ไปที่ไหนก็เห็นคนขาย หมูปิ้ง! เรียกว่าเป็นเมนูยอดฮิตไม่เฉพาะในบ้านเรา ขนาดนิตยสารต่างประเทศยังยกให้เป็น Street Food ติดอันดับ 1 ใน 10 ใครมาเมืองไทยแล้วต้องลอง ไม่เช่นนั้นถือว่า ผิด!

ไม่ยุ่งยาก  คนทำอาหารไม่เป็นก็ขายหมูปิ้งได้

เพราะเป็นอาหารที่ใช้ทุนน้อย  ทำง่ายไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องเป็นแม่ครัวก็ปิ้งหมูขายได้ ขายได้ทุกที่ตามแหล่งชุมชน เวลาปิ้งจะมีควันและกลิ่นหอมโชยเตะจมูกลูกค้า แค่ขับรถผ่านยังอดใจไม่ไหวแวะลงมาซื้อคนละห้าไม้สิบไม้ จึงเป็นอาหารเช้าขวัญใจมหาชนทุกระดับ

เงินลงทุนเริ่มต้นต่ำสุดๆ

ขายหมูปิ้ง ไม่ต้องใช้เงินก้อนใหญ่ อุปกรณ์คร่าวๆ คือเตาปิ้งราคา 500 บาท (เตาอินฟราเรดจะแพงกว่าตกราว 4,000-5,000บาท), ถาด+ตะแกรงวางโชว์ 100 บาท, กล่องพลาสติกใส่หมูหมัก 20 บาท, ไม้เสียบหมูถุงละ 18 บาท, ถุงหิ้วและถุงพลาสติกใส่หมูให้ลุกค้า 70 บาท, โต๊ะพับพลาสติกหนึ่งตัว 500 บาท, กล่องโฟมขนาด 15 กิโล ใส่ข้าวเหนียว 90 บาท  ถ่านและอุปกรณ์เบ็ดเตล็ดอื่นๆ อีกราว 100 บาท รวมลงทุนเบื้องต้นประมาณ 1,413 บาทและจะน้อยกว่านี้ถ้ามีอุปกรณ์บางอย่างอยู่แล้ว

วัตถุดิบเน้นคุณภาพ..ห้ามลดต้นทุนส่วนนี้เด็ดขาด

ขายอาหารทุกชนิดเรื่องวัตถุดิบสำคัญที่สุด ห้ามลดต้นทุนในเรื่องนี้เด็ดขาด  เนื้อหมูที่นำมาทำต้องเลือกมีมันติดบ้าง เช่น ส่วนสันคอหมูเพราะจะมีรสชาติอร่อยนุ่มชุ่มฉ่ำกว่าส่วนที่เป็นเนื้อล้วนๆ หาแหล่งขายหมูใกล้บ้านราคาถูกที่สุดเพราะหมูปิ้งกำไรต่อไม้น้อย

ถ้าซื้อหมูแพงจะไม่คุ้ม เครื่องปรุงอื่นๆ พวกรากผักชี กระเทียม พริกไทย ซอสปรุงรสหาซื้อที่ไหนก็ได้ ให้เลือกของใหม่ไม่หมดอายุหรือซื้อเป็นแกลลอนจะถูกกว่า

กำไรมากหรือน้อยอยู่ที่การหั่นหมู

ปกติหมู 1 กิโลควรเสียบให้ได้ 70 ไม้ขึ้นไป ขายไม้ละ 5 บาท การหั่นหมูอย่าให้หนาหรือบางมากเกินไป ควรหั่นให้มีส่วนเนื้อแดงและมันหมูรวมอยู่ในชิ้นเดียวกัน ปิ้งเสร็จแล้วจะนุ่มอร่อย นำไม้เสียบหมูไปแช่น้ำก่อน 30 นาทีเวลาปิ้งจะไม่ไหม้ เสียบชิ้นหมูให้เรียงกันสวยงามดูน่ากิน

ราคาขาย ดูให้เหมาะกับลูกค้าของเรา

พยายามเชียร์ขายให้ได้เป็นชุดเช่น 3 ไม้ 20 (ไม้ละ 7 บาทกว่าๆ), 4 ไม้ 20 (ไม้ละ 5 บาท) รวมข้าวเหนียว จะได้กำไรดีกว่า บางร้านขายไม้ละ 8-12 บาทให้ดูตามกำลังซื้อลูกค้าและคู่แข่งใกล้เคียง อย่าขายให้แพงกว่าเขามากนักเว้นแต่ของคุณไม้ใหญ่อร่อยเลิศ

