ในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในด้านเทคโนโลยีการสื่อสาร ธุรกิจหลายแห่งจำเป็นต้องปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงตาม นักธุรกิจทั้งหลายต่างมองเห็นโอกาสในการเพิ่มช่องทางการขายแบบออนไลน์ เพื่อให้สินค้าของตนถึงมือผู้บริโภคได้อย่างเร็วและง่ายดายยิ่งขึ้น

ดังเช่น ร้าน เจคิว ปูม้านึ่ง เดลิเวอรี่ ที่ไม่มีหน้าร้าน ถ้าอยากกินต้องโทรสั่งหรือไม่ก็คลิ๊กสั่ง เพียงแค่คลิ๊กอาหารก็มา บริหารงานโดย คุณสุรีรัตน์ ศรีพรหมคำ หรือคุณโอ๋  อายุ 35 ปี โดยเธอใช้เวลาเพียง 2 ปี สามารถสร้างรายได้ถึง 100 ล้านบาท ซึ่งนับว่าเป็นเจ้าแรกที่คิดทำปูม้านึ่ง แบบเดลิเวอร์รี่

โดยคุณโอ๋เล่าย้อนไป ณ จุดเริ่มต้นว่า เมื่อสามปีก่อน ทางร้านประสบปัญหาวัตถุดิบอาหารทะเลที่ขายส่งให้กับโรงแรมและร้านอาหารต่าง ๆ เหลือทิ้งอยู่บ่อย ๆ และเจอปัญหาลูกค้าไม่จ่ายเงินบ้าง โดนตีกลับบ้าง

คุณโอ๋จึงตัดสินใจเปลี่ยนรูปแบบการขายใหม่จากขายส่งมาเป็นการขายอาหารทะเลแบบออนไลน์  ซึ่งนับว่าเป็นเจ้าแรกที่มีการคิดขายอาหารทะเลผ่านเฟซบุ๊ค ไลน์ และอินสตาแกรม นอกจากนี้ยังมีรูปแบบการจัดส่งอาหารแบบเดลิเวอรี่ทั่วไทยอีกด้วย โดยมียอดสั่งซื้อทั้งปูทั้งกุ้งอยู่ที่ 10 ตัน ต่อเดือน

ฟังดูแล้วต้องไม่ธรรมดาแน่ ๆ เลยครับ วันนี้ผมจะพาทุกท่านมาพบกับแนวคิดในการทำธุรกิจเจคิว ปูม้านึ่ง อาหารทะเลอร่อย ๆ ส่งตรงถึงบ้านจากคุณโอ๋ ซึ่งจะมาเผยเคล็ดลับในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จจากประสบการณ์ตรงของเธอ มาติดตามไปพร้อม ๆ  กันครับ

15 แนวคิดกับธุรกิจ เจคิว ปูม้านึ่ง เพียงแค่คลิ๊กแล้วนั่งนิ่ง ๆ อาหารจะวิ่งมาหาคุณ

1.เมื่อเจอปัญหาอย่ายอมแพ้

ในทุก ๆ วันเธอจะเจอปัญหาเข้ามาในทุกด้าน แต่สิ่งหนึ่งที่เธอยึดไว้ก็คือ ไม่ยอมแพ้ แน่นอนว่าการทำอาหารทะเลในระยะแรกต้องมีการร้องเรียนจากเพื่อนบ้านบ้าง ซึ่งคุณโอ๋ก็ต้องหาวิธีที่จะต้องแก้ไขปรับปรุงซึ่งอาจหมายถึงจำนวนเงินก้อนโตในการย้ายไปอยู่สถานที่เหมาะสม

ซึ่งคุณโอ๋ก็สามารถแก้ปัญหาจนผ่านพ้นไปด้วยดีพลางให้ข้อคิดว่า ถ้าสู้ก็ไม่รู้จะจบตรงไหน แต่ถ้าถอยก็ไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับอะไร

2.สร้างกระแสการบอกต่อบนโลกออนไลน์

คุณโอ๋เล่าว่า เริ่มต้นทำธุรกิจโดยการประชาสัมพันธ์บนเฟซบุ๊ค ด้วยการถ่ายรูปการปรุงอาหารเมนูต่าง ๆ แล้วโพสต์แชร์บนเฟซบุ๊คส่วนตัวกับกลุ่มเพื่อน ๆ ในโลกออนไลน์ จนเกิดกระแสการบอกต่ออย่างรวดเร็ว มีลูกค้าเริ่มสั่งอาหารกันเข้ามามากขึ้น เพราะคุณโอ๋มีการทำการตลาดผ่านเฟซบุ๊คอย่างต่อเนื่อง

ทำให้ธุรกิจของเธอเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว  โดยเน้นสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า โดยเฉพาะกิจกรรมการแจกตุ๊กตาเฟอร์บี้ที่ให้ลูกค้ากดไลค์และแชร์ ซึ่งไอเดียนี้ช่วยสร้างยอดขายตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

