โจแอนน์ “โจ” โรว์ลิง เป็นนักเขียนนวนิยายหญิงชาวอังกฤษ ผู้โด่งดังในฐานะผู้ประพันธ์วรรณกรรมแฟนตาซีชุด แฮร์รี่ พอตเตอร์ (Harry Potter) ซึ่งได้รับความความสนใจจากผู้คนทั่วโลกและยังได้รับรางวัลมากมาย โดยมียอดขายกว่า 400 ล้านเล่ม อีกทั้งยังเป็นหนังสือชุดที่ขายดีที่สุดในประวัติศาสตร์

ชีวิตของโรว์ลิงพลิกผันจากความยากจนไปสู่ความร่ำรวย จากเดิมที่เธอเคยต้องพึ่งเงินสง เคราะห์จากรัฐบาลเพื่อความอยู่รอด เธอได้เปลี่ยนสถานะกลายเป็นมหาเศรษฐีภายในห้าปี โดย ซันเดย์ไทม์ ฯ ประจำปี 2008 ได้ทำการประเมินทรัพย์สินของโรว์ลิงไว้ 560 ล้านปอนด์ ซึ่งว่ากันว่า เธอกลายเป็นหญิงที่ร่ำรวยกว่าสมเด็จพระราชินีอลิซาเบธที่ 2 ของอังกฤษไปแล้ว

ส่วนนิตยสารฟอร์บส์ได้จัดอันดับให้เธอเป็นคนดังที่ทรงอิทธิพลที่สุดเป็นอันดับที่สี่สิบแปดของโลก,นิตยสารไทม์ยกเธอให้เป็นรองบุคคลแห่งปี 2007  ได้เป็น “สตรีผู้ทรงอิทธิพลในบริเตน” ฯลฯ ซึ่ง ณ ตอนนี้ แฮร์รี่ พอตเตอร์ เป็นชื่อหนังสือระดับโลกที่มูลค่ามากกว่า 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ปัจจุบันเธอมีทรัพย์สินกว่า 2,000 ล้านบาท ขึ้นทำเนียบกลายเป็นบุคคลรวยที่สุดอันดับ 122 ของอังกฤษ!!

เจ.เค. โรว์ลิ่ง มีชื่อเต็มๆ ว่า “โจแอน แคธลีน โรวลิ่ง” ซึ่งพ่อของเธอเป็นวิศวกร ส่วนแม่ของเธอทำหน้าที่แม่บ้านดูแลเธอ และน้องสาว เพราะรักการอ่านทำให้แววอัจฉริยะ

ในการเขียนหนังสือของเธอเริ่มต้นตั้งแต่อายุแค่ 5 ขวบ  เธอได้เขียนหนังสือเรื่องแรก  Rabbit  เมื่อเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย Exeter เธอเรียนภาษาฝรั่งเศสและวรรณกรรมคลาสสิค เรียนจบก็ได้ทำงานที่ Amnesty International ในกรุงลอนดอน ตำแหน่งเลขานุการและนักวิจัย เกี่ยวกับองค์การนิรโทษกรรมระหว่างประเทศ  และเธอยังคงพยายามเขียนเรื่องราวต่าง ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง

กระทั่งอายุ 25 ปี ขณะที่เธอนั่งอยู่บนรถไฟระหว่างสถานีแมนเชส เตอร์ และคิงส์ครอสในกรุงลอนดอนก็เกิดปิ๊งไอเดีย เกี่ยวกับเด็กกำพร้าที่มีผู้ค้นพบว่าเขาคือพ่อมด และนี่คือ..จุดเริ่มต้นของวรรณกรรมสนั่นโลก ชื่อ “แฮรี่ พอตเตอร์”  ที่กลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก

ย้อนอดีตแห่งความลำบากก่อนจะก้าวสู่จุดสูงสุด ซึ่งหลังจากที่แม่เธอเสียชีวิตและพ่อมีครอบครัวใหม่ทำให้โรว์ลิงได้ไปทำงานเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ เป็นภาษาต่างประเทศที่เมืองปอร์โต ประเทศโปรตุเกส  เธอสอนในเวลากลางคืนและเริ่มงานเขียนในเวลากลางวัน

