เมื่อวิถีแห่งนักช้อปไม่ได้ถูกจำกัดอยู่ด้วยเวลาและสถานที่อีกต่อไป เมื่อเทคโนโลยีพัฒนาไปจนกระทั่งโทรศัพท์มือถือสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้อย่างดี การท่องโลกโซเชี่ยลจึงกลายเป็นเรื่องง่าย ๆเพียงปลายนิ้วสัมผัสและอีคอมเมิร์ซที่พร้อมใช้งานอยู่เสมอก็ทำให้นิสัยของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง การคาดการณ์ในปัจจุบันพบว่าอีคอมเมิร์ซบนมือถือจะมีสัดส่วนถึง 48% ของยอดขายอีคอมเมิร์ซทั้งหมด เพื่อให้ทันกับช่องทางการค้าขายออนไลน์ที่เปลี่ยนแปลงไป นักการตลาดออนไลน์รวมทั้งพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์จึงจำเป็นต้องเรียนรู้วิธีการทำการตลาดออนไลน์สำหรับช่องทางอีคอมเมิร์ซบนแพลตฟอร์มของโทรศัพท์มือถือ ต่อไปนี้คือวิธีการและกลยุทธ์ในการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่ว่านี้ เพื่อให้คุณสร้างยอดขายได้อย่างที่ต้องการสำหรับปี 2563 ที่กำลังจะถึงนี้ครับ

3 กลเม็ดทำการตลาดออนไลน์เข้าถึง นักช้อปออนไลน์ ด้วยมือถือ

1. ลดช่องว่างระหว่างการค้นหาและการซื้อให้มากที่สุด

ประการแรกที่พ่อค้าและแม่ค้าออนไลน์ต้องทำก็คือ “จะต้องหาวิธีการอย่างไรก็ได้ที่จะทำให้ลูกค้าพบเห็นสินค้าและแบรนด์สินค้าของคุณให้ไวที่สุด” เพื่อดึงดูดให้ลูกค้าสนใจในสินค้าของคุณ จากผลการศึกษาของ Verizon Media พบว่ากว่า 76 % ของลูกค้าจะรู้สึกตื่นเต้นเมื่อค้นพบสินค้าที่กำลังมองหาอย่างไม่คาดคิดในขณะที่กำลังช้อปปิ้งอยู่ และเมื่อค้นพบสินค้าที่ต้องการแล้วร้อยละ85 กล่าวว่าพวกเขาจะทำการซื้อสินค้านั้นภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งในระยะเวลา 24 ชั่วโมงนั้นรวมไปถึงการหาข้อมูลของสินค้า การอ่านรีวิวและการเปรียบเทียบราคา กิจกรรมทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นภายใน 24 ชั่วโมงเท่านั้น

พ่อค้าแม่ค้ารวมไปถึงนักการตลาดจำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนคอนเทนต์โดยเน้นไปที่เนื้อหาสาระที่ควบคู่ไปกับการให้ความบันเทิง จากผลการสำรวจของ Verizon Media ก็พบว่าในมุมมองของนักการตลาดและผู้ที่ทำการค้าผ่านช่องทางออนไลน์กว่า 70 % มีความเห็นว่าวิธีการนี้คุ้มค่ากับการลงทุน นอกจากนี้คอนเทนต์ที่อยู่ในรูปแบบของวิดีโอสามารถที่จะดึงดูดความสนใจของลูกค้าได้มากกว่าคอนเทนต์ที่เป็นภาพนิ่งถึง 1.6 เท่า และด้วยนวัตกรรมในปัจจุบันทำให้วิดีโอคือช่องทางที่ทำให้ลูกค้าค้นพบได้ไวและเพิ่มโอกาสในการปิดการขายได้มากกว่าคอนเทนต์ในรูปแบบอื่น ๆ

2. ขยายประสบการณ์จากจอมือถือสู่โลกแห่งความเป็นจริง

มีการวิจัยพบว่าผู้ใหญ่มีแนวโน้มที่จะใช้โทรศัพท์มือถือเป็นระยะเวลาถึง 3 ชั่วโมง 35 นาทีโดยเฉลี่ยต่อวัน ดังนั้นหากคุณสามารถนำเทคโนโลยีภาพเสมือนจริงอย่าง Extended Reality หรือ XR มาใช้เพื่อรองรับการใช้งานทางโทรศัพท์มือถือได้นวัตกรรมนี้เองจะช่วยทำให้ลูกค้ามีโอกาสเห็นภาพสินค้าในสิ่งแวดล้อมจริง ๆจากหน้าจอมือถือ สิ่งนี้เองจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นและเพิ่มโอกาสในการตัดสินใจซื้อให้แก่ลูกค้า แบรนด์ใดที่สามารถนำเทคโนโลยีที่ว่านี้ไปใช้ได้จะช่วยทำให้ลูกค้าสามารถตรวจสอบและเปรียบเทียบสินค้าในสถานการณ์และสิ่งแวดล้อมจริงได้ทุกที่ทุกเวลาครับ

นักช้อปออนไลน์

จากผลสำรวจพบว่าหากได้สัมผัสประสบการณ์จริงก่อนการซื้อสินค้าออนไลน์ลูกค้าจะมีโอกาสซื้อสินค้าและบริการนั้นทันที โดยกว่า 49 % จะซื้อสินค้าทันทีเมื่อพวกเขาได้รับประสบการณ์จริงดังที่กล่าวมาข้างต้น ซึ่งเทคโนโลยี XR คือสิ่งที่จะเข้ามาช่วยเติมเต็มช่องว่างนี้  การประยุกต์เทคโนโลยี AR กับการค้าออนไลน์จะช่วยทำให้ลูกค้ามีโอกาสทดลองและสัมผัสสินค้าที่หมายตาก่อนที่จะเกิดการซื้อขายจริง ซึ่งแน่นอนว่ามันจะช่วยเพิ่มโอกาสที่ลูกค้าจะตัดสินใจซื้อสินค้านั้นด้วยเช่นกัน