3.ทำการตลาดออนไลน์

สำหรับการโปรโมทการขายนั้น  ในช่วงเวลาประมาณ 10.00 น.คุณโอ๋จะทำการโพสต์ภาพถ่ายเมนูอาหารที่ทำขายในแต่ละวันเป็นประจำทุกวัน ซึ่งลูกค้าสามารถโทรสั่งอาหารได้เลย หรือจะส่งข้อความมาที่เฟซบุ๊ค ไลน์ หรืออินสตาแกรมก็ได้

4.บริหารงานอย่างเป็นระบบ

ในส่วนของการบริหารงานหลังร้าน คุณโอ๋จะแบ่งพนักงานออกเป็นแผนก ๆ เช่น แผนกออฟฟิศ จะคอยดูแลเรื่องการรับสายจากลูกค้าและคอยตอบคำถามแฟนเพจ ส่วนแผนกครัวกลาง จะทำหน้าที่ในการดูแลวัตถุดิบและคัดสรรวัตถุดิบ

เพื่อกระจายสินค้าไปยังแผนกครัวประจำแต่ละสาขาซึ่งมี 14 สาขาในกรุงเทพและปริมณฑล

5.รูปแบบการส่งอาหารให้ลูกค้า

คุณโอ๋มีการพัฒนาการส่งอาหารให้ลูกค้าโดยเน้นความสะดวกรวดเร็วให้แก่ลูกค้าเป็นหลัก จนมาลงตัวอยู่ตรงที่ว่าถ้าเป็นลูกค้าในกรุงเทพฯ หลังจากที่ลูกค้าสั่งอาหารแล้ว คุณโอ๋จะให้วินมอเตอร์ไซค์นำอาหารไปส่ง จะใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง  คิดค่าส่งเริ่มต้นที่ 30-120 บาท  สำหรับลูกค้าต่างจังหวัดที่อยู่ในระยะการเดินทาง 1-3 ชั่วโมง จะส่งผ่านรถทัวร์หรือรถตู้โดยสารสาธารณะ สำหรับลูกค้าที่อยู่ไกล ๆ จะส่งอาหารผ่านทางรถทัวร์ รถไฟ หรือเครื่องบิน

6.ทำธุรกิจออนไลน์ต้องมีความจริงใจ

คุณโอ๋ยอมรับว่าโลกโซเชียลทำให้เจคิว ปูม้านึ่ง เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ซึ่งเป็นช่องทางหนึ่งที่ทำให้ร้านของเราเติบโต เราต้องระลึกอยู่เสมอว่าการทำธุรกิจด้วยช่องทางนี้ที่สำคัญคือเราต้องมีความจริงใจเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันเรามียอดไลค์สูงถึง 470 k ขายปูม้านึ่งวันละประมาณ 500 กิโลกรัม  เฉลี่ยต่อเดือนทางร้านมียอดขายประมาณ 10 ล้านบาท

7.ทำธุรกิจต้องเลือกสิ่งที่เราชอบก่อน

JQ5

คุณคงจะเคยได้ยินคำแนะนำเรื่องนี้บ่อย ๆ และคุณโอ๋ก็เห็นด้วยเช่นกัน ในการทำธุรกิจใด ๆ ก็ตามเราจะต้องเลือกสิ่งที่เราชอบก่อน เพราะถ้าเราชอบจะเหมือนกับว่าเราไม่ได้ทำงาน ถ้าเราไม่รู้ว่าเราชอบอะไรให้ลองเริ่มจากงานอดิเรกก่อน

8.ไม่เลียนแบบใคร

คุณโอ๋เน้นหนักหนาว่าเราไม่เลียนแบบใคร เช่น เห็นคนทำร้านกาแฟก็อยากทำเหมือนเขาบ้าง เราต้องแยกความฝันกับความจริงให้ออก เราสามารถเลือกดูวิธีการของร้านอื่น ๆ ได้แต่เราจะไม่เลียนแบบใครเป็นอันขาด

9.บริหารเวลาอย่างคุ้มค่า

ในช่วงที่คุณโอ๋ทำงานประจำไปด้วยและทำธุรกิจไปด้วยนั้น เธอมองเห็นประโยชน์ของเวลาเป็นอย่างยิ่ง “คือโอ๋จะมีเวลาน้อยมากและต้องรีบทำทุกอย่างให้เสร็จตามเวลาที่มีอยู่ แล้วเวลาจะมีคุณค่ามากสำหรับโอ๋ เพราะต้องรีบทำงานประจำควบคู่กับการวางแผนธุรกิจไปด้วย” คุณโอ๋ให้แง่คิดว่า เวลาที่เราถูกบีบศักยภาพของเราก็จะถูกดึงออกมาด้วยเช่นกัน

10.วางแผนปรับกลยุทธ์ตลอดเวลา

JQ6

ช่วงก่อนที่คุณโอ๋จะตัดสินใจลาออกจากงานประจำนั้น เธอมีเป้าหมายว่าจะต้องทำยอดขายให้ได้ 300,000 บาท ต่อเดือนเป็นเวลา 6 เดือน เสียก่อนแล้วจึงค่อยลาออกจากงานประจำ ระหว่างเดินทางไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ คุณโอ๋ได้วางแผนและปรับกลยุทธ์ในการทำธุรกิจตลอดเวลาเพื่อให้ถึงเป้าหมายและเธอก็ทำสำเร็จในที่สุด