ต่อมาได้แต่งงานกับยอร์จ อารังชีส นักข่าวโทรทัศน์ชาวโปรตุเกส หลังจากแท้งลูกแล้วต่อมาก็มีลูกสาวด้วยกันหนึ่งคนชื่อเจสสิกา อิซาเบล โรว์ลิง อารังชีส  แต่ชีวิตคู่ไม่ราบรื่นอย่างที่คิดไว้ ทำให้โรว์ลิงต้องย้ายไปอยู่ใกล้กันกับบ้านของน้องสาวที่ประเทศสก็อตแลนด์  พร้อมกับสามบทแรกของแฮร์รี่ พอตเตอร์ในกระเป๋าเดินทาง

ในช่วงเวลานั้นโรว์ลิงได้รับการวินิจฉัยว่า เป็นโรคซึมเศร้าทำให้มีความคิดที่จะฆ่าตัวตาย ซึ่งอาการป่วยของเธอกลับเป็นแรงบันดาลใจให้เธอสร้างตัวละครผู้คุมวิญญาณ

ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่ดูดกินวิญญาณและความสุขซึ่งอยู่ในเล่มที่สาม  และด้วยปัญหาทางการเงิน โรว์ลิงจึงทำเรื่องเพื่อขอรับเงินสงเคราะห์ของรัฐบาลเช็คสังคมสงเคราะห์มูลค่า 70 ปอนด์ต่ออาทิตย์

ในช่วงชีวิตที่กำลังตกต่ำ โรว์ลิง ลงมือเขียน แฮรี่ พอตเตอร์ ที่ร้านกาแฟของน้องเขยด้วยเครื่องพิมพ์ดีดเก่าๆ เพราะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่จะทำให้เจสสิกาหลับได้

ย้อนไปในปี 1995 เจ.เค. โรว์ลิง ได้เขียนต้นฉบับของแฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์ เสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงลองส่งต้นฉบับไปให้กับบริษัทตัวแทนคริสโตเฟอร์ ลิตเติ้ลในฟูแล่ม ไบรโอนี่ อีแวนผู้พิจารณาต้นฉบับรู้สึกสนใจ จึงตกลงที่จะเป็นตัวแทนของโรว์ลิงหาผู้ตีพิมพ์ โดยส่งต้นฉบับไปให้กับสำนักพิมพ์ 12 แห่งพิจารณา แต่กลับได้รับการปฏิเสธทั้งหมด

หลังจากนั้นอีกหนึ่งปี เธอถึงได้รับการอนุมัติ พร้อมเงินจ่ายล่วงหน้า 1,500 ปอนด์ จากแบร์รี คันนิงแฮม ซึ่งเป็นบรรณาธิการของสำนักพิมพ์บลูมบิวส์รีในลอนดอน ที่ตัดสินใจตีพิมพ์หนังสือของโรว์ลิง ซึ่งเมื่ออลิซ นิวตัน ลูกสาววัยแปดขวบของประธานบริหารสำนักพิมพ์บลูม ได้อ่านบทแรกของหนังสือจบเล่มแรก เธอรีบขออ่านบทต่อไปในทันที

โรว์ลิงได้รับเงินจากสภาศิลปะสก็อตเป็นเงินจำนวน 8,000 ปอนด์เพื่อสนับสนุนเธอในงานเขียนครั้งต่อๆ ไป  ในปี 1997  ซึ่งในปีเดียวกัน “แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับศิลาอาถรรพ์” ถูกตีพิมพ์ครั้งแรก และประสบความสำเร็จอย่างเหนือความคาดหมาย ทำให้เธอได้ค่าลิขสิทธิ์จำนวน 4,000 ดอลลาร์

ทำให้คนทั้งโลกได้รู้จักกับปรากฏการณ์แฮรี่ฟีเวอร์ จนได้มีการนำไปทำเป็นภาพยนตร์และทำให้ผู้คนหลงใหลไปทั่วโลกเช่นกัน และทำให้เกิดภาคต่อมาจนถึงหนังสือเล่มสุดท้ายของแฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเสียงเพรียกแห่งความตาย ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นทิ้งทวน เล่มที่ 7 ซึ่งสร้างสถิติเป็นหนังสือที่ขายได้ไวที่สุด

