เมื่อก่อนหลายคนคงมองว่า “อาหารข้างถนน” คงไม่ได้มีดีอะไร เป็นแค่เพิงหมาแหงน รสชาดก็คงบ้าน ๆ ความสะอาดปลอดภัยคงต้องวัดดวงกันเอาเอง !!!

ได้เวลาที่ต้องมาปรับเปลี่ยนมุมมองทัศคติกันสักหน่อยแล้วครับเพราะเดี๋ยวนี้อาหารข้างถนนมันไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด

เดี๋ยวนี้เขาเรียกกันโก้เก๋ว่า “Street Food” นะจ๊ะ !! รู้ยัง และที่สำคัญคือภาพเก่า ๆ ในอดีตลืมมันไปได้เลยครับเพราะสมัยนี้อาหารข้างถนนเป็นธุรกิจที่ทำเงินล้านได้เลยทีเดียวครับ

วันนี้เราลองมาเจาะลึกแนวทางสร้าง “Street” หรือเส้นทางธุรกิจอาหารข้างถนนของเราเองให้มียอดขายปัง ๆ เหมือนกันกับคนอื่นเขาบ้างนะครับ มีเคล็ดไม่ลับเบา ๆ มาบอกเล่าแบ่งปันกัน

1.รสชาติต่อเป็น 1

                ขึ้นชื่อว่าเป็นอาหารสิ่งแรกที่ต้องนำเลยก็ต้องเป็นเรื่องของรสชาติที่ถูกคอ ถูกใจ กินได้กินดี กินอร่อยจนต้องบอกต่อเล่าลือกันไปแปดบ้านสิบบ้าน อยากให้เริ่มจากจุดนี้นะครับ ทำให้อาหารอร่อย ให้คนในครอบครัวชิม เพื่อนบ้านชิม เพื่อนที่ทำงานชิม อย่าเอาแค่ความอร่อยของตัวเองแล้วลุกขึ้นมาเปิดร้านขาย ใจร่ม ๆ ใจเย็น ๆ ก่อนสักนิด ถ้าทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “อร่อย” นั่นหละครับ ได้เวลาที่ลุยกันแล้ว !!!        

       

2.แตกต่างไม่เป็น 2 รองใคร   

เอาหละครับไม่ว่าอาหารของเราจะเป็นอะไร อร่อยแค่ไหน แต่หากยังเป็นอะไรที่มัน “เดิม ๆ” เราอาจจะต้องเสียรางวัด เสียโอกาสในการขายสินค้าไปได้ครับ สิ่งที่ต้องทำคือการสร้างความแตกต่างในตัวอาหารของเราครับ “อร่อยและแตกต่าง”

แล้วจะแตกต่างอย่างไร ? ส่วนผสมที่ทำให้แตกต่าง การตกแต่งจานชามก็ทำให้แตกต่าง ขนาดของจานชามก็ทำให้แตกต่างได้

ก๋วยเตี๋ยวจานที่ทานกัน 10 คนก็ไม่หมด กินกันจนต้องขอยอมแพ้ !!! หรือถ้าเป็นผัดไทกุ้งสด ก็เป็นกุ้งตัวละกิโล จับกุ้งสด ๆ มาผัดให้ทานกันเห็น ๆ อะไรทำนองนี้ครับ มันแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ อย่าเพียงแค่แตกต่างตาม ๆ กระแส

ต้องหาข้อแตกต่าง และเอกลักษณ์ของร้านเราให้ได้ ถ้ามีแล้วก็ลุยกันเลยครับ

 

3.ตกแต่งให้สะดุดตา คือคาถาเรียกทรัพย์

                อยากที่เกริ่นนำเดี๋ยวนี้ “ร้านข้างถนนน” ไม่ใช่รูปแบบเพิงหมาแหงนอีกต่อไปแล้ว การตกแต่งร้านเป็นรายละเอียดที่พ่อค้าแม้ขายต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมากเลยทีเดียวรองลงมาจากเรื่องของรสชาติของอาหาร

ทำอย่างไรก็ได้ให้คนเห็นตั้งแต่ 1 กิโลเมตร (อันนี้ก็เว่อร์ไป) คนขับรถผ่านต้องเห็นต้องสะดุดตา คนเดินไปเดินมาต้องแวะมาลองดูลองชิม

อะไรบ้างที่จะช่วยทำให้คน “เหลียวหลัง” หรือต้องพุ่งตรงมายังร้านเรา

1.ป้ายร้าน การตกแต่งที่เป็นเอกลักษณ์เป็นสไตล์ของตัวเอง การเลือกที่จะให้ “โทนสี” ที่ดึงดูดสายตาจะทำให้เราได้เปรียบ

2.กลิ่น หอมหวนชวนน้ำลายสอ เป็นอีก 1 อย่างที่จะชักชวนให้คนเข้ามาลองทาน อาหารไม่ว่าร้านไหนร้านนั้นถ้ากลิ่นชวนกิน ยังไงก็ได้ หากรสชาติดีด้วยแล้วจะยิ่งขายดีเข้าไปอีก

3.เปลี่ยนหลังร้านเป็นหน้าร้าน โชว์การผัด การปรุง การทำอาหารกันหน้าร้าน เป็นการเพิ่มความน่าสนใจ ยิ่งถ้าเชฟใส่ลีลาในการปรุงอาหารเข้าไปด้วยแล้วรับรองว่า คนมันต้องอยากลองกินเป็นแน่นอน

