กำลังโด่งดังและเป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลกเลยสำหรับ Tim Ferriss กูรูผู้เป็นนายตัวเองที่หลายคนฝันว่า จะมีไลฟ์สไตล์อย่างเขาบ้าง หลายคนรู้จักเขาผ่านหนังสือที่มียอดขายท่วมท้นที่ชื่อ The 4-hour Workweek ทำน้อยแต่รวยมาก

ซึ่งหลายคนไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีแนวคิดแบบนี้ด้วย เรียกว่าเตะความคิดการบริหารเวลาแบบเดิม ๆ ทิ้งไปเลย เพราะเราทั้งหลายต่างได้รับการปลูกฝังมารุ่นต่อรุ่นแล้วว่า ให้ทำมาก ๆ จะได้รวย ๆ

แต่ในความเป็นจริงแล้ว น้อยคนนักที่จะรวยจากการก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างหนักซึ่ง Tim Ferriss จะมาไขแนวคิดด้วยกุญแจสำคัญ ๆ ที่ช่วยให้เขาทำน้อยแต่รวยมากนั่นเอง

หลายคนอยากมีอิสรภาพด้านเวลาในการทำงาน ที่ไม่ต้องทำงานวันละ 7- 8 ชั่วโมง แต่สามารถมีรายได้ที่มากเกินพอ พร้อมทั้งมีไลฟ์สไตล์ที่สุดหรู คนส่วนใหญ่คิดว่าเป็นไปไม่ได้ไม่มีหรอกที่จะทำงานไม่กี่ชั่วโมงแต่มีรายได้มากพอที่จะใช้ไลฟ์สไตล์สุดหรูได้

แต่สำหรับ Tim Ferriss แล้วเขาได้พิสูจน์ว่าเขาสามารถทำได้และเขาได้ทำสำเร็จแล้ว ด้วยการเป็นผู้ก้าวข้ามจากการทำงานวันละ 14 ชั่วโมง โดยมีรายได้ 40,000 เหรียญต่อปี ไปเป็นทำงานสัปดาห์ละ 4 ชั่วโมง และมีรายได้มากกว่า 40,000 เหรียญต่อเดือน

เขาเป็นผู้ปลดข้อจำกัดแนวคิดในเรื่องของเวลาในการทำงานแบบเดิม ๆ ลงอย่างสิ้นเชิง ซึ่งเขาพร้อมที่จะแบ่งปันแนวคิดนี้ให้กับผู้คนทั่วโลกผ่านการบรรยายและหนังสืออันยอดเยี่ยมของเขา The 4-hour Workweek ทำน้อยแต่รวยมากจะเป็นไปได้อย่างไร มาติดตามกันเลยครับ

15 บทเรียนธุรกิจ สร้างอิสรภาพชีวิต ของ Tim Ferriss

1.ชีวิตของคนเราไม่ต้องลำบากลำบนถึงขนาดนั้น

คนส่วนใหญ่รวมทั้ง Tim Ferriss ด้วยที่กล่อมตัวเองให้เชื่อว่า ชีวิตเป็นเรื่องที่ต้องลำบากตรากตรำ ต้องทนทำงานตั้งแต่ 9 โมงเช้า ถึง 5 โมงเย็น เพื่อแลกกับสุดสัปดาห์ที่แสนผ่อนคลาย

การได้ลาพักร้อนในช่วงสั้น ๆ  แถมเสี่ยงกับการโดนไล่ออกเป็นสิ่งตอบแทนด้วย Tim Ferriss ให้เคล็ดลับว่า เราสามารถใช้ประโยชน์จากความแตกต่างของค่าเงิน หรือไม่ก็จ้างคนภายนอกมาช่วยจัดการชีวิตให้และคุณก็หายตัวไปซะ

2.เงินไม่ใช่ความฝันแต่ไลฟ์สไตล์ต่างหากที่คนส่วนใหญ่ต้องการ

สิ่งที่คนส่วนใหญ่มองข้ามแต่ Tim Ferriss มองเห็น นั่นก็คือ ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ได้อยากเป็นมหาเศรษฐี แต่พวกเขาอยากจะสัมผัสชีวิตในแบบที่พวกเขาเชื่อว่าเงินล้านเท่านั้นที่จะซื้อหามาได้ เช่น การเดินทางในต่างแดน การมีบัตเลอร์ส่วนตัว หรือการได้นอนเอกเขนกบนเปลญวณ เงิน 1,000,000 เหรียญ ไม่ใช่ความฝัน แต่ความฝันคือ ไลฟ์สไตล์อันอิสระเต็มที่ที่เงินจำนวนนั้น ควรจะมอบให้เราต่างหาก

คำถามที่ Tim Ferriss อยากจะถามคือ เราสามารถมีไลฟ์สไตล์เหมือนเศรษฐีเงินล้านโดยไม่ต้องมีเงินล้านก่อนได้อย่างไร?

3.การกำหนดข้อตกลงของ Tim Ferriss

ในการเริ่มต้นของทุกคลาส Tim Ferriss มักจะอธิบายถึงหัวใจสำคัญยิ่งเพียงข้อเดียว คือการเป็นผู้กำหนดข้อตกลง ซึ่งคุณสมบัติของการเป็นผู้กำหนดข้อตกลงนั้นง่ายมาก นั่นคือ ความจริงเป็นสิ่งที่ต่อรองได้ มันอยู่นอกกรอบความเป็นวิทยาศาสตร์และกฎเกณฑ์

Tim Ferriss ให้ความเห็นว่า กฎทั้งหลายล้วนบิดงอได้ และก็ไม่ต้องหมายความว่าคุณต้องทำผิดศีลธรรมด้วย

4.กำจัดความคิดเก่าแก่เกี่ยวกับการบริหารเวลาแบบเดิม

Tim Ferriss แนะนำให้กำจัดความคิดเกี่ยวกับการบริหารเวลาแบบเดิม ๆ ทิ้งไป เขาได้นำคำพูดของนักเศรษฐศาสตร์ชาวอีตาลีมาแสดงอยู่เสมอว่าจะเปลี่ยนการทำงานวันละ 12 ชั่วโมง ให้เหลือแค่วันละ 2 ชั่วโมง ภายในเวลา 48 ชั่วโมงได้อย่างไร

ซึ่ง Tim Ferriss ให้ข้อคิดว่าการจะให้ผลลัพธ์การทำงานของคุณเพิ่มขึ้นเป็น 10 เท่าหรือมากกว่านั้น ก็ด้วยการเลือกที่จะไม่ใส่ใจกับบางเรื่อง รับรู้ข่าวสารให้น้อยลง และเมินใส่สิ่งที่ไม่สำคัญ ถึงตอนนี้คุณจะได้รู้จักเวลาซึ่งเป็นส่วนของการมีไลฟ์สไตล์อันสุดหรูนั่นเอง

5.รายได้เป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์อันหรูหรา

Tim Ferriss ตอบคำถามที่ว่าเศรษฐีแนวใหม่ที่ประสบความสำเร็จแบบขั้นสุดเขาทำกันอย่างไร? เขาจะปล่อยให้กระแสเงินสดขับเคลื่อนตัวมันเอง โดยอาศัยข้อได้เปรียบจากอัตราแลกเปลี่ยน การจ้างงานจากภายนอก และกฎของการไม่ต้องตัดสินใจ มีตั้งแต่สิ่งที่ไม่ต้องทำไปจนถึงกิจวัตรปกติของเศรษฐีแนวใหม่ ซึ่งเป็นส่วนผสมของไลฟ์สไตล์อันหรูหราที่เรียกว่า รายได้ นั่นเอง

6.ลองชิมลางการเกษียณแบบย่อม ๆ

เป็นเทคนิคการง้างโซ่ตรวนของ Tim Ferriss ซึ่งแนวคิดเรื่องการลองชิมลางเกษียณแบบย่อม ๆ เป็นสุดยอดหัวใจที่คนทั่วโลกปรารถนา การง้างโซ่ตรวนไม่ได้หมายถึงการเดินทางท่องเที่ยวแบบทั่วไป แต่หมายถึงการทำลายกรอบที่ปิดกั้นคุณเอาไว้ให้อยู่ในที่แห่งเดียว ซึ่ง Tim Ferriss จัดให้เป็นส่วนผสมของไลฟ์สไตล์อันสุดหรู ที่เรียกว่า “การไปได้ในทุกที่” นั่นเอง

7.ความแตกต่างของเศรษฐีตอนแก่กับเศรษฐีแนวใหม่

Tim Ferriss แสดงให้เห็นความแตกต่างของเศรษฐีตอนแก่กับเศรษฐีแนวใหม่โดยอาศัยการเปรียบเทียบให้เข้าใจง่าย ๆ หลายประการ เช่น เศรษฐีตอนแก่ทำงานให้ตัวเองเศรษฐีแนวใหม่ ให้คนอื่นทำงานให้ เศรษฐีตอนแก่ ทำงานเมื่อต้องการทำ เศรษฐีแนวใหม่ไม่สักแต่ทำงานเพราะต้องทำและทำงานน้อยที่สุดเท่าที่จำเป็นต้องทำ เพื่อให้ได้ผลเต็มที่ที่สุด เศรษฐีตอนแก่เพื่อเป็นเจ้านายแทนที่จะเป็นลูกน้อง เพื่อเป็นคนออกคำสั่ง เศรษฐีแนวใหม่ ไม่เป็นทั้งเจ้านายหรือลูกน้องแต่เป็นเจ้าของและให้คนอื่นมาช่วยดูแลจัดการให้ เป็นต้น

8.อย่าทำตามแบบอย่างที่ไม่ได้ผล

Tim Ferriss ให้แนวคิดว่าสิ่งใดที่ดีอยู่แล้วก็ไม่ต้องไปซ่อมหรือแก้ไขมัน ความแตกต่างจะเป็นสิ่งที่ดีกว่าก็ต่อเมื่อทำแล้วเกิดประสิทธิภาพมากขึ้นและสนุกสนานกว่าเดิม ถ้าทุกคนนิยามปัญหาและแก้ไขมันด้วยวิธีการเดียวกันหมดและผลที่ออกมามันห่วยแตก  ควรตั้งคำถามใหม่ว่า ถ้าฉันทำในสิ่งที่สวนทางไปเลยล่ะ.. อย่าทำตามแบบอย่างที่ไม่ได้ผล

9.ตั้งเป้าถึงการเกษียณขนาดย่อม

Tim Ferriss กล่าวถึงเศรษฐีแนวใหม่เรื่องของการตั้งเป้าให้มีการเกษียณขนาดย่อมไปตลอดชีวิตของตัวเองว่า แทนที่จะรวบยอดเอาการพักผ่อนและความสนุกสนานในชีวิตไปกองไว้กับความฝันลม ๆ แล้ง ๆ ของชีวิตวัยเกษียณ

Tim แนะนำว่าให้ทำงานเฉพาะเมื่อตัวคุณรู้สึกมีประสิทธิภาพมากที่สุด การทำเช่นนี้คุณจะได้ทั้งผลงานและความสนุกสนานมากขึ้น พูดอีกอย่างว่าจับปลาแล้วได้ปลาทั้งสองมือเลย

10.ทำน้อยไม่ได้แปลว่าขี้เกียจ

Tim Ferriss ให้ข้อคิดว่า การทำงานที่ไม่เกิดประโยชน์ให้น้อยลง เพื่อที่จะเอาเวลาไปทุ่มเทกับสิ่งที่สำคัญสำหรับตัวเองมากกว่า ไม่ได้หมายความว่าเป็นคนขี้เกียจ

สำหรับเศรษฐีแนวใหม่แล้ว ถึงแม้ว่าชั่วโมงการทำงานของพวกเขาจะน้อยกว่า  ทว่าพวกเขาสร้างผลงานสำคัญได้มากกว่าคนที่ไม่ใช้เศรษฐีแนวใหม่นับสิบคนรวมกันเสียอีก

11.เวลาเหมาะ ๆ ไม่เคยมี

การรอเวลาเหมาะ ๆ เป็นเรื่องที่ห่วยแตกที่สุด Tim Ferriss เคยถามมารดาว่าท่านตัดสินใจอย่างไรที่จะมีลูกคนแรกซึ่งก็คือตัวเขานั่นเอง คุณแม่ตอบอย่างเรียบง่ายว่า มันเป็นสิ่งที่เราต้องการ และเราก็ตัดสินใจ แล้วจะผลัดไปอีกทำไมล่ะ ยังไงมันก็ไม่มีเวลาที่เหมาะจะมีลูกหรอก แล้วก็เป็นอย่างที่เห็นคือ Tim Ferriss นี่ล่ะ