ซึ่ง 6 ภาค 6 เล่ม ที่ผ่านมา สามารถทำยอดขายได้อย่างถล่มทลายกว่า 325 ล้านเล่มทั่วโลกแต่ละภาคเฉลี่ยมียอดพิมพ์ประมาณกว่า 54 ล้านเล่ม และมีการแปลความเป็นภาษาต่างๆ มากถึง 65 ภาษา

ได้อ่านประวัติของเจ.เค. โรว์ลิ่ง แล้ว ต้องยอมรับว่าเส้นทางแห่งความสำเร็จของเธอมีที่มาที่ต้องอาศัยความอดทนรอคอยต่อความสำเร็จเป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตาม ณ วันนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักเจ.เค. โรว์ลิ่ง อย่างแน่นอน ส่วนแนวคิดของเธอจะน่าสนใจแค่ไหนมาติดตามกันเลยครับ

15 แนวคิด โจแอนน์ “โจ” โรว์ลิ่ง

1.เขียนจากประสบการณ์แต่เสริมด้วยโลกแห่งจินตนาการ

เพราะเป็นเด็กสาวช่างฝันผู้สนใจในเรื่องคาถาเวทมนตร์และแม่มดพ่อมด ทำให้เธอถูกบีบและนำประสบการณ์ต่างๆ ที่เธอพบเจอในเหตุการณ์จริงมาแต่งเป็นหนังสือ  โรว์ลิ่งเขียนมันด้วยความตึงเครียดภายใต้แรงกดดัน ซึ่งมันเป็นโลกแห่งจินตนา การที่สามารถหลบเลี่ยงไปจากชีวิตจริงที่ขมขื่น และยากลำบากได้วันละนานๆ ด้วย

2.ต้องมีใจรักที่จะเขียน รักในสิ่งที่ทำ

โรว์ลิ่ง เป็นเด็กที่เรียกได้ว่าอยู่กับหนังสือตลอด เธอรักการอ่านหนังสือเป็นพิเศษ

พ่อของเธอ มักจะคอยเล่านิทานหรือหนังสือต่างๆให้ฟัง เกี่ยวกับสัตว์ต่างๆ และการผจญภัย ทำให้เป็นแรงบันดาลใจในการแต่งหนังสือด้วยวัยเพียง 6 ขวบ   นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอกลายมาเป็นนักเขียนและชอบแต่งหนังสือ เพราะรักที่จะเขียนมัน

3.นำสิ่งดีและข้อคิดในหนังสือไปใช้

อีกเหตุผลของการเขียนหนังสือคือ เธออยากให้เด็กๆ ได้เรียนรู้จากหนังสือของเธอและให้พวกเขานำสิ่งดีๆ และข้อคิดในหนังสือไปใช้ในการดำรงชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ที่โรงเรียน หรือที่อื่นๆ และอยากให้นำมันไปใช้ในเหตุการณ์จริง

4.หนังสือเพิ่มความสุข

โรว์ลิ่งบอกว่าแรงบันดาลใจเกิดกับเธอนับไม่ถ้วน ส่วนหนึ่งอาจเกิดจากการที่เธออ่านหนังสือมากมายตั้งแต่ในวัยเด็กจนถึงวัยทำงาน หนังสือพวกต่างๆ ทำให้ความใฝ่ฝันที่เธอจะเป็นนักเขียนเพิ่มมากขึ้น มีความสุขที่จะได้อ่านและมีความสุขที่หนังสือทั้งหมดที่เธออ่านคอยเพิ่มพูนความสุขมาให้ หนังสือทำให้เธอมีความสุข และไม่เคยที่จะเบื่อการอ่าน และสามารถอยู่กับหนังสือได้เป็นเวลานาน

