“ครูที่ดีที่สุดก็คือ การล้มเหลวครั้งล่าสุด” คำกล่าวที่ฟังแล้วสร้างกำลังใจอย่างเต็มเปี่ยมของใครอีกหลายๆ คนจากคำพูดของ “คุณสุรชัย ชาญอนุเดช” ผู้ที่เคยผ่านประสบการณ์ชีวิตอันล้มเหลวในแวดวงธุรกิจ ตั้งแต่จุดต่ำสุดและทำให้เขากลับมาก้าวสู่จุดที่ประสบความสำเร็จสูงสุดอีกครั้งในขณะนี้

ปัจจุบัน คุณสุรชัยเป็นผู้ก่อตั้งและเป็นซีอีโอของ บริษัท เคที เรสทัวรองท์ จำกัด เจ้าของธุรกิจพันล้าน “ซานตาเฟ่สเต็ก”ที่หลายคนรู้จักกันเป็นอย่างดี  และยังมีร้าน “มิสเตอร์ เหม็ง”  ซึ่งเป็นร้านอาหารไทย-จีน ที่มีชื่อเสียงไม่แพ้กัน

หากย้อนวันเวลากลับไปกับการเริ่มต้นทำธุรกิจในวัย 26 ปีของคุณสุรชัย กับเงินทุนก้อนแรกเพียงแค่  12,000 บาท ที่เขาได้เริ่มต้นในการทำธุรกิจร้านอาหารที่มีชื่อว่า “ร้านอาหารครัวไท”  ซึ่งมีทีท่าว่าจะไปได้สวย แต่เมื่อถึงจุดที่พายุเริ่มโหมกระหน่ำเข้ามาซ้ำเติมทำให้รายได้เริ่มสั่นคลอนเพราะกิจการไปได้ไม่ดีนัก ประกอบกับเศรษฐกิจช่วงนั้นก็พากันย่ำแย่ไปหลายรายเช่นกัน

เพราะเหตุนี้จึงทำให้คุณสุรชัย ต้องประกาศขายกิจการไป และหลังจากขายกิจการได้ไม่นาน เพื่อนที่รับช่วงต่อก็ไม่สามารถรักษากิจการทำให้ธุรกิจกิจฟื้นขึ้นมาได้ จึงประกาศขายกิจการอีกรอบ

ต่อมาคุณสุรชัย ฮึดสู้อีกครั้ง ด้วยการลาออกจากงานประจำและรับซื้อร้านอาหารครัวไทคืน และเริ่มวางแผนงานบริหารจัดการและพยายามปรับปรุงพัฒนาร้านไปเรื่อย ๆ ถึงแม้จะเจอวิกฤติหลายต่อหลายครั้ง แต่เขาก็ผ่านพ้นมาได้

ด้วยความที่เป็นคนมองการณ์ไกลทำให้เขามองเห็นโอกาสว่าในอนาคตมันจะต้องก้าวไกลกว่านี้ จึงได้ตัดสินใจขยายกิจการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งภายในเวลา 5 ปี สามารถขยายสาขาได้อีก 10 สาขา

จนกระทั่งเกิดวิกฤติขาดทุนขึ้นทำให้เขาต้องเสียเงินไปกว่า 15 ล้าน แต่คุณสุรชัยก็ไม่ย่อท้อ กลับคิดค้นและใช้กลยุทธ์ในการพัฒนาเพื่อให้กิจการดีขึ้น ในที่สุดก็ทำให้ร้านอาหารกลับมาติดตลาดได้เหมือนเดิม และยังสามารถขยายกิจการไปมากกว่า 20 สาขา แถมยังเปิดสาขาไกลถึงต่างประเทศ ดูเหมือนทุกอย่างกำลังไปได้สวย แต่กลับกลายเป็นว่า ครั้งนี้คือ วิกฤติครั้งใหม่ที่ทำให้เขากลายเป็นคนล้ม เหลวในช่วงพริบตา

เพราะเขาขาดทุนกว่า 40 ล้าน กลายเป็นหายนะครั้งที่รุนแรงที่สุดของร้านครัวไท เพราะการขยายสาขาที่มีจำนวนมากเกินไป ทำให้เขาไม่สามารถควบคุมคุณภาพความสดของอาหารจากครัวกลางได้ เป็นความหายนะขั้นรุนแรงที่ทำให้เขาถึงขนาดต้องประกาศปิดกิจการทุกสาขา ไปพร้อม ๆ กับการขาดทุนที่เกิดขึ้นกว่า 92 ล้านบาท

เมื่อความล้มเหลวผ่านพ้นไป สิ่งที่เขาได้กลับมาพร้อมกับความเจ็บปวดก็คือ บทเรียนราคาแพงที่ทำให้ คุณสุรชัยได้กลับ มาฮึดสู้อีกครั้ง พร้อมกับการเริ่มต้นใหม่ด้วยการเปิดร้านสเต็ก ในนามแบรนด์ “ซานตาเฟ่สเต็ก

ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า จนทำให้“ซานตาเฟ่สเต็ก” ขยายสาขาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ  ปัจจุบันมีมากกว่า 70 สาขาและมียอดชายทะลุหลักพันล้านบาทต่อปี อะไรที่เป็นแรงผลักดันและเป็นแนวคิดของสิ่งที่ทำให้เขายึดถือและกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง น่าติดตามมากครับ…

15 แนวคิดธุรกิจของ คุณสุรชัย “ซานตาเฟ่สเต็ก”

1.อย่าโฟกัสแค่ปัญหา

เมื่อพบปัญหาต่าง ๆ ที่ถาโถมเข้ามา คุณสุรชัยจะมีแนวคิดที่ว่า “เราอย่าโฟกัสที่ปัญหา ต้องโฟกัสที่ทางออก เพราะเมื่อเวลาเราจนตรอก มักจะมีซอกเล็ก ๆ ให้ผ่านเสมอเพราะแค่มองหา ก็มองเห็น”  นั่นคือ ปัญหาทุกอย่างหากมัวแต่มองปัญหาก็จะไม่เกิดประโยชน์อะไร ทางแก้ที่ทำได้ในสถานการณ์ที่เจอกับวิกฤติก็คือการโฟกัสมองหาทางออก จะต้องมีทางออกสักทางที่ทำให้เราผ่านพ้นไปได้

2.ยึดหลัก “ตัดแขนตัดขา รักษาชีวิต”

หากพบวิกฤติเกิดขึ้นในธุรกิจ ให้ยึดหลัก “ตัดแขนตัดขา รักษาชีวิต” เมื่อประเมินธุรกิจแล้วว่าไปต่อไม่ได้ สิ่งที่จำเป็นต้องทำอาจจะขัดกับความรู้สึกก็ต้องทำ ก็คือต้องยอมเสียส่วนหนึ่งเพื่อรักษาส่วนใหญ่ไว้ เรียกว่า ต้องยอมตัดแขนตัดขา เพื่อรักษาชีวิตนั่นเอง

3.สร้างสตอรี่ทำให้แบรนด์มีชีวิต

สิ่งที่ทำให้นักลงทุนมองเห็นในแบรนด์ ซานตาเฟ่ที่มีมากกว่าความอร่อย และคุณภาพของสเต็ก ก็คือ ความมีเรื่องราวหรือสตอรี่ สิ่งนี้จึงส่งผลทำให้แบรนด์มีเอกลักษณ์ และมีชีวิต มีพลังที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกมีคุณค่าเมื่อได้ซื้อสินค้า ลูกค้าสัมผัสได้ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากแบรนด์สินค้าที่แข็งแกร่ง

4.ใช้กลยุทธ์ “มัลติแบรนด์”

การเดินหน้าธุรกิจด้วยประสบการณ์ที่ผ่านความล้มเหลวมาจึงทำให้คุณสุรชัยเรียนรู้ว่า การสร้างแบรนด์สินค้าแค่เพียงแบรนด์เดียวย่อมมีโอกาสที่จะพบความเสี่ยงต่อความเปลี่ยนแปลงทั้งทางบวกและทางลบ ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ การฝากอนาคตไว้กับสินค้าเพียงแบรนด์เดียวเป็นวิธีคิดที่ไม่ถูกต้อง

5.ความล้มเหลวไม่ได้น่ากลัว

แนวคิดของคุณสุรชัยได้กล่าวย้ำถึงเรื่องนี้เสมอว่าความล้มเหลวเปรียบเสมือนบทเรียน เป็นเหมือนครูที่จะคอยสอนเราไม่ให้เราพลาดในบทเรียนต่อไป “ครูที่ดีที่สุดก็คือ การล้มเหลวครั้งล่าสุดของเรานั่นเอง”

6.อย่าเผลอทิ้งความอดทนและความฝันไประหว่างทาง

คุณสุรชัยบอกว่าสองสิ่งนี้สำคัญมากสำหรับการขับเคลื่อนธุรกิจ เราต้องนำมาใช้ในธุรกิจอยู่เสมอ คนที่ล้มเหลวไม่ใช่เพราะไม่เก่ง แต่เป็นเพราะเผลอทิ้งสองสิ่งนี้ไประหว่างทางเท่านั้น

7.ทุกความสำเร็จย่อมมีที่มาที่ไปเสมอ

การทำธุรกิจไม่ใช่เป็นเรื่องบังเอิญใด ๆ แต่เกิดขึ้นได้จากการเริ่มต้นคิด และสำเร็จได้จากการกระทำ

8.อย่าไปยึดติดกับปัญหาให้มากนัก

เพราะปัญหาความล้มเหลวในวันนี้ พรุ่งนี้ก็เป็นอดีตไปแล้ว  ฉะนั้นจงอย่ายึดติดกับปัญหาในอดีต ให้เปลี่ยนความวิตกกังวลให้เป็นความสนุก คิดใหม่และเริ่มใหม่เพื่อวันใหม่ที่ดีกว่า

9.ต่อเติมเป้าหมายอยู่เสมอ

เมื่อการดำเนินการทางธุรกิจใด ๆ พบกับความสำเร็จตามเป้าหมายที่ได้วางไว้แล้ว อย่ายึดติดกับความสำเร็จนานนัก สิ่งที่สำคัญกว่าคือการต่อเติมเป้าหมาย และควรสร้างพลังความสำเร็จให้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก

10.ธุรกิจไม่ได้มีแค่คำว่า “สำเร็จ” หรือคำว่า “ล้มเหลว” เท่านั้น

การทำธุรกิจเราอาจจะต้องพบเจอกับการล้มระหว่างทางหลาย ๆ ครั้ง เพียงแต่เมื่อเราล้มเราจะต้องรีบลุกขึ้นใหม่ เรียนรู้และปรับตัวจนกว่าจะถึงคำว่าสำเร็จอย่างที่ตั้งใจไว้

11.คนเคยล้ม สามารถลุกขึ้นใหม่ได้เสมอ

เป็นแนวคิดที่ให้ไว้สำหรับคนที่กำลังทำธุรกิจทุกคนที่อาจจะต้องพบกับอุปสรรค ไม่ว่าจะเกิดขึ้นด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญคือ การไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค หรือถอดใจไปเสียก่อน กลับมาเริ่มต้นใหม่เพื่อเดินต่อไปให้ถึงฝั่งฝันนั่นเอง

12.เงินไม่มี ย่อมหาใหม่ได้

เงินไม่มี ย่อมหาใหม่ได้ แต่หากแรงใจไม่มี เราต้องสร้างขึ้นมาใหม่ เรียกได้ว่า ให้หัวใจใหญ่กว่าอุปสรรคนั่นเอง แรงใจหากหมดไปแล้ว เราต้องสามารถหาใหม่ได้ด้วยตัวของเราเอง สร้างใหม่เพื่อเป็นพลังในการขับเคลื่อนเป้าหมายของเราให้ประสบความสำเร็จดั่งใจคิด

13.หากรับปากใครแล้ว ต้องทำให้ได้

หากรับปากใครแล้ว ต้องทำให้ได้ ถ้าไม่ได้อย่ารับปาก เป็นแนวคิดที่คุณสุรชัยยึดหลักในการดำเนินธุรกิจตลอดมา ด้วยผ่านพ้นวิกฤติการทำธุรกิจในหลาย ๆ ครั้ง ที่ต้องหยิบยืม ขอความช่วยเหลือจากมิตรที่คุ้นเคย หากเมื่อให้คำมั่นกับใครแล้ว ย่อมจะต้องทำสิ่งที่ให้คำมั่นนั้นให้ได้ เพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นให้เจริญงอกงามนานเท่านาน

 14.ให้ความสำคัญในการบริหารคน

ในการทำธุรกิจร้านอาหาร คุณสุรชัยจะให้ความสำคัญในการบริหารคนเป็นอย่างมาก ขั้นตอนทุกขั้นตอนที่เกี่ยวเนื่องกับ คน ตั้งแต่การเลือกคนที่จะมาซื้อแฟรนไชส์ การเลือกทีมบริหาร การเลือกพนักงาน เพราะมองว่า หากได้ทำงานกับคนที่มีแนวความคิดหรือแนวการทำงานที่เหมือนกัน ย่อมจะทำให้เกิดทีมเวิร์กที่ดี ทำให้ธุรกิจไปได้เร็ว

15.ลงมือทำให้มากที่สุด

การทำธุรกิจให้สำเร็จ เราควรประชุมให้น้อยที่สุดและลงมือทำให้มากที่สุด  เพราะเมื่อบริหารคนได้อย่างลงตัวและทราบเป้าหมายร่วมกันแล้ว ความร่วมมือในการลงมือทำให้มากที่สุด จะทำให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อได้อย่างเห็นผลที่สุด

ด้วย 15 แนวคิดธุรกิจของคุณสุรชัย ชาญอนุเดช ผู้มาพร้อมหัวใจที่ยิ่งใหญ่ เข้มแข็ง และก้าวข้ามปัญหาทั้งปวงด้วยความเชื่อมั่นที่ว่า ความล้มเหลวในวันนี้ พรุ่งนี้ก็เป็นอดีต ชีวิตเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ

และความเชื่อมั่นนี้ก็เป็นจริงกับบทพิสูจน์อันยาวนาน ที่ทำให้วันนี้ คุณสุรชัย ชาญอนุเดช สามารถนำ สเต็กซานตาเฟ่  กลับมายืนผงาดในกลุ่มธุรกิจแถวหน้าเมืองไทย และอยู่ในใจของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้

ผมหวังว่าจากแนวคิดการทำธุรกิจของคุณสุรชัย จะช่วยส่งเสริมแนวความคิดให้กับนักธุรกิจทุกท่าน ให้มีไอเดียในการนำพาธุรกิจของตนไปสู่ความสำเร็จ ตามความมุ่งหมายสูงสุดในการทำธุรกิจของทุกคนด้วย เช่นกันครับ

 

Resource :

http://www.santafesteak.com

https://www.facebook.com/สุรชัย-ชาญอนุเดช-85857757087808