ร้านกาแฟ ธุรกิจในฝันของมนุษย์เงินเดือน

ผมเชื่อว่า การได้มีร้านกาแฟเล็ก ๆ นั่งชิล ๆ สบาย ๆ คนเป็นความฝันของใครหลาย ๆ คน ไม่ว่าคุณจะเป็นนายตัวเองอยู่ หรือ มนุษย์เงินเดือนก็ตาม

เมื่อมีความฝัน ก็อย่าให้เป็นแค่ “ฝันค้าง” เพราะกินกาแฟเข้าไป (ประมาณตาค้างหนะครับ) ฝันจะเป็นจริงได้มันก็ต้องลงมือทำแต่จะทำรูปแบบไหน อย่างไร ผมพอมีแนวทางให้เราลองพิจารณาดูกันครับว่าเราน่าจะเหมาะกับรูปแบบไหน

เต็มตัวหรือธุรกิจเสริม

หากเราเป็นมนุษย์เงินเดือนถ้าระดับกลางรายได้ 25,000 –40,000 ตัดสินใจว่าลุยเต็มตัวออกมารับรายได้ที่ยังไม่มั่นคงมากนักเดือนละ 2-3 หมื่นคุณจะรับได้ไหม และยังมีความเสี่ยงเรื่องของฤดูฝน เรื่องของสถานที่ให้เช่าบอกเลิกสัญญา นี่ยังไม่เหมารวมเรื่องภาระที่เรามีอยู่ด้วยนะครับว่า ต้องผ่อนบ้าน ผ่อนรถให้กิ๊ก ส่งเด็กเรียนหนังสือ (อันนี้ผมล้อเล่นนะครับ) ภาระค่าใช้จ่ายที่มันคงที่ แต่รายได้มันไม่แน่นอนจะรับได้ไหม

หากประเมินดูแล้วยังไม่คุ้มที่จะลุยเราก็คงต้องใช้บริการต่างด้าว มาเป็นพนักงานคอยดูแลร้านเราไปก่อน กำไรอาจจะลดลง การบริการก็อาจจะด้อยประสิทธิภาพกว่าเราลงมือทำเอง แต่อย่างน้อยเราก็ยังมีรายได้หลักจากเงินเดือนไว้ให้คอยอุ่นใจ เหยียบเรือสองแคบไปก่อน เมื่อดูแล้วว่าธุรกิจร้านกาแฟมันมีโอกาสพุ่งเราก็ค่อยออกมาลุยเต็มตัว

ข้อดีของการลุยเต็มตัวคือเราจะได้เห็นปัญหาทุกอย่างในร้าน แก้ไขปัญหาได้ทันเวลา ได้รับรู้ความต้องการของลูกค้าและได้นำกลับมาแก้ไข แต่ข้อเสียอย่างที่เกริ่นมาคือ “ความไม่แน่นอน” หากรับได้ก็ลุย

ข้อเสียของการทำเสริมคือ การจ้างพนักงานมีความเสี่ยงเรื่องการถูกโกง การบริการลูกค้า ปัญหาต่าง ๆ อาจถูกซุกไว้ใต้พรม มีโอกาสเป็นไปได้ว่าวันหนึ่งเรื่องแดงขึ้นมาเราอาจล้มไม่เป็นท่าน ส่วนข้อดีก็อย่างที่ว่ามา เรายังมีเวลาได้คิดได้ไตร่ตรอง ได้มีเงินเดือนเป็นเครื่องมือที่ทำให้เราได้อุ่นใจ

 

ลงทุนร้านกาแฟสดเท่าไหร่ดี

ไม่ว่าจะเป็นแบบเต็มตัวหรืออาชีพเสริมยังไงก็ต้องลงทุน ส่วนจะใช้งบเท่าไหร่นั้น ก็คงขึ้นอยู่กับรูปแบบธุรกิจนะครับว่าเราจะเลือกแบบไหน

