เล่าเรื่องอย่างไรให้ยอดขายเพิ่ม ?

สงสัยกันไหมครับว่า ทำไมกูรูทางการตลาดถึงแนะนำให้ทำ Story หรือเล่าเรื่องราวของสินค้าหรือบริการในการช่วยเพิ่มยอดขาย

ทำไมเราไม่ยิงโฆษณาให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย จะได้ไม่ต้องมานั่งคิดให้ปวดหัว เอาเวลาไปโพสขายสินค้า ตอบแชท ตอบไลน์ แพคของส่งให้ลูกค้าจะดีกว่าไหม

คำตอบคือ ดีครับ ถ้าคุณยอมเสียค่าโฆษณาเพิ่มขึ้น และรับกำไรน้อยลง คุณอย่าลืมนะครับว่า ทุกวันนี้ Facebook ลดการมองเห็นลง ทำให้ต้องอัดค่าโฆษณาเพิ่มขึ้นเพื่อให้คนมองเห็นเท่าเดิม  (รายจ่ายที่เพิ่มขึ้น คือ กำไรที่ลดลงนะครับ)

จะดีกว่าไหม ถ้ามีวิธีที่จะทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น และยังลดงบค่าการตลาดลง ได้ยอดขาย และได้คนติดตามมาแบบฟรีๆ

เฮ้ย!! มันมีทางนี้ด้วยเหรอ…  มีครับ  ก็การทำ Story ให้กับสินค้าและบริการของเราไงครับ เพื่อให้เข้าใจชัดเจน แจ่มแจ้ง จะขอยกตัวอย่างง่ายๆ

สมมุติว่า คุณขายอาหารเสริมลดน้ำหนัก ปกติ ใช้การโพสขายแบบตรงๆ หรือยิงแอดโฆษณา  ใช่ไหมครับ

วิธีการนี้คุณอาจจะได้ยอดขายมาระดับหนึ่ง  ถ้าคุณลองเปลี่ยนมาทำ Story ให้กับอาหารเสริมลดน้ำหนักแทน โดยการสร้างเรื่องราวให้น่าสนใจ ให้มีการดราม่าเล็กน้อย โดยใช้ตัวคุณ ชีวิตของคุณเข้าไปเกี่ยวข้อง เพื่อสร้างความน่าเชื่อ

ตัวอย่างการเล่าเรื่องสร้าง Storytelling

เริ่มต้นจาก การเล่าเรื่องจากอดีตเคยน้ำหนักตัว 100 กิโล จนทำให้เกิดปัญหาเรื่องสุขภาพ จนแฟนทิ้ง  ส่งผลถึงการทำงาน ทำให้ต้องออกจากงาน  จนสุดท้ายคุณเกิดอาการเครียดจนคิดฆ่าตัวตาย

แต่หมอช่วยชีวิตไว้ได้ทัน และคนที่นำคุณส่งโรงพยาบาลคือแม่ของคุณเอง พอคุณฟื้นขึ้น คุณเห็นน้ำตาของแม่ คุณรู้สึกเสียใจมากที่ทำเรื่องโง่ๆแบบนั้น  คุณจึงบอกกับตัวเองว่า จะกลับมาผอม หุ่นดีกว่าเดิมให้ได้

จากนั้นคุณก็หันมาออกกำลังกาย ใส่ใจเรื่องการกิน หันมาดูแลตัวเองและแต่งตัวให้ดูดี และจุดพีคอยู่ตรงที่ มีเพื่อนมาแนะนำอาหารเสริม……….. ตอนนั้นคุณก็ไม่ได้เชื่อหรอกว่ามันลดได้จริง แต่ก็ลองใช้ดูเผื่อช่วยได้

อุต๊ะ!!! พระเจ้าช่วยกล้วยทอด  พอทานอาหารเสริมคู่กับการออกกำลังกาย จากน้ำหนัก 100 กิโลกรัม เหลือเพียงแค่ 70 กิโลกรัมใน 3 เดือน แถมผิวไม่เหี่ยว หน้าไม่โทรม  เอวคอด แต่หน้าอกไม่ลด มันโคตรเปลี่ยนชีวิต……

นี่เป็นการแค่ยกตัวอย่างเท่านั้น  เห็นไหมครับว่า การสร้างเรื่องราวให้กับสินค้า มันน่าสนใจ และน่าเชื่อถือกว่าการโพสขายแบบตรงๆเยอะ  เพราะอะไรครับ ก็เพราะว่าคนไทยชอบเรื่องดราม่าครับ  แต่ต้องดราม่าให้อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงด้วยนะครับ ไม่งั้นมันจะกลายเป็นละคนน้ำเน่าหลังข่าวไป

