยคิดฆ่าตัวตาย จากปัญหาหนี้สินที่รุมเร้า พี่ว่าหลายคนคงเคยมีอารมณ์นี้นะ หันไปไหนก็มืด ซ้ายก็มืด ขวาก็ตัน บนก็หนี้ ล่างก็ค่าใช้จ่าย ตาย ๆ ไปเสียให้พ้น ๆ มันคงจะดีกว่า

เมื่อตันก็ตื้อไปหมด สุดท้ายไม่ไหวก็ลองวางมันดู พอนิ่งก็คิดได้ว่าถ้าเราตายไปแล้วอะไรมันจะจบไหม คงไม่จบ หนี้สินคงไปได้ตายไปกับเรา คงตกเป็นของคนที่อยู่ด้านหลัง เอาหวะ !! สู้อีกสักครั้ง

คราวนี้เริ่มต้นอย่างไรพี่ เงินก็ไม่มี หนี้ก็ติดตัว

ศึกษา เรียนรู้ อ่านหนังสือ ดู Youtube  เกี่ยวกับการลงทุน และด้านอื่นๆ  อย่างบ้าคลั่ง   ค้นหาวิธีการปลดหนี้ ความรู้ทางการเงิน หาช่องทางการลงทุน เพื่ออิสรภาพทางการเงิน  ค้นพบว่าที่ดินน่าจะเป็นทรัพย์สินเดียวที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นตลอดกาล เลยเลือกลงทุนที่ดิน   เริ่มจากการยอมขายทุกอย่างเพื่อล้างหนี้  ขายของสะสมที่รัก  รวมทั้งขายบ้านเพื่อล้างหนี้ก้อนโต  และลงทุนซื้อที่ดินเปล่าโดยกู้ธนาคารด้วยสลิปเงินดือน   และสเตทเม้นท์

มันดูจะเป็นความบ้าระห่ำนะครับ แต่ต้องเข้าใจว่าสภาวะตอนนั้นมัน

“หลังชนฝา หมาจนตรอก” ทางออก วิธีแก้มันมีไม่มากนัก ขายไรได้ขาย ทุบหม้อข้าวตัวเอง จะไม่ยอมตายอยู่อย่างนี้แน่ ๆ ขอไปตาย ไปสู้เอาดาบหน้า

แล้ว “ความบ้า” ก็พาผมมาพบกับ “ความสำเร็จ”

ซื้อมาขายได้เลยไหม มีปัญหาอะไรบ้างครับ

ปัญหาที่เจอส่วนใหญ่  คือ ยังขายไม่ได้ในช่วงแรกของการลงทุน  ความกลัวมาครอบงำ สิ่งที่จัดการคือเราต้องคิดๆๆๆๆเพิ่มเติมถึงสิ่งที่เรายังไม่ได้ทำเพิ่มเติมเสมอๆ แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตามที    และลงมือทำสิ่งใหม่ๆเสมอๆ สุดท้ายทุกปัญหาจะถูกเปลี่ยนไปจากาการลงมือทำทีละก้าวๆๆ  จนพบทางออกเสมอ  สำคัญคือ

“ ต้องแตกต่างและดีกว่า อย่างไม่สิ้นสุด”    เมื่อเทียบกับคนอื่นในตลาด

เราต้อง “มีกำไร ตั้งแต่ตอนซื้อ” ไม่ใช่เพิ่งจะคิดได้ว่าจะทำกำไรเท่าไหร่ ตอนที่เราจะขาย ซึ่งนั่นคนทั่วไปเขาทำกัน

ผมเห็นเลยครับว่า ที่แปลงนี้จะทำกำไรจากมันได้อย่างไร ดูที่มาเป็นร้อยเป็นพันแปลงครับ

ดูให้มากเลือกให้แม่น กำไรเห็น ๆ

วิกฤตที่สุดในธุรกิจที่ผ่านมาคืออะไรครับ

ช่วงแรกๆ  ลงทุนกู้ระห่ำ  เงินสำรองฉุกเฉิน คือกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบริษัทเท่านั้น  เนื่องจากการลงทุนที่ดินไม่มีรายได้ระหว่างการลงทุน  ต้องอดออมอย่างมาก

ยอมลดหน้าตาลง  เช่าบ้านหลังเล็กๆ  เอารายได้เกือบทั้งหมดมาผ่อนที่ดินที่ลงทุน เอาวงเงินสินเชื่อส่วนบุคคลมาแก้ปัญหาเป็นครั้งคราว หลายคนก้าวไม่พ้น มองไม่ผ่านเรื่องของ “หน้าตาดูดี แต่ไม่มีกิน” คือ ทำตัวหรูหรา ขับเก๋ง ใช้ไอโฟน นอนคอนโดหรู คือถ้ามีเงินเป็นถุงเป็นถังคงไม่มีปัญหา แต่โดยส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นอย่างนั้น เงินเดือนแต่ละเดือนแทบไม่พอใช้ เพราะหมดไปกับค่า “เครื่องประดับ” ที่ว่ามา ไม่มีเงินไว้ลงทุน สุดท้ายก็ต้องกู้หนี้ยืมสิน ผมผ่านจุดนี้มาได้ และเข้าใจเลย ความสวย หล่อ ภายนอก ตอนที่เราไม่มีกิน มันช่วยให้เรามีความมั่นคงอะไรไม่ได้เลย สู้เรา “รู้จักใช้ ประหยัด อดออม” เหลือเงินมาลงทุนต่อยอดให้กับชีวิต ต่อยอดเงินทองให้มีมากมายเหลือกินเหลือใช้ก่อนแล้วค่อยมา “เสริมหล่อ” ให้รางวัลชีวิตด้วยบ้านหลังโต ๆ รถคันหรู ๆ อันนี้ก็ไม่น่าเกลียดอะไรครับ

