ในอนาคต AI จะค่อย ๆ เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น แม้หลาย ๆ คนจะมีความกังวลในการมีตัