การเขียนคอนเทนต์เพื่อกระตุ้นความต้องการของลูกค้าให้อยากที่จะมาซื้อสินค้า คือวิธีที่ใช้จิตวิทยามาโน้มน้าวใจผ่านตัวอักษรที่บอกเล่าเรื่องราวที่คุณอยากจะสื่อ เราเข้าใจพฤติกรรมลูกค้าเราดีเท่าไหร่ ก็สามารถที่กระตุ้นให้เขาซื้อได้มากเท่านั้น   

เมื่อเริ่มต้นทำธุรกิจ แน่นอนครับว่าสิ่งที่ทุกคนอยากได้ อยากเห็นก็คือยอดขายที่เข้ามาเป็นกอบเป็นกำ เพราะยอดขายคือท่อน้ำเลี้ยงใหญ่ที่จะทำให้ธุรกิจที่กำลังทำนั้นอยู่รอด

เมื่อยอดขายคือสิ่งที่ทุกคนปรารถนา การแข่งขันเพื่อช่วงชิงยอดขายจึงต้องพึ่งพากลยุทธ์ต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นยอดขายให้เติบโต การทำการตลาดจึงเป็นกลยุทธ์หลักเพื่อให้ได้ยอดขายที่ตรงตามเป้าหมาย แต่กลยุทธ์การทำการตลาดมีด้วยกันหลายวิธีแล้วแต่ความชำนาญในการเลือกใช้เพื่อให้ตรงกับวัตถุประสงค์ที่ต้องการ

การเขียนคอนเทนต์เพื่อกระตุ้นยอดขายก็เป็นอีกวิธีหนึ่งในการทำการตลาด ซึ่งวิธีนี้มีต้นทุนในการทำที่ไม่สูงมาก หากจะใช้ต้นทุนที่มากหน่อยก็คงจะเป็น “ทักษะในการเล่าเรื่อง” ที่จะสื่อออกมาอย่างไรให้ดึงดูดและกระตุ้นให้คนอ่านกลายมาเป็นลูกค้าได้

เพื่อให้ได้ยอดขายอย่างที่ต้องการ และเพื่อปิดการขายด้วยการใช้บทความ ในครั้งนี้เรามีคำแนะนำว่าคุณจะเขียนคอนเทนต์อย่างไรที่จะกระตุ้นให้คนอ่านกลายมาเป็นลูกค้าและอยากที่จะซื้อของของคุณ ถ้าพร้อมแล้วตามไปดูกันเลยครับ

9 เคล็ดเขียนคอนเทนเทนต์ระตุ้นความอยากเปลี่ยนจากคนอ่านให้กลายมาเป็นลูกค้าด้วยบทความ

        เคล็ดวิธีที่ 1 เข้าใจจุดเด่นของสินค้าที่จะนำมาเขียนคอนเทนต์

การยุทธ์ถ้าปราศจากซึ่งความเข้าใจในตนเองแล้ว จะสู้สักกี่ครั้งก็ไม่มีวันชนะ” นิยามง่าย ๆ ที่ตรงไปตรงมาของเคล็ดวิธีข้อที่ 1 ครับ เพราะการจะเขียนถึงสิ่งใดคุณต้องทำความเข้าใจสิ่งที่คุณจะนำมาเขียนให้ทะลุปรุโปร่งในทุกแง่และทุกมุม คุณจึงจะสื่อสารออกมาได้ดีครับ ยิ่งคุณเข้าใจในสิ่งที่คุณจะเขียนมากเท่าไหร่ คุณจะ “อิน” ไปกับมันมากเท่านั้น และคนอ่านจะรับรู้ความรู้สึกอินของคุณผ่านสำนวนภาษาในการเขียน เพราะฉะนั้นจงอย่าละเลยที่จะ “เข้าใจ” ให้ปรุโปร่งเสียก่อนที่จะลงมือเขียน