จากการทดลองของบริษัทค้าปลีกรายใหญ่รายหนึ่งที่นำเอาเทคโนโลยี AR มาใช้ในการทำการตลาดพบว่าลูกค้าใช้เวลเพียง 2.4 วินาทีในการมีปฏิสัมพันธ์กับโฆษณาที่ว่านี้ และความพึงพอใจ ความมั่นใจของลูกค้าก็เพิ่มมากขึ้นเมื่อตัดสินใจซื้อสินค้าถึงกว่า 64 % ภายหลังจากได้ทดลองประสบการณ์เสมือนจริงที่ว่านี้แล้วเช่นกัน

หากคุณยังคิดไม่ออกว่าเทคโนโลยีที่ว่านี้เป็นอย่างไร คุณอาจจะเจอประสบการณ์แบบนี้มาแล้วโดยที่คุณไม่รู้ตัวครับ เช่นบางร้านค้าออนไลน์ที่มีโปรแกรมจำลองสินค้าที่คุณเลือกให้คุณดูในสิ่งแวดล้อมจริง ๆเพื่อเพิ่มความมั่นใจก่อนการตัดสินใจซื้อครับ

3. โชว์ข้อเสนอที่น่าสนใจให้แก่ นักช้อปออนไลน์ ทันทีเมื่อพวกเขาพร้อมที่จะซื้อ

ส่วนลดยังคงเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในการปิดการขายครับ เชื่อหรือไม่ว่ากว่า 94% ของลูกค้าจะทำการเปิดหน้าเว็บไซต์มากถึง 3-4 เว็บไซต์เพื่อทำการค้นหาและเปรียบเทียบราคาสินค้าที่เขาหมายปองเพียงชิ้นเดียวเท่านั้น และบางคนอาจใช้เวลาถึง 30 นาทีเพื่อค้นหาราคาที่ดีที่สุดที่พวกเขารู้สึกว่าคุ้มค่าที่จะจ่ายออกไป

แต่กระนั้นการมอบส่วนลดออกไปอย่างโจ่งแจ้งก็อาจทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าคุณกำลังพยายามยัดเยียดการขายให้แก่พวกเขามากเกินไป และท้ายที่สุดลูกค้าอาจจะไม่สบายใจที่จะดูโฆษณาของคุณและหนีออกจากหน้าเว็บไซต์ของคุณในที่สุด เพื่อเป็นการดึงดูดใจของลูกค้าให้อยู่กับคุณตั้งแต่ต้นจนจบนักการตลาดออนไลน์หรือพ่อค้าแม่ค้าที่เก่ง ๆ เขาจะใช้การโฆษณาที่เรียกว่า Native Ads หรือการโฆษณาที่ให้สาระแก่ลูกค้าเพื่อดึงความสนใจของลูกค้าให้อยู่กับเรา และเมื่อลูกค้าเกิดความรู้สึกอยากจะซื้อแล้วจึงค่อยยื่นข้อเสนอส่วนลดที่น่าสนใจเพื่อหว่านล้อมให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อทันทีเมื่อดูหรืออ่านโฆษณาหรือบทความนั้นจบครับ ซึ่งข้อมูลเนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์นี้เมื่อนำมารวมกับข้อเสนอที่น่าสนใจและดึงดูดมากพอก็จะทำให้สินค้าของคุณมีโอกาสปิดการขายได้ง่ายขึ้นและทำให้คุณสามารถเพิ่มยอดขายได้อย่างที่คุณต้องการครับ

ทั้ง 3 กลยุทธ์นี้คือขั้นตอนในการทำการตลาดออนไลน์เพื่อรองรับแพลตฟอร์มโทรศัพท์มือถือที่กำลังมาแรงสำหรับอีคอมเมิร์ซครับ แต่หากคุณจะสังเกตให้ดี ๆจะพบว่าแม้วิธีการอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือดูพิสดารไปบ้าง แต่ทั้งหมดนี้ยังคงมีจุดร่วมที่เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือการใช้คอนเทนต์คุณค่า (Value Content) มาเป็นตัวดึงดูดความสนใจของลูกค้าครับ ซึ่งรวมไปถึงเทคโนโลยี AR ที่ก็อาจจะอนุมานได้ว่าเป็น Value Content ได้อีกรูปแบบหนึ่งเพราะทำให้ลูกค้าได้มีโอกาสเห็นสินค้าในสภาวะจริงก่อนการตัดสินใจซื้อแม้จะเป็นเพียงภาพจำลองจากโปรแกรมก็ตาม ดังนั้นไม่ว่าคุณจะต้องทำการตลาดออนไลน์เพื่อรองรับแพลตฟอร์มใด หัวใจสำคัญที่สุดที่จะทำให้การตลาดออนไลน์นั้นประสบความสำเร็จก็ยังคงอยู่ที่การทำคอนเทนต์คุณค่า (Value Content) นั่นเอง

บริการอบรม ให้คำปรึกษา Digital Marketing & Brand Storytelling ทั้งแบบรูปแบบองค์กร กลุ่ม และ ตัวต่อตัวเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์