มีบางเจ้าขายแค่ไม้ละ 3 บาท อยากบอกว่าขายดีจริงแต่คุณจะเหนื่อยมากกับการเสียบหมู กำไรอยู่ที่ข้าวเหนียว พยายามเชียร์ขายเยอะๆ เมื่อขายได้สักพักควรเพิ่มไลน์สินค้าที่เข้ากันได้ เช่น ตับไก่, ปีกไก่, ตับหมู เอามาปิ้งเพิ่ม บางเจ้ามีน้ำจิ้มรสหวานๆ เค็มๆ แถมมาให้ด้วยหรือน้ำที่ออกมาจากตัวหมูนั่นแหละกินกับข้าวเหนียวก็อร่อย

กำไรดี ตั้งเป้าขายให้ได้วันละ 300 ไม้ขึ้นไป

หมูปิ้งกำไรต่อไม้น้อย ถ้าเอาแค่พออยู่ได้ควรขายให้ได้ประมาณวันละ 2,000 บาทรวมข้าวเหนียวจะเหลือกำไร 700 บาทขึ้นไป  ถ้าขายได้ 3,000 บาทกำไรเพิ่มเป็น 800-1,000 บาทขึ้น เจ้าที่ขายดีเขาขายกัน 500-1,000 ไม้อย่างต่ำ ให้ตั้งเป้าหมายขายให้เพิ่มมากขึ้นทุกวันจะได้มีกำลังใจ ต้นทุนหมุนเวียนต่อวันในช่วงเริ่มต้นจะมีค่าหมูและค่าเครื่องปรุงต่างๆ ตกวันละ 500 บาทขายได้เงิน 900-1,000 บาท ถ้าขายดีก็ค่อยเพิ่มจำนวนหมูให้มากขึ้นไปเรื่อยๆ

ชอบสะดวกสบายหรือไม่มีเวลาทำก็ซื้อแฟรนไชส์

เดี๋ยวนี้มีแฟรนไชส์หมูปิ้งหลายเจ้า เขาจะส่งหมูปิ้งที่เสียบไม้แล้วให้เราเป็นกล่องๆ ละ 50 ไม้หรือมากกว่านั้น เหลือกำไรประมาณไม้ละ 2-3 บาท แล้วแต่ว่าเราสามารถตั้งราคาขายได้สูงมากน้อยเพียงใด

บางแฟรนไชส์ก็จัดหากเคาน์เตอร์ขาย, เตาปิ้ง, ผ้ากันเปื้อน, หมวกคลุมผม, ป้ายผ้าไวนิล, ถุงใส่หมูปิ้งและหมูเสียบไม้จำนวนหนึ่งคือคุณไม่ต้องเตรียมอะไรเลยนอกจากเงินก้อนใหญ่พอควรและการสั่งแต่ละครั้งต้องมีจำนวนมากพอควร แช่นครั้งละ 800 -1,000 ไม้จะไม่เสียค่าขนส่ง  ถ้ามากกว่านั้นต้องเสียค่าส่ง 200 บาท เป็นต้น

เคล็ดลับในการทำธุรกิจหมูปิ้ง

การปิ้งหมู ควรใช้เตาถ่านหรือเตาไฟฟ้าที่ควบคุมอุณหภูมิได้ เนื้อหมูจะสุกนุ่มน่าทานไม่แห้งกระด้าง ส่วนเตาปิ้งแก๊สไม่แนะนำเพราะมีกลิ่นเหม็นของแก๊สและลูกค้าส่วนใหญ่ไม่ชอบ

ควรจัดร้านให้สะอาดน่ากิน เช่น มีใบตองรองหมูปิ้งที่ปิ้งเสร็จแล้ว มีฝาครอบปิดด้านบนหมูปิ้งเพื่อกันผุ่นควันและแมลงต่างๆ หรือจะลงทุนซื้อตู้กระจกใบเล็กๆ  ถ้าได้พื้นที่ขายในอาคารอาจต้องซื้อพัดลมดูดควันไม่ให้ฟุ้งกระจาย

การหมักหมูต้องทำตามสูตรและหมักทิ้งไว้ตามเวลา ไม่ใจร้อนรีบนำมาปิ้งเพราะรสชาติจะไม่ได้ที่ เก็บรักษาเนื้อหมูให้ความเย็นถึงๆ จะได้ไม่มีกลิ่นหรือเน่าเสีย

คุณอาจเพิ่มจุดขายด้วยการเพิ่มหมูปิ้งรสชาติอื่น เช่น หมูปิ้งแกงพะแนง, หมูปิ้งแกงเขียวหวาน. หมูปิ้งซอสญี่ปุ่น. หมูปิ้งเกาหลี, หมูปิ้งตะไคร้ ฯลฯ และเพิ่มข้าวเหนียวดำหรือข้าวเหนียวสมุนไพรจะทำให้น่าสนใจและขายดียิ่งขึ้น