5.ความสำเร็จไม่ได้เกิดจากความทะเยอทะยาน

ความสำเร็จของเธอนั้น เธอบอกว่าไม่ได้มาจากความทะเยอทะยานในเรื่องเงิน หรือประสบความสำเร็จอะไรแต่ระหว่างที่เขียนเธอเพียงเขียนไปตามที่อยากเขียน หรือเพียงหวังได้ค่าเรื่องมาประทังชีพเท่านั้น

6.มีแรงบันดาลใจและพรสวรรค์

สิ่งที่ทำให้เธอมีชื่อเสียง มีเงิน และประสบความสำเร็จได้นั้น เป็นเพราะ

เธอมีเพียงแรงบันดาลใจและพรสวรรค์ในการผูกเรื่องราวที่สนุกสนานตื่นเต้นบวกกับความกล้าลงมือ

ติดต่อที่หาคนนำไปพิมพ์ เพราะหากเขียนแล้วเก็บไว้ในลิ้นชักโต๊ะก็คงไม่ประสบความสำเร็จ

7.เก่งอย่างเดียวไม่ได้ต้องมีโชคด้วย

สิ่งที่นำเธอไปสู่ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่นั้นอาจเป็นเพราะโชคชะตาด้วย ซึ่งเธอบอกว่าคนจีนจะพูดเสมอถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของคนเรา ที่จะต้องมีเก่งบวกเฮง หรือฝีมือบวกโชค

ซึ่งความสำเร็จของเธอมีหลักเพียงสองตัวเท่านั้นที่ทำให้เธอประสบความสำเร็จอย่างมากมายนอกเหนือจากพรสวรรค์แล้วก็คือความโชคดีนั่นเอง ซึ่งเธอเป็นเหมือนโคตรเพชรที่อยู่ในโคลนตม รอคนมาค้นพบ

8.ความผูกพันกับงานเขียน

การเขียนที่ดีจะต้องเต็มไปด้วยอารมณ์เพราะว่าหนังสือพวกนี้มันมีความผูกพันกับชีวิตของโรว์ลิงอย่างมาก มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเขียนมันให้เสร็จโดยที่ไม่ย้อนกลับไปมองที่ๆ ครั้งหนึ่งเธอเคยได้เริ่มต้นสร้างมันมา

9.จุดเริ่มต้นของการสร้างสรรค์

แฮร์รี พอตเตอร์ นับเป็นการเดินทางที่สวยงาม แม้เธอจะเคยใช้ชีวิตด้วยความลำบาก แถมยังต้องไปนั่งเขียนที่ร้านกาแฟ เพราะไม่มีปัญญาจ่ายค่าไฟจากเครื่องทำความร้อนภายในบ้าน ความยากจนและการดิ้นรน ทำให้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างสรรค์ผลงานที่ดีได้ ภายใต้แรงกดดันของตัวเอง

10.ยอมเปลี่ยนบางสิ่งเพื่อความสำเร็จ

ผลงานชิ้นแรกของเธอได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรกแต่มียอดพิมพ์ต่ำกว่า 1,000 ฉบับ  ทำให้เจ้าของสำนักพิมพ์แนะนำให้เธอใช้นามปากกาดีกว่าใช้ชื่อจริงว่า โจแอนน์ เพราะนักอ่านเด็กผู้ชายอาจจะไม่ชอบที่รู้ว่างานเขียนเป็นผู้หญิง

ทำให้เธอต้องตัดสินใจเปลี่ยน โดยตัวย่อชื่อกลางอย่างตัว เค. โดยยืมมาจากเคธลีน ซึ่งเป็นชื่อของย่าเธอ ทำให้นามปากกาของเธอคือ เจ.เค. ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ซึ่งยังส่งผลให้ยอดหนังสือพุ่งขึ้นด้วย

11.สร้างผลงานสร้างแรงบันดาลใจ

โรว์ลิ่ง กลายเป็นนักเขียนชื่อดังระดับโลก ผู้สร้างตำนานพ่อมดน้อยแฮรี่ พอตเตอร์ ที่เด็กๆ ทั่วโลกหลงรัก  จากที่เธอประสบความสำเร็จสูงสุดสำหรับอาชีพนักเขียน เธอบอกว่ามันเป็นเรื่องเหลือเชื่อที่นักเขียนคนหนึ่งจะสามารถรังสรรค์ผลงานให้สุดอลังการได้ และทำให้คนทั้งโลกหลงใหลราวกับมีเวทมนท์อยู่ในนั้นจริงๆ