ซึ่งเขาแนะนำว่าหากว่าสิ่งนั้นสำคัญกับคุณจริง ๆ และคุณต้องการมันจริง ๆ ก็ลงมือทำมันแล้วแก้ไขจนกว่าทุกอย่างจะเข้าที่ ซึ่งนับเป็นหนทางที่ดีที่สุด

12.อย่าเน้นแก้จุดด้อย ให้ชูจุดเด่น

มันคุ้มค่าและสนุกกว่ามากที่จะชูจุดเด่นของคุณ Tim Ferriss ให้แง่คิด คุณมีทางเลือกระหว่างการได้ผลลัพธ์เพิ่มเป็นทวีคูณจากการใช้จุดเด่นของตัวเอง โฟกัสไปที่การฝึกใช้ไม้ตายของคุณให้เก่ง แทนที่จะเอาแต่คอยแก้ไขปรับปรุงจุดด้อยอยู่ตลอดเวลา

13.อะไรที่มากไปก็ไม่ดี

อะไรที่คุณต้องการหากมากเกินไปหรือบ่อยเกินไป ก็จะกลายเป็นสิ่งที่คุณไม่ต้องการได้  ไม่ว่าจะเป็นข้าวของเงินทองหรือแม้แต่เวลา การออกแบบไลฟ์สไตล์ไม่ได้บอกถึงการพยายามสร้างให้คุณมีเวลาว่างมากมาย ซึ่งจะกลายเป็นผลเสียแทน แต่มุ่งเน้นให้รู้จักใช้เวลาว่างอย่างสร้างสรรค์ ด้วยหลักคิดของ Tim Ferriss แบบง่าย ๆ คือ ทำในสิ่งที่คุณอยากทำหรือทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่คุณถูกบังคับให้ทำ

14.ขจัดความเครียดที่เลวร้าย ค้นหาความเครียดที่ดี

ความเครียดไม่ใช่จะเลวร้ายไปเสียหมด Tim Ferriss บอกว่าความเครียดมีสองแบบ คือ ความเครียดที่เลวร้ายเป็นตัวกระตุ้นให้คุณอ่อนแอ หมดความมั่นใจและไร้ความสามารถ เช่น คำวิจารณ์ในแง่ทำลาย เจ้านายใจโหด ส่วนความเครียดที่ดี เช่น คนเก่งที่ช่วยผลักดันเราให้ก้าวข้ามขีดจำกัด การออกกำลังกายเพื่อลดความอ้วน  ความเครียดที่ส่งผลดีจะช่วยกระตุ้นให้เราเติบโต เศรษฐีใหม่พยายามอย่างจริงจังที่จะขจัดความเครียดที่เลวร้ายและค้นหาความเครียดที่ดีกับตนเอง

15.ลองทำดูถ้าไม่ได้สร้างความเสียหายให้ใคร

Tim Ferriss แนะนำในเรื่องของการลงมือทำว่าหากมันไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับใครต่อใครรอบตัวคุณ ก็ลองทำมันดู แล้วค่อยมาอธิบายให้พ่อแม่ เพื่อน หรือเจ้านายฟังทีหลัง แรก ๆ พวกเขามักปฏิเสธคุณด้วยอารมณ์ แต่ภายหลังพวกเขาจะสามารถเรียนรู้และยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นได้ หากความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่ได้ร้ายแรงหรือสามารถแก้ไขได้ ก็อย่าให้ใครมาห้ามคุณ ทำตัวให้ชินกับการเป็นตัวปัญหา และเอ่ยปากขอโทษหากคุณทำมันพลาดขึ้นมาจริง ๆ

หลายคนเมื่ออ่าน หนังสือ The 4-hour Workweek ของ Tim Ferriss จบ เกิดการเปลี่ยนแปลงความคิด พลังใจ แรงบันดาลใจที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล และนี่คือหนทางในการเข้าถึงความคิดจิตใจของผู้คนนับล้าน ที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอันนำตัวเองไปสู่ความร่ำรวยด้วยการลดเวลาการทำงานที่น้อยลงแต่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ซึ่ง Tim Ferriss เต็มใจมอบให้และแบ่งปันแด่ผู้คนนับล้านคน หากคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากทำน้อยแต่รวยมาก คุณสามารถถอดแบบความเป็นเลิศจากแนวคิดของเขาเพื่อที่จะมีไลฟ์สไตล์ในแบบที่คุณต้องการ โดยไม่ต้องรอให้ถึงตอนแก่หรือเกษียณแต่อย่างใด