            เคล็ดวิธีที่ 2 รู้เราแล้วอย่าลืมรู้เขาควรจะรู้ว่าใครคือกลุ่มเป้าหมายที่คุณจะให้อ่าน

จะยิงธนูตาต้องจ้องไปที่เป้าหมาย เมื่อเป้าเด่นชัดจึงค่อยปล่อยลูกธนูออกจากสาย” นี่ก็คือนิยามสั้น ๆ ของเคล็ดวิธีที่ 2 ครับ การกระตุ้นยอดขายด้วยการใช้คอนเทนต์คุณจำเป็นต้องรู้เสียก่อนว่ากลุ่มเป้าหมายที่คุณอยากจะส่งคอนเทนต์ไปกระตุ้นยอดขายคือใคร และมีไลฟ์สไตล์ในการอ่านอย่างไร คุณจึงจะวางแผนการเขียนคอนเทนต์มาประกอบได้อย่างถูกต้อง สิ่งสำคัญอีกประการก็คือพวกเขาเหล่านั้นมักจะไปอยู่ที่ตรงไหนเพื่อที่ว่าเมื่อคุณเขียนคอนเทนต์เสร็จเรียบร้อยคุณจะได้ส่งคอนเทนต์ที่เขียนไปอยู่ถูกที่ถูกเวลา ฉะนั้นจงอย่าลืมที่จะเรียนรู้กลุ่มเป้าหมายของคุณเสียก่อน

        เคล็ดวิธีที่ 3 เข้าใจธรรมชาติของมนุษย์แล้วคอนเทนต์ของคุณจะยิ่งน่าสนใจ

ความรู้สึกนึกคิดของมนุษย์นั้นซับซ้อน ถ้ารู้ว่าเขาชอบไม่ชอบอะไรคือความได้เปรียบที่จะตามมา” เคล็ดวิธีนี้ต้องเข้าใจจิตวิทยาของมนุษย์เสียหน่อย หากคุณอยากจะเขียนคอนเทนต์เพื่อกระตุ้นยอดขายคุณต้องรู้ว่าสิ่งที่คนอ่านไม่ชอบมีอะไรบ้าง แล้วคุณอย่าได้ทำแบบนั้นเด็ดขาด สิ่งที่คนเราไม่ชอบมาก ๆ มีดังนี้ครับ

-ไม่ชอบการถูกบังคับหรือมัดมือชก หากคิดจะเขียนคอนเทนต์อย่าทำให้คนอ่านรู้สึกว่ากำลังโดน      บังคับให้ต้องอ่านโฆษณา คุณไม่ควรจะใช้การโฆษณาหรือการขายมาเป็นแกนหลักในการเขียน     โดยตรงเพราะยังมีวิธีที่ละมุนละม่อมและไม่ทำให้ให้คนอ่านอึดอัดอยู่ครับ

-ไม่ชอบอะไรที่ดูโอเว่อร์หรือเกินความเป็นจริง การอวยอะไรจนเกินเหตุคุณอย่าคิดว่าลูกค้าไม่รู้นะ  ครับ และคนส่วนใหญ่ก็ไม่ชอบเรื่องราวที่เกินจริงหรือจับต้องไม่ได้ ฉะนั้นอย่าทำให้คนอ่านรู้สึกว่า  คุณกำลังแต่งเรื่องโกหกเด็ดขาด

-ไม่ชอบการเสแสร้งและไร้ความจริงใจ เชื่อว่าสิ่งนี้คือสิ่งที่ไม่ว่าใครก็ไม่ชอบครับ อย่าได้ทำให้คน    อ่านรู้สึกว่าคุณกำลังหวังจะกอบโกยหรือตักตวงผลประโยชน์จากเขาเด็ดขาด มิเช่นนั้นคอนเทนต์ที่    คุณเขียนก็จบเลยครับ

