เมื่อสองปีที่แล้วผมได้มีโอกาสนำเรื่องราวของ เจ้าชายบล็อกเกอร์ (ผมแอบตั้งฉายาให้เอง) มาแบ่งปันในท้องทุ่งความรู้เถ้าแก่ใหม่แห่งนี้ครับ

วันนี้ผมได้มีโอกาสพูดคุยและขอให้คุณพอล Ceoblog.co มาช่วยแบ่งปันมุมมองในเรื่องของ Digital Marketing สำหรับเพื่อน ๆ SMEs เพื่อให้ทุกท่านได้เข้าใจภาพกว้างของการทำธุรกิจบนโลกออนไลน์ได้มากยิ่งขึ้นครับ

ตอนนี้เจ้าชายบล็อกเกอร์ของผม ไม่ได้ทำแค่เรื่องของการสร้างบล็อกเพียงอย่างเดียวแล้วครับ ทว่าตอนนี้เขา Transform ตัวเองมาเป็น Digital Marketing Guru ยกระดับธุรกิจเป็น Digital Agency และมีแผนพัฒนาธุรกิจของเขาเองให้เติบโตควบคู่ไปกับการช่วย SMEs ให้เข้าถึงโอกาสความสำเร็จในธุรกิจออนไลน์ได้มากยิ่งขึ้นครับ

เรามาลองฟังมุมมองธุรกิจจากกูรูดิจิตอลคนนี้ไปด้วยกันครับ

ทักทายเพื่อน ๆ เถ้าแก่ใหม่อัพเดตสถานะปัจจุบันให้เพื่อน ๆ ทราบหน่อยครับ

สวัสดีครับ แนะนำตัวอีกครั้งผม พรพรหม กฤดากร ชื่อเล่น พอล ครับ ผมทำค้าปลีกมาสิบปีแล้ว รับหน้าที่เป็นผู้บริหารทีมจัดซื้อและโลจิสติกส์ระหว่างประเทศในธุรกิจโมเดิร์นเทรด ก่อนออกมาทำอาชีพนักการตลาดออนไลน์สายสร้างแพลทฟอร์ม เช่น แพลทฟอร์มเว็บไซต์ข่าว เว็บไซต์อีเลิร์นนิ่ง เป็นต้น

ตอนนี้ก่อตั้งเป็นนามบริษัทชื่อ Founder 29 Co.,Ltd. สโลแกนคือ A digital business company เน้นทำธุรกิจและการตลาดดิจิตัลครับ ได้แก่ สร้างและบริหารเว็บไซต์ ทำสื่อโฆษณาออนไลน์ และทำ Affiliate marketing ครับ ในอนาคตอาจจะเข้าไปลงทุนซื้อเว็บไซต์ด้วยครับ ส่วนเว็บไซต์หลักตอนนี้คือ www.ceoblog.co ครับ

 

เข้าเรื่องเลยละกัน Digital Transform ในมุมมองของคุณพอล เป็นแบบไหน

อิงจาก Isaac Sacolick, Chief Information Technology จากบริษัทที่ปรึกษาด้านการบริหารองค์กร Greenwich Associates บอกว่า Digital transform คือการ

 

“…blur the lines between supply chain, partner, customer, crowd, and employee and both strategy and execution are heavily influenced by this ecosystem…”

ถ้าตามนี้ก็เหมือนกับองค์กรใหญ่ ๆ อารมณ์ Corporate ที่ผมเคยทำสมัยก่อน การอนุมัติการปฏิบัติงานเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างการอนุมัติใบสั่งซื้อสินค้าต้องเซ็นกันประมาณ 3-4 แผนก บางทีมีต้องส่งต้นฉบับเอกสารทางไปรษณีย์ไปให้ผู้จัดการที่อยู่อีกพื้นที่เซ็น จากนั้นส่งต้นฉบับไปให้ Supplier กิจกรรมนี้ปัจจุบันยังมีอยู่ในองค์กรใหญ่ ๆ ที่เก่า ๆ นะครับ และเป็นกิจกรรมที่แพงมาก มันเปลืองเวลา เปลืองพลังงานไปกับสิ่งที่ไม่จำเป็น

แต่บางองค์กรที่ทำ Digital transform ก็นำซอฟต์แวร์เซ็นเอกสารจากหน้าจอ ผู้บริหาร 3 คนถือ Device 3 เครื่องอยู่คนละประเทศยังได้ แล้วเซ็นเอกสารด้วยกัน พนักงานได้รับลายเซ็นครบก็ส่งเอกสารในรูปแบบ electronics ไปหา supplier ไม่ต้องมาพิมพ์แล้วสแกนหรือส่งแฟกซ์อะไร ประหยัดเวลา เพิ่มความเร็วในการแข่งขันในตลาดได้