1.บูธหรือเคาน์เตอร์เล็กๆ (Small Counter)

หากเรามีเงินลงทุนไม่สูง เพียงหลักพันหรือหลักหมื่น เราอาจเลือกลงทุนร้านกาแฟแบบเป็นบูธเล็กๆ โดยมีพื้นที่สำหรับวางชุดเก้าอี้เล็กๆ หรือจะไม่มีก็ได้ มักเช่าพื้นที่ตั้งหายในห้าง พื้นที่ภายในอาคารสำนักงาน หรือริมถนน

2.ร้านแบบกาแฟคีออสก์ (Coffee Kiosk)

รูปแบบนี้มักใช้เงินลงทุนเป็นหลักแสนหรือหลายแสนบาท เพราะต้องสร้างคีออสก์ขึ้นมา และอาจมีพื้นที่สำหรับวางโต๊ะเก้าอี้ให้แขกนั่ง หรือไม่มีก็ได้ ขึ้นอยู่กับพื้นที่ตั้งของร้าน ร้านกาแฟลักษณะนี้นิยมทำกันในปั๊มน้ำมัน มหาวิทยาลัย โรงพยาบาล หรือส่วนราชการต่างๆ

3.ร้านเช่าพื้นที่ในห้างสรรพสินค้าหรืออาคาร (Shop)

ร้านลักษณะนี้อาจลงทุนหลายแสนบาทถึงหลักล้าน เพราะต้องตกแต่งสถานที่ให้สวยงามโดดเด่น มีทั้งเคาท์เตอร์ขนาดใหญ่ และพื้นที่นั่งของลูกค้าเป็นสัดส่วน มักจะอยู่ในพื้นที่ของห้างสรรพสินค้า หรือภายในอาคารสำนักงาน หรือโรงพยาบาล เป็นการเข้าไปเช่าพื้นที่ ซึ่งร้านลักษณะนี้นอกจากลงทุนสูงแล้ว ค่าเช่ามักจะแพงมาก โดยเฉพาะในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ เราจึงต้องวิเคราะห์ทำเลและประเมินว่าทำเลเช่นนี้จะทำรายได้ให้เราเพียงพอสำหรับจ่ายค่าเช่าหรือไม่ เช่น หากวิเคราะห์แล้วทำเลเช่นนี้ทำรายได้ให้เราได้แน่ๆ เกินเดือนละ 1 ล้านบาท แม้ว่าค่าเช่าจะมหาโหดถึงเดือนละ 200,000 บาทก็ถือว่าค่าเช่าไม่แพง เพราะหักค่าเช่าและค่าใช้จ่ายอื่นๆ แล้วเรายังเหลือกำไรถึงเดือนละ 200,000 บาท แต่หากเปรียบเทียบกับอีกพื้นที่หนึ่ง ค่าเช่าเพียง 30,000 บาท วิเคราะห์แล้วทำเลนี้ก็ถือว่าแพงเกินไป เพราะหักค่าเช่าและค่าใช้จ่ายอื่นๆไปแล้ว เราอาจขาดทุนหรือกำไรเพียงไม่กี่พันบาท หรือน้อยกว่านี้ จึงไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่ที่จะเช่าพื้นที่นี้

4.ร้านเดี่ยวภายในพื้นที่นอกอาคาร (Stand Alone)

อาจเป็นร้านที่อยู่ในพื้นที่ดินของตนเอง แล้วสร้างเป็นร้านขึ้นมาเป็นหลัง ร้านลักษณะนี้ลงทุนสูงเป็นหลัหลายแสนหรือหลักล้าน ขึ้นอยู่กับการตกแต่งสถานที่ว่าต้องตกแต่งมากน้อยเพียงใด

เมื่อเห็นรูปแบบการลงทุนแล้ว เราจะเลือกลงทุนแบบใดก็ขึ้นอยู่กับเงินทุนที่มี ไม่แนะนำให้ลงทุนเกินตัว หรือต้องไปกู้ยืมเงินมาลงทุน เราควรลงทุนด้วยเงินทุนที่เรามีอยู่จริง เพราะว่าการกู้มาลงทุน หากเราไม่สามารถมีกำไรเพียงพอไปจ่ายค่าดอกเบี้ย ต้องควักเนื้อหรือขาดทุนเพื่อจ่ายดอกเบี้ย มันก็เหมือนเราทำงานฟรีๆ แล้วเหนื่อยฟรีจริงไหม

ขั้นตอนการลงทุนเปิดร้านกาแฟด้วยตัวเอง

1.ศึกษาใจตัวเองก่อน แน่ใจว่าทำร้านกาแฟด้วยใจรัก ไม่ใช่เพราะอยากทำธุรกิจส่วนตัวแล้วนึกธุรกิจอื่นไม่ออก

2.ดูงบประมาณว่าเราจะทำร้านระดับไหน มีเงินทุนเท่าไหร่ เช่น ถ้าเราจะทำร้านระดับพรีเมี่ยม ควรเตรียมเงินไว้อย่างต่ำ 1 ล้านบาท ระดับกลางๆ ก็ประมาณ 6-7 แสนบาท ถ้าอยากได้ร้านกาแฟเล็กๆน่ารักๆ ก็เตรียมไว้ประมาณ 3-4 แสนบาท ที่พูดถึงนี่คือร้านกาแฟนะ  ไม่ใช่มุมกาแฟ เพราะถ้าเป็นแค่มุมกาแฟอาจลงทุนได้ต่ำกว่านี้มาก

3.หาทำเลที่เหมาะสม โดยดูกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นหลัก อาจใช้ข้อมูลที่เคยกล่าวมาแล้วในการเลือกพิจารณาด้วย ดูค่าเช่าคู่แข่ง

4.หาชื่อร้านเก๋ๆ ที่เหมาะกับการตั้งเป็นชื่อร้านกาแฟ ออกแบบโลโก้

5.เมื่อเลือกทำเลได้แล้วก็ต้องออกแบบ ตกแต่งร้าน ทั้งภายนอก ภายใน อาจจ้างบิษัทที่เป็นมืออาชีพ เขาจะคิดค่าออกแบบประมาณ 15% ของงบประมาณการตกแต่งร้านทั้งหมด ดูว่าเขามีทีมช่างรับงานไปด้วยหรือเปล่า ผู้ออกแบบกับช่างควรจะต้องทำงานสัมพันธ์กัน คุมงานกันได้

6.คัดเลือกรายการเมนูที่จะขาย

7.จดรายการอุปกรณ์ทั้งหมดที่จะต้องใช้ในร้าน

8.เรียนรู้เรื่องกาแฟและการชงกาแฟ รวมทั้งขนมและอาหารว่างที่จะขายอื่นๆ

9.หาและฝึกพนักงาน จำไว้ว่าพนักงานยิ่งเก่งเท่าไหร่ เราก็จะเหนื่อยน้อยลงเท่านั้น

10.เตรียมชุดพนักงาน

11.จัดซื้ออุปกรณ์ เครื่องใช้ทั้งหมดตามรายการที่ได้เตรียมไว้

13.เตรียมแผนการเปิดร้าน คำนวณจุดคุ้มทุน วางแผนการขาย

14.กำหนัดวันเปิด

 

น่าจะพอเห็นภาพในการเริ่มต้นธุรกิจร้านกาแฟนะครับ สำหรับท่านที่สนใจธุรกิจนี้จริง ๆ แล้วละก็ผมแนะนำว่าให้หาหนังสือมาอ่าน และไปฝึกอบรมเรียนรู้ศึกษาความเป็นไปได้ให้มากนะครับ จะได้ไม่ผิดหวังตอนท้าย

Note :เรียบเรียงจากหนังสือ Coffee Secret