        เคล็ดวิธีที่ 4 ขยี้ปัญหาของคนส่วนใหญ่ให้แตกแล้วคุณจะได้ในสิ่งที่คุณต้องการ

ความเป็นกูรูผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจปัญหา คุณจะได้รับความนับถือกลับมา” นี่คือเคล็ดวิธีที่ 4 ที่คุณควรจะทำครับ คอนเทนต์ที่คุณจะเขียนออกมาคุณควรจะเข้าใจปัญหาของคนที่เข้ามาอ่านคอนเทนต์ของคุณและนำเสนอทางแก้ปัญหานั้นอย่างผู้เชี่ยวชาญ ถ้าคุณใช้วิธีการนี้คุณกำลังเข้าถึงคนอ่านด้วยการซื้อใจพวกเขา นี่ก็คือกลยุทธ์ในการสร้างคอนเทนต์ทรงคุณค่าให้แก่ผู้อ่านครับ หากคุณซื้อใจพวกเขา ทำให้งานเขียนของคุณมีอิทธิพลต่อพวกเขาได้ ต่อไปไม่ว่าคุณจะสื่ออะไรพวกเขาก็พร้อมจะฟังคุณ

        เคล็ดวิธีที่ 5 นำเสนอทางเลือก สรรพคุณที่จะช่วยตอบโจทย์การแก้ปัญหา

การแก้ปัญหาที่ตรงจุดและตรงใจ คือแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์” นี่คือเคล็ดวิธีที่ 5 ที่อยากให้คุณฝึกทำครับ ในชั้นนี้คุณสามารถนำเสนอทางเลือกที่จะช่วยแก้ปัญหาที่ถูกคุณขยี้ไว้จากข้อที่แล้ว ด้วยสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่คุณนำมาเขียนคอนเทนต์ แต่รูปแบบที่คุณจะเขียนคุณควรใช้สำนวนที่แสดงว่ามันเป็น “อีกทางเลือก” นะครับ อย่าเร่งปิดการขายเร็วเกินไปเพราะกลายเป็นคุณจะกระชากอารมณ์ของคนอ่านไปเลย ถึงตรงนี้คุณสามารถบรรยายสรรพคุณหรือข้อดีรวมถึงความน่าสนใจลงไปได้เลยครับแต่ต้องจำไว้ว่าอย่าเร่งรัดและทำให้ดูเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมาก ๆ แทน

        เคล็ดวิธีที่ 6 คารมคมคายเป็นลูกเล่นที่ดึงดูดความสนใจมากกว่าคำพูดทื่อ ๆ

อะไรที่แข็งและทื่อเกินไปมันไม่มีเสน่ห์ดึงดูดใจให้คนสนใจ” คือคำจำกัดความของเคล็ดวิธีที่ 6 สำนวนภาษาที่คุณนำมาใช้เขียนคอนเทนต์ควรจะมีลูกเล่น ลูกล่อลูกชนประหนึ่งคอนเทนต์กำลังโต้ตอบกับคนอ่านครับ สำนวนที่ทื่อเสมือนตำราวิชาการจะลดความน่าสนใจของคอนเทนต์คุณลงไปอย่างน่าเสียดาย แม้ข้อมูลที่คุณเขียนจะเป็นประโยชน์แก่คนอ่านเพียงใดก็ตาม “หยอกนิด เย้าหน่อย ปล่อยโวหารเด็ด ๆ บ้าง” คุณจะตรึงคนอ่านอยู่กับคอนเทนต์ไปจนจบครับ

        เคล็ดวิธีที่ 7 กระชับได้ใจความ ไม่เวิ่นเว้อและยืดยาว

“มีน้ำมากกว่าเนื้อคือความผิดพลาดที่น่าเสียดายในการเขียนคอนเทนต์” ถึงแม้ว่าการบรรยายพรรณนาจะเป็นสิ่งสำคัญในการเขียนคอนเทนต์ก็ตาม แต่อะไรที่ดูมากเกินไปจะทำให้บทความนั้นดูด้อยค่าลงไปแทบจะทันที ยิ่งในการเขียนบทความที่ต้องการกระตุ้นให้เกิดความสนใจ หากคุณใส่เรื่องราวนอกประเด็นมากไป คนอ่านก็จะจับประเด็นที่คุณอยากสื่อออกมาไม่ได้ นั่นเท่ากับว่าคุณได้ทำลายบทความที่น่าสนใจลงด้วยน้ำมือของตัวเอง