มันก็เลยต่อกับนิยามของอีกคนชื่อ Dion Hinchcliffe เป็น Technologist Strategist เปรียบได้เยี่ยมมาก เขาบอกว่า “…Transformation is a more caterpillar to butterfly process…” เป็นการเปลี่ยนแปลงการทำงานแบบเต็มรูปแบบเหมือนจาก ‘หนอนไปเป็นผีเสื้อ’ แต่ทุกอย่างดีขึ้น เร็วขึ้น มีประสิทธิภาพและความสวยงามขึ้น

จริง ๆ แทบทุกองค์กรทำ Digital transform อยู่แล้ว อาทิ เปลี่ยนจากพิมพ์ดีดมาเป็นคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป, เปลี่ยนจดหมายมาเป็นอีเมล์, เปลี่ยนจากเครื่องรูดบัตรเครดิตแบบ zip zap ไปเป็นเครื่องรูดบัตร ERP

เหล่านี้คือการ transforms ทั้งหมด จากมีตัวตน ใหญ่เทอะทะและช้าไปสู่ดิจิตัลที่เบา มีประสิทธิภาพและรวดเร็วกว่า และ Digital transform ก็จะมีอะไรใหม่ ๆ เกิดขึ้นทุกปีซึ่งอยู่ที่ผู้นำองค์กรจะรับมาปฏิบัติใช้หรือไม่

 

เถ้าแก่ใหม่หลายคนพยายามยกระดับธุรกิจ แต่ก็ยังติดปัญหาการทำการตลาดออนไลน์ จากประสบการณ์คุณพอล จะแนะนำเพื่อนๆ ได้อย่างไรครับ

ปัญหาที่ผมพบบ่อยที่สุดคือ ‘ไม่เข้าใจการตลาดออนไลน์’

หลายคนที่มีปัญหาและผมมีโอกาสได้คุยด้วยมักทำการตลาดออนไลน์โดยการโพสต์เฟสบุ๊ค ซึ่งการโพสต์เฟสบุ๊คผมยังไม่นับว่าได้ทำการตลาดออนไลน์เต็มที่ — การโพสต์เฟสบุ๊คคือ Digital transform จาก ตลาดนัดบนดิน สู่ ตลาดนัดออนไลน์

วันนี้คนมาโพสต์ขายของบนเฟสบุ๊ค โพสต์สินค้าลงไทม์ไลน์ของเฟสบุ๊คถี่ ๆ หลายคนไม่ทำ Facebook business page อาศัยโพสต์ในเฟสบุ๊คส่วนตัวเพราะง่าย และเพื่อน ๆ เห็นกันหมด ไม่เหมือนเพจต้อง Boost post ถ้าจะให้ถูกเห็น และสิ่งที่ผมเห็นคือหลายคนบอกว่าโครตเหนื่อย ตอบแชททั้งวัน แพ็กของทั้งคืน ตอบช้าโดนด่า ขายดีโดนคู่แข่งมา Spy สินค้าไปขายตัดราคา ฯลฯ

ก่อนจะเล่าต่อว่า การตลาดออนไลน์คืออะไร ขอท้าวความเพิ่มเติมอีกนิดว่าฝั่งผมทำการตลาดออนไลน์โดยอาศัยเครื่องมือสร้างระบบ Digital marketing เต็มรูปแบบ ยอดขาย 8 หลักด้วยอัตราการแชทกับคนน้อยมาก และค่อนข้างกึ่ง ๆ Automation ในระดับที่น่าพอใจ

ระบบคลังสินค้าและโลจิสติกส์ผมเอาต์ซอส โดยออเดอร์ทั้งหมดจะเข้ามาในระบบ Shopping cart ที่ผมเตรียมไว้ในหน้าเว็บไซต์ การเงินจะไปทางระบบบัตรเครดิตออนไลน์ ข้อมูลลูกค้าเข้าดาต้าเบสหลังบ้าน จากนั้นอัพโหลดดาต้าเบสให้บริษัทที่รับฝากสินค้าและทำโลจิสติกส์ผ่านระบบ IT ของเขา เขาจับแพ็กและส่งของถึงลูกค้าภายใน 3 วัน

นี่คือตัวอย่างการทำ Digital marketing และ Digital transform ไปพร้อมกัน  การคุยกับมนุษย์นั้นน้อยมาก