คุณลองสังเกตแบบนี้ก็ได้ครับ ในเว็บ pantip ทำไมเรื่องราวต่างๆใน pantip ถึงเป็นกระแส และได้รับความสนใจ ทั้งที่คนที่ไปตั้งกระทู้ไม่ใช่ดาราหรือคนดังสักหน่อย เพราะส่วนมากคนที่เข้าไปโพสใน pantip จะโพสเรื่องดราม่า ที่เกิดจากเรื่องจริง จึงทำให้มีการตอบรับจากผู้อ่าน มีการเม้นต์ มีการแชร์ มีการเผื่อก เอ้ย !!! ไม่ใช่ มีการแสดงความคิดเห็นมากมาย ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง  พอมีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นเยอะๆ เขาก็แปะลิ้งค์ขายสินค้า ปิด Jop การขาย และยังมีคนติดตามอีกเพียบ เท่าที่เล่ามายังไม่ได้เสียเงินสักบาทเลยครับ

คุณเริ่มสนใจแล้วใช่ไหมครับ หากยังเล่าเรื่องไม่เป็นเรามีเทคนิคดีดีมาฝาก จะได้นำไปฝึกเขียนเพิ่มยอดขายกันครับ

เตรียมเรื่องที่จะเล่า วางโครงเรื่อง วาง Step

เริ่มจากไหน ไปสู่จุดไหน และปิดท้ายด้วยจุดพีคเพื่อสร้างความน่าสนใจ การเตรียมแบบนี้จะทำให้ เรานำเสนอเรื่องราวได้ครบ ไม่ขาดเรื่องสำคัญๆไป

 เรื่องแบบไหนที่จะเอามาสร้าง Story

ให้กับสินค้าหรือบริการ ควรเป็น เรื่องที่เคยเป็นปัญหา  เรื่องที่เคยทำสำเร็จ  เรื่องที่ส่งผลกระทบต่อลูกค้าโดยตรง หรือคนใกล้ชิด เพราะคนใช้ชีวิตบนโลกออนไลน์ส่วนมากจะเชื่อการรีวิว เชื่อการแชร์ประสบการณ์ ยิ่งประสบการณ์น่าสนใจ ตรงกับปัญหาของลูกค้า  ก็จะทำให้ลูกค้ามีปฏิสัมพันธ์ด้วย เช่น เม้นต์ ไลค์ แชร์ จนนำไปสู่การตัดสินใจซื้อ

เล่าเรื่องจริงเท่านั้น

อย่างที่บอกข้างต้นแล้วว่า ไม่ว่าเรื่องที่จะเอามาเล่ามันดราม่าแค่ไหน ก็ขอให้เอามาจากเรื่องจริงเท่านั้น  เพราะการทำธุรกิจออนไลน์ ความน่าเชื่อถือของข้อมูลสำคัญมาก  เขียนให้มีตัวตน เขียนให้มีสถานทีจริง วันเวลาจริง เหตุการณ์จริง ก็จะทำให้การทำ Story เกิดผล สร้างความน่าเชื่อถือ และลูกค้าก็จะอินกับเรื่องราวของคุณ จนนำมาสู่การสั่งซื้อสินค้า

              

ประโยชน์การทำ Story ต่อยอดขาย

1 ทำให้ลูกค้าจดจำเรื่องราวของคุณ และติดตามเป็นแฟนคลับของคุณ

2 ทำให้ลูกค้าเห็นประโยชน์ที่จะได้รับจากตัวสินค้า โดยที่ไม่ต้องโพสขายแบบตรงๆ

3 เรื่องราวของคุณจะสร้างความแตกต่าง และทำให้คุณเหนือคู่แข่งขึ้นมาทันที

  อ่านมาถึงตรงนี้ คุณยังจะกลับไปโพสขายสินค้าแบบเดิมๆ อยู่ไหมครับ  หากคุณยังไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร แต่คนที่สร้าง Story ให้กับสินค้าหรือบริการ เขาไปนั่งอยู่ในใจลูกค้าเรียบร้อยแล้ว แล้วคุณล่ะ? เข้าไปอยู่ในใจลูกค้าได้หรือยัง หรือยังต้องพึ่งการยิงโฆษณาอยู่เหมือนเดิม

บริการเพิ่มยอดขายด้วยการสร้าง Story Telling Online ทักมาตอนนี้รับส่วนลดทันที 30%

เพิ่มเพื่อน

บทความสำหรับนักสร้างคอนเทนต์