 

4.บริการดี มีรอยยิ้ม สร้างเสน่ห์ให้ลูกค้ารัก ลูกค้าหลง

                มาถึงตอนที่เราสามารถร่ายมนต์ให้ลูกค้าเข้ามาในร้านได้แล้วนะครับ สิ่งหนึ่งที่จะช่วยเพิ่ม “รสชาติ” อาหารที่อร่อยถูกปากแล้ว น่าจะเป็น “ความอร่อยทางใจ” ที่ได้จากการบริการที่ดีเป็นมิตรจากเจ้าของร้าน ตลอดไปจนพนักงานเสริฟ พนักงานต้อนรับนะครับ

อาหารอร่อย แต่บริการแย่ ยังจะแพ้อาหารที่รสชาติแค่พอผ่าน แต่บริการขั้นเทพนะครับ ผมบอกเสมอครับว่า เราทำธุรกิจไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่เราไม่ได้ “ขายสินค้า” แต่เรากำลัง “ซื้อใจลูกค้า” ด้วยคุณภาพของการบริการในมิติต่าง ๆ นะครับ

ยิ่งเป็นเรื่องอาหารด้วยแล้ว รอยยิ้ม คำพูดคำจา ท่าที ตลอดไปจนการช่วยลูกค้าแก้ไขปัญหาต่าง ๆ คือจุดที่จะทำให้ลูกค้า “หลงรัก” ร้านเราได้เลยทีเดียวครับ

ส่วนนี้ต้องฝึกนะครับ !!! และต้องปรับปรุงพัฒนา หากเรายังหน้ายักษ์ใส่ลูกค้า ไม่นานช้าลูกค้าจะใส่หน้าทศกัณฑ์กลับมาหาเราครับ

แต่ถ้าเราบริการยิ้มแย้ม เป็นมิตรไมตรีดั่งพระรามพระลักษ์ ไม่นานช้าลูกค้าก็จะ “หลงรัก” เราเช่นกันจ้า

5.ถ่ายรูปสวย อวดอวยกันบนโซเชียล

เคล็ดไม่ลับง่าย ๆ สุดท้ายสำหรับธุรกิจ Street Food ร้านอาหารข้างถนนในยุค 4.0 คือ อาหารมันต้องอร่อยตาไปถึงคนทางบ้าน ส่งผ่านความอร่อยน่าทานไปยังเพื่อน ๆ ที่อยู่บนโลกโซเชียลออนไลน์นะครับ

โจทย์คือ เตรียมจาน ชาม การจัดวางอาหารให้กับลูกค้าเพื่อที่จะได้ถ่ายรูปแล้วออกมาสวยน่าทานนะครับ ถ้าจัดดีอยู่แล้วก็ดีไป แต่ถ้ายังไม่มีการวางแผนหรือวางมุมในการจัดอาหารให้ถ่ายรูปแล้วออกมาสวย น่าแชร์ น่าไลน์ แล้วละก็ต้องปรับตัวอย่างแรงนะครับ

การจัดอาหารใส่จานมันเป็นศิลปะ เราต้องใส่ความคิดสร้างสรรค์ ต้องคิดถึงคนทาน คนถ่ายด้วยนะครับว่าเขาจะถ่ายรูปแบบไหน หรือเขาเห็นแล้วรู้สึกถึงความใส่ใจที่มาให้กับลูกค้า

ผมได้มีโอกาสคุยกับคุณโอ๋ ร้าน เจคิว ปูม้านึ่ง ต้องบอกว่าคุณโอ๋ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากครับ ถ่ายรูปในร้านเห็นอย่างไรส่งไปให้ลูกค้าเขาก็ต้องเห็นอย่างนั้น

ใช่แล้วครับ !!! บางร้านตอนเซ็ตจาน จัดอาหารเพื่อถ่ายภาพเพื่อทำเมนูหรือ ทำโปรสเตอร์ต่าง ๆ จัดวางดีมาก แต่พอมาทานที่ร้านกลับไม่เหมือนที่เห็นในภาพ (เป็นเกือบทุกร้าน) ผมว่าจุดนี้ควรปรับ Mind set ใหม่นะครับ ลูกค้ามาทานแบบไหน เวลาเสริฟก็ควรจะได้ทานเหมือนในรูปนะครับ ผมค่อนข้างมั่นใจว่าจะทำให้ลูกค้าประทับใจ และพวกเขานี่แหละที่จะเป็นกระบอกเสียงบอกความอร่อย ความน่าทานของอาหารในร้านเราให้กับเพื่อน ๆ เขาบนโลกออนไลน์ให้ได้รับรู้กันครับ

Street Food จะเป็นธุรกิจอาหารที่เปลี่ยนมุมมองธุรกิจพวกเราไปอีกไกลถ้าลองหยิบนำแนวทางเหล่านี้ไปใช้ครับ มีร้านอาหารข้างถนนที่ไหนถูกอกโดนใจพวกเราอย่าลืมส่งมาบอกเล่าให้ทีมงานเถ้าแก่ใหม่ได้ไปลองชิม ลองแชร์กันบ้างนะครับ