11.ทำในสิ่งที่เรารักแล้วหาคนที่ชอบเหมือนเรา

หลายคนมีคำถามว่าในการทำสิ่งที่เรารักแล้วจะพัฒนามาเป็นธุรกิจได้อย่างไร ซึ่งคุณโอ๋ให้คำตอบว่า “หาคนที่ชอบเหมือนเรา บางคนรักน้องหมาก็ทำธุรกิจตัดชุดน้องหมาโลกรออะไรที่แปลกใหม่อยู่คุณกล้าฉีกกฎเดิมไหม กล้าพอไหมที่จะคิดแปลกกว่าคนอื่น ทำไมฉันต้องเดิมตามคนอื่น ฉันอยากแปลกกว่าคนอื่น ฉันไม่อยากทำแบบเดิมแล้ว คือคิดประหลาด ๆ กว่าคนอื่นแล้วธุรกิจก็จะเกิดขึ้นมา”

12.โอกาสถ้าเรามองหาเราจะมองเห็นมัน

เมื่อคุณโอ๋มองเห็นโอกาสของคนอื่นแล้ว ก็มักจะนำมาคิดต่อยอดให้กับธุรกิจของตนเองเสมอ เช่น เห็นร้านรับซักรองเท้าเกิดขึ้นก็ฉุกใจคิดว่าเขามองเห็นโอกาสได้อย่างไร คุณโอ๋เสริมว่า “โอกาสไม่ได้เข้ามาแบบแห่เข้ามา โอกาสเป็นช่องเล็ก ๆ ถ้าเรามองหาเราจะมองเห็นมัน”

13.ทำตามคนที่ประสบความสำเร็จในแบบของเรา

คุณโอ๋จะคอยมองว่าคนที่ประสบความสำเร็จเขาทำกันอย่างไร เราก็ทำตามในแบบของเรา เราก็สามารถประสบความสำเร็จได้เช่นกัน ซึ่งคุณโอ๋พิสูจน์แล้วว่าเป็นจริง

14.มองโลกในแง่บวก

ถึงแม้เฟซบุ๊คจะมีการปรับให้คนเห็นน้อยลง แต่คุณโอ๋กลับมองว่ามันเป็นเวทีของตัวจริง เน้นสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าบนเฟซบุ๊ค ปัจจุบันนี้ใครอยากทำอะไรก็ได้บนเฟซบุ๊ค อยากจะเป็นร้านขายปูบางทีมาก๊อปรูปของเราไปแปะที่ร้าน ซึ่งมันง่ายมาก แต่ว่าคุณใช่ตัวจริงไหม

15.สร้างคอนเท้นท์ที่ดีทำให้แตกต่าง

การที่เฟซบุ๊คปรับให้คนเห็นน้อยลง หลายคนคิดว่าเป็นผลกระทบต่อธุรกิจ แต่คุณโอ๋กลับคิดว่า “ทำไมเพจที่ไม่ต้องมีการลงโฆษณาเลยแล้วมีคนติดตามหลายล้านอย่าง เพจเจี๊ยบเลียบด่วน หรือพ่อบ้านใจกล้า ทำไมเขาทำได้ เขาไม่ต้องซื้อโฆษณาทำไมเขาทำได้ แปลว่าเขามีคอนเท้นท์ที่ดี แต่พอเขาทำอะไรคุณก็แห่กันไปทำเหมือนเขา เราจะเห็นวิดิโอคอนเท้นท์มากมายซึ่งทำได้ง่ายมาก แต่คุณต้องทำให้มันต่าง”

นับว่าเป็นอีกตัวอย่างของนักธุรกิจสาวตัวจริงกับธุรกิจ เจคิว ปูม้านึ่ง ที่ไม่เคยหยุดนิ่งกับการพัฒนาตัวเองและการขยายสาขาอย่างไม่หยุดยั้งซึ่งคุณโอ๋มีแพลนที่จะขยายสาขาไปไกลถึงประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วย หลายคนอยากทราบถึงคีย์ซัคเซสของเธอ

ซึ่งคุณโอ๋บอกว่า “ถ้าคุณทำอาหารอร่อยอะไรก็ขายได้ หนึ่งทำให้อร่อย สองใช้โซเชียลมีเดียแบบรับผิดชอบ คือเราจะไม่โพสต์เรื่องไม่ดี สินค้าของเราจะถ่ายจากรูปจริง น้ำหนักจริง เราจะโพสต์ให้ชัดเจน”

JQ4

และท้ายสุดนี้คุณโอ๋ฝากข้อคิดดี ๆ ให้แก่นักธุรกิจทุกท่านว่า ธุรกิจนี้มันเริ่มต้นไม่ยากแต่มันอยู่ที่การเอาใจใส่ลูกค้า  มีคนสอนให้เราทำธุรกิจว่า ให้ใช้ความคิดก่อนใช้เงินและเมื่อคุณเดินตามความฝันแล้วอย่ายอมแพ้ ไม่มีคำว่าช้าหรือคำว่าสาย แต่คุณเริ่มต้นแล้วหรือยัง?