เพราะความสำเร็จในเล่มแรกทำให้กลายเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้เธอกลับมาทำผลงานในภาคต่อให้ดี และยังกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักเขียนคนอื่นๆ อีกด้วย

12.การไม่มีเงินชีวิตมันจะเลวร้ายขนาดไหน

โรว์ลิ่ง บอกว่าหากคุณไม่ได้อยู่ ณ ตรงนั้น จุดที่เคยลำบากมาก่อน จนทำให้เกิดแรงกดดันต่างๆ คุณก็จะไม่มีทางรู้หรอกว่าการไม่มีเงินชีวิตมันจะเลวร้ายขนาดไหน เพราะความภูมิใจในตัวเองหรือศักดิ์ศรีของคุณจะถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิง เพราะความจนมันน่ากลัว จึงต้องดิ้นรนให้ถึงที่สุด

13.ทำผลงานให้เป็นโลกแห่งเวทย์มนต์

การนำชีวิตจริงและโลกแห่งจินตนาการมาสรรค์สร้างผลงาน ทำให้กลายจุดเปลี่ยนของชีวิตที่ทำให้เธอสร้างผลงานธรรมดา ให้กลายเป็นโลกแห่งเวทมนต์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ทำให้เรื่องราวของเธอเป็นแรงบันดาลใจให้กับใครหลายๆ คนที่กำลังท้อแท้และสิ้นหวัง

14.ความล้มเหลวเป็นแรงผลักดัน

เพราะเธอมองดูตัวเองเป็นคนที่ประสบความล้มเหลว บวกกับชีวิตคู่ของเธอล้มเหลว เธอตกงานและมีลูกที่ต้องดูแล แต่นั่นทำให้เธอมีแรงผลักดันในการใช้เวลาจดจ่อกับการเขียนมากขึ้น

15.พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส

ในช่วงชีวิตที่กำลังตกต่ำไม่มีเงินจ่ายแม้แต่ค่าไฟ โรว์ลิงกลับพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ด้วยการลงมือเขียน แฮรี่ พอตเตอร์ ซึ่งเธอได้นั่งเขียนนิยายที่ร้านกาแฟของน้องเขยด้วยพิมพ์ดีดเก่าๆ

โรว์ลิ่งได้รับแรงบันดาลใจจากชีวิตจริงผสมผสานกับจินตนาการจึงทำให้ แฮรี่ พอตเตอร์ กำเนิดขึ้น แม้ที่ผ่านมาเธอจะเจอกับอุปสรรคมากมาย รวมถึงการพิสูจน์ที่จะทำให้พ่อของเธอยอมรับ เพราะเธอล้มเหลวทุกอย่างทำให้มีความรู้สึกกลัวพ่อของเธอมาตลอดเวลาที่ยาวนาน

แต่ทุกอย่างกลับเป็นแรงผลักดันและทำให้ต้องดิ้นรนเพื่อทำงานเขียนแลกเงิน ส่งผลให้ โจแอนน์ “โจ” โรว์ลิง ประสบความสำเร็จโด่งดังไปทั่วโลกจนถึงทุกวันนี้

ต้องยอมรับว่าเจ.เค. โรว์ลิ่ง เป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คนหลายคนในความบากบั่น ไม่ย่อท้อแม้มีอุปสรรค

อดทนต่อการถูกปฏิเสธหลายครั้งหลายคราจากสำนักพิมพ์ต่าง ๆ ดำเนินชีวิตด้วยความยากลำบาก

แต่ด้วยความที่เธอมีความปรารถนาในใจอย่างแรงกล้าและยืนหยัด อันเป็นคุณสมบัติที่ทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนในบัดดล แล้วพวกเราล่ะสามารถที่จะยืนหยัดและรอคอยจนกระทั่งประสบความสำเร็จโดยไม่ล้มเลิกไปก่อนได้หรือไม่?