ปล. ผมเป็นคน Introvert ไม่ค่อยชอบคุยกับคนเยอะ ๆ ก็เลยจะฟินกับอะไรพวกนี้ครับ ฮาา

 

แล้วอะไรคือสิ่งที่ SMEs ควรทำจริง ๆ ในการทำการตลาดยุค Digital แบบนี้ครับ

โอเค! Digital marketing คืออะไร? — ในนิยามของผม อิงจากประสบการณ์ส่วนตัวและจากแบบอย่างที่ผมเฝ้าติดตามในต่างประเทศ

Digital marketing คือ การผสมผสานเครื่องไม้เครื่องมือและหลักเทคนิคคอลต่าง ๆ เพื่อทำให้ ‘สาร’ (ข้อความ ข้อมูล สินค้า ฯลฯ) ไปถึงกลุ่มเป้าหมายที่อยู่บนโลกออนไลน์อย่างถูกที่ถูกเวลาและกระบวนการทางธุรกรรมต่าง ๆ มีความเป็นกึ่งอัตโนมัติ

เครื่องมือได้แก่อะไรบ้าง?…. เว็บไซต์และซอฟต์แวร์การทำระบบอีเมล์ออโต้เมชั่น, ซอฟต์แวร์การทำ Traffics conversion, Lead generation, และ Sales funnels อันได้แก่ ซอฟต์แวร์การสร้าง Landing page, และ Online form เป็นต้น, ซอฟต์แวร์การวิเคราะห์หน้าเว็บเพจได้แก่ Heat map และ Google analytics ซอฟต์แวร์การวิเคราะห์ Traffics อาทิ Google analytics รวมไปถึงซอฟต์แวร์การทำระบบ Shopping cart และ Payment gateway ฯลฯ เหล่านี้นักธุรกิจออนไลน์ในต่างประเทศใช้ทุกตัว ผมก็เช่นกัน

และที่สำคัญ เว็บไซต์ธุรกิจและอีคอมเมิร์ซที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในต่างประเทศและในไทยแทบไม่มีใครพึ่งพา Traffics จาก Facebook พวกเขามีรายได้จากคนที่เข้าเว็บไซต์มาทาง Organic search traffics และ Direct traffics

ฉะนั้นสิ่งแรกที่นักธุรกิจต้องทำหากต้องการจะประสบความสำเร็จบนโลกออนไลน์อย่างจริงจังและยั่งยืนคือ ‘ทำเว็บไซต์’

และพัฒนาให้เว็บไซต์ติด Search engine และสุดท้ายคือเป็นที่รู้จักจนเกิด Direct traffics คือคนเข้าเว็บโดยตรงให้ได้!

งานนี้ต้องอาศัยความเข้าใจ จิตใจที่หนักแน่นมั่นคง เพราะการสร้างเว็บไซต์เปรียบเสมือนการสร้างอสังหาริมทรัพย์บนโลกออนไลน์ ซึ่งปีแรก ๆ คุณจะยังไม่ได้อะไรนะครับ มันใช้เวลาเป็นปี ๆ แต่พอมันติดลมบนแล้วคุณจะสบายขึ้น

 

เอาหละครับ !!! เข้าใจว่าเราต้องมีเว็บ แล้วจะทำอย่างไรให้ติดอันดับดี ๆ และเป็นที่รู้จัก ส่วนนี้ Digital Agency อย่างคุณพอล เข้ามาช่วย SMEs ได้อย่างไรครับ

ผมเชื่อสิ่งที่ Steve Jobs บอกอยางหนึ่งคือ ‘บางครั้งลูกค้าก็ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร’ ฉะนั้นคนทำ Digital agency ต้องเข้าใจวิทยาศาสตร์ของการตลาดออนไลน์ในฝั่งตัวเองให้มาก ๆ คือมันเป็นวิทยาศาสตร์ค่อนข้างมาก ฉะนั้นคุณต้องทำตามกระบวนการและหลักการของมันถึงจะประสบผลลัพธ์และผลลัพธ์มันไม่ได้เร็วอย่างที่หลายคนเข้าใจว่ามันต้องเร็ว

            หน้าที่ของ Digital agency คือต้องซื่อสัตย์ต่อข้อเท็จจริงของการตลาดออนไลน์

และต้องบอกให้ลูกค้าเข้าใจตั้งแต่แรก ๆ ถ้าเขาไม่ยอมเข้าใจและจะทำตามใจตัวเองให้ได้ เราอาจต้องพิจารณาปล่อยไปเพราะหากรับทำให้จะเสียหายทั้งสองฝ่าย

กรณี CEOblog ผมสร้างสื่อตัวนี้มาโดยทำให้สภาพแวดล้อมของเว็บไซต์ดูสุภาพและน่าเชื่อถือ แบบนี้ก็ช่วยให้แบรนด์ใหญ่ ๆ ที่ต้องการสภาพแวดล้อมแบบนี้ และคาแรกเตอร์ของสื่อแบบนี้อยากมาลง เพราะเวลาเขามาสื่อกับผม เขาจะรู้ว่าแบรนด์ของเขาดูหล่อดูสวยอะไรแบบนี้ครับ

 

เพื่อน ๆ คงจะพอเห็นภาพ Digital Marketing นะครับ สุดท้ายในมุมมองแบบ Think like CEO ,Think Like Paul อนาคตที่คุณพอลเห็นสำหรับ Thailand 4.0 เป็นอย่างไร

ส่วนตัวผมมองว่าเป็นอดีตไปแล้ว หลักการใน Thailand 4.0 เป็นสิ่งต่างประเทศทำมาเป็นสิบ ๆ และตอนนี้เขาเตรียมจะขยับไปสู่สังคม AI กันแล้ว แม้แต่ประเทศจีนนี่ก็ประกาศตัวแล้วว่าจะเป็นประเทศแห่ง AI อันดับต้น ๆ ของโลกกันเลยทีเดียว

สำหรับแนวคิดใน Thailand 4.0 คนไทยที่อยู่ในวงการ Digital marketing และ Tech startup คุ้ยเคยและนำมาใช้ในการทำธุรกิจไปแล้วไม่น้อยกว่า 5-6 ปีที่ผ่านมาเช่นกัน

            ธุรกิจเป็นเรื่องของปัจเจกครับ ใครรู้ก่อน ทำก่อน นำไปก่อนได้เลย

ผมจะติดตามความเคลื่อนไหวของแวดวงเทคโนโลยี สตาร์ทอัพ และการตลาดออนไลน์ของต่างประเทศค่อนข้างเยอะ ซึ่งอะไรที่เกิดขึ้นในต่างประเทศยังไงวันหนึ่งคลื่นนั้นมันก็ต้องมาไทย ฉะนั้นถ้าฝรั่งปรับตัวไปทางไหนเราก็เรียนรู้และเตรียมตัวตามเขาแต่เนิ่น ๆ

การปรับตัวและการพัฒนาแบบ Digital transform ที่เกี่ยวข้องในธุรกิจของเรา กิจกรรมเหล่านี้เราทำได้เลย และเราควรต้องศึกษาและรู้ก่อนด้วย เพราะอย่างไรเราก็ต้องเป็นคนลงมือทำเองอยู่ดี ในขณะที่เครื่องมือการทำนั้นก็พัฒนาและจัดจำหน่ายโดยเอกชน เราสามารถเข้าไปซื้อหานำมาประยุกต์ใช้ได้เลยครับ


ขอบคุณ ม.ล. พรพรหม กฤดากร

อดีตผู้บริหารงานด้านจัดซื่อและโลจิสติกส์ระหว่างประเทศธุรกิจโมเดิร์นเทรด และผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ CEOblog.co

ข้อมูล

เว็บไซต์ www.ceoblog.co

แฟนเพจ www.facebook.com/ceoblog


 

ผมคิดว่าเพื่อนๆ ที่ได้อ่านบทความนี้คงได้อะไรดีๆ จากคุณพอลกันไปนะครับ ที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของพวกเราแล้วที่จะ “กล้าที่จะก้าว” ไปหรือเปล่าเท่านั้นเอง

ก้าวที่กล้า ไม่ใช่การก้าวอย่างไร้จุดหมาย แต่เป็นก้าวที่รู้ว่าตัวเองมีดีอะไรและรู้ดีว่าก้าวต่อจากนี้ไปจะเดินไปไหน

สำหรับท่านที่อยากได้เพื่อนร่วมก้าว คงที่จะยืนเคียงข้าง และนำทางท่านไปในทิศทางที่ควรจะเป็นไม่ต้องผิดพลาดบนเส้นทาง Digital Marketing เหมือนที่เขาเคยผิดพลาด และพร้อมที่จะก้าวไปกับเทคโนโลยีความรู้และเครื่องมือใหม่ๆ ที่จะทำให้ธุรกิจท่านเติบโตบนโลกออนไลน์ ลองติดต่อพูดคุยกับคุณพอล เป็นการส่วนตัวได้ครับ ผมมั่นใจว่าท่านจะได้รับบริการที่ดีและเป็นไปได้พร้อมกับราคาที่พิเศษที่สุดครับ