        เคล็ดวิธีที่ 8 ใส่อารมณ์ร่วม มีความดราม่านิด ๆ คุณจะดึงอารมณ์ของคนอ่านให้อยู่กับคุณ

การมีอารมณ์ร่วมไปกับคนอ่านหรือดึงอารมณ์คนอ่านให้คล้อยตามคุณคือการแสดงออกถึงความเข้าใจและความเห็นอกเห็นใจของคุณ” เคล็ดวิธีนี้อาจต้องอาศัยการฝึกฝนครับ เพราะนี้คือศิลป์ของการใช้สำนวนในการกระชากอารมณ์ของผู้อ่านให้คล้อยตามในสิ่งที่คุณเขียน วิธีการที่คุณจะใช้ในการเข้าถึงใจของผู้อ่านคือคุณต้องแสดงถึงความเข้าอกเข้าใจหรือความเห็นอกเห็นใจออกมาในคอนเทนต์แต่ต้องไม่มากจนคนอ่านรู้สึกว่าเป็นการเสแสร้ง คุณต้องมีอารมณ์ร่วมลงไปในบทความแล้วบทความของคุณจะส่งต่อความรู้สึกไปถึงคนอ่าน เมื่อคนอ่านรู้สึกว่าคุณเข้าใจเขาการโน้มน้าวใจในขั้นต่อมาก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปครับ

        เคล็ดวิธีที่ 9 ปิดท้ายด้วยการย้ำเตือนบทสรุปส่งท้ายว่า “ทำไมต้องเป็นคุณ”

ตอนจบที่กินใจจะช่วยสร้างความจดจำและภาพจำที่ดีให้แก่คนอ่าน” ขั้นสุดท้ายในการโน้มน้าวใจให้คนอ่านคล้อยตามคุณให้ได้คือ การสรุปว่า “ทำไมต้องซื้อสินค้าเรา” คุณอาจใช้โวหารที่กินใจและตรงกับตัวสินค้าที่คุณนำมาเขียนเป็นบทนำมาใช้เป็นบทสรุปเพื่อจบเรื่องราว พลังของตัวอักษรเพียงไม่กี่ประโยคหากมันตรึงใจคนอ่านมากพอ สิ่งนี้จะช่วยสร้างความประทับใจและเปลี่ยนให้คนอ่านกลายมาเป็นลูกค้าได้อย่างง่ายดาย

การเขียนคอนเทนต์เพื่อกระตุ้นความต้องการของลูกค้าให้อยากที่จะมาซื้อสินค้า คือวิธีที่ใช้จิตวิทยามาโน้มน้าวใจผ่านตัวอักษรที่บอกเล่าเรื่องราวที่คุณอยากจะสื่อ แน่นอนว่าคุณจำเป็นต้องอาศัยการฝึกฝนในระดับหนึ่ง ยิ่งคอนเทนต์ของคุณเข้าถึงอารมณ์ของคนอ่านมากเพียงใดหรือตรึงอารมณ์ของคนอ่านให้คล้อยตามสิ่งที่คุณเขียนมากเพียงใด คอนเทนต์นั้นก็จะทำหน้าที่ของมันอย่างสมบูรณ์แบบและสร้างยอดขายให้เติบโตตามวัตถุประสงค์ในการเขียนครับ

บริการอบรม ให้คำปรึกษา  Content Marketing ทั้งแบบรูปแบบองค์กร กลุ่ม และ ตัวต่อตัวContent Marketing ธุรกิจอาหารเสริม