 ทั้งหมดด้วยความเชื่อว่าเป็นการลงทุนเป็นหนี้ “ดี”

หลังจากขายแปลงแรกได้ทำกำไรหลักล้าน   สภาพคล่องมาอย่างเต็มที่  และใช้แผนเชิงรุกต่อเลย

พี่ขายอย่างไร หาลูกค้าอย่างไรครับ

ลุยด้วยตนเอง  ทำแบบบ้าน ๆ ทำทุกช่องทางที่มี   เช่น   ปักป้ายขาย  ทำโบรชัวร์แผ่นพับไปแจก  ทำสติ๊กเกอร์ประชาสัมพันธ์  โพสน์ขายในเน็ต  ฝากนายหน้าขาย   และที่สำคัญมากคือ  ลุยเองเดินตรงเข้าหากลุ่มลูกค้าพูดง่ายๆ คือขายตรงเลย ฯลฯ การได้พูดคุย มันดูจริงใจและโอกาสปิดการขายทำได้ง่ายกว่าครับ

 จุดสำคัญในการทำธุรกิจนี้ให้สำเร็จคืออะไรครับ

  1. เลือกลงทุนในทรัพย์สินที่ไม่มีวันด้อยค่า ความเสี่ยงต่ำมาก
  2. ซื้อถูก ขายถูกกว่าตลาด เพื่อความเร็ว หรือสภาพคล่อง
  3. เปลี่ยนภาษขาย เป็นภาษาการให้ เพื่อขายง่ายได้มิตรภาพที่ดี

 พี่บริหารทีมงานอย่างไรครับ

หากเราเป็นเขา  เราต้องการสิ่งใด       ใจเขาใจเรา

ความสุขและมิตรภาพมีมูลค่าเหนือทุกสิ่ง

 

รากหญ้า พื้นฐานธุรกิจที่พี่ใช้เป็นอย่างไรครับ

เดินเข้าไปขายตรงสู่กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย  ติดต่อลูกค้าเอง  เดินแจกเอกสาร โบรชัวร์เองเลย

 แผนการตลาดในอนาคต

ใช้สื่อโลกออนไลน์เพื่อขยายพื้นที่การลงทุนครอบคลุมทั้งประเทศ

ฝากข้อคิดให้กำลังใจน้อง ๆ หน่อยครับ

  1. “ปัญหา” มันไม่มีอยู่จริงหรอก มันก็แค่สิ่งใหม่ที่ต้องเรียนรู้เพิ่มแค่นั้นเอง
  2. “คำว่าเป็นไปไม่ได้” มันมีแค่ในพจนานุกรม แต่มันไม่มีอยู่ในโลกความจริง

 ช่องทางติดต่อธุรกิจ

Fanpage : โค้ชวิทย์  นักลงทุนที่ดินเงินล้าน

เถ้าแก่ใหม่วิเคราะห์ธุรกิจ

ผมคงต้องใช้พื้นที่ตรงนี้ “ขอบคุณ” พี่วิทย์ แทนเพื่อน ๆ เถ้าแก่ใหม่ ที่พี่วิทย์ได้นำประสบการณ์ ความยากลำบาก และ แนวทางการ “พลิกชีวิต ผลักดันธุรกิจ” จากคนที่ “ยากจน” กลายเป็นคนที่ “จนยาก”

ไม่ได้มีใคร พร้อม มาตั้งแต่เกิด บางคนมี บางคนขาด …

แต่มันไม่สำคัญหรอกครับ แต่วันที่เรา “ลำบาก” นี่สิครับ สำคัญ

สำคัญที่ว่า “เราจะยอมลำบาก” ไปอย่างนี้ตลอดชีวิตหรือไม่

เราจะยอมเป็น “หนี้” ไปตลอดชีวิตหรือป่าว

ถ้าคิดไม่ได้….ก็ เป็นเหมือนเดิม

แม้คิดได้ แต่ไม่ลงมือทำ…ก็ใช่ว่าชีวิตจะเปลี่ยน

แม้ทำแต่ไม่อดทน…ชีวิตก็จะยิ่งแย่กว่าเดิม

ทุบหม้อข้าว…ตายเป็นตาย อดเป็นอด

ถ้าไม่ “สำเร็จ” กูไม่เลิก ….

พี่วิทย์ทุบหม้อข้าว…ลุยเป็นลุย

แล้วพวกเราหละครับ….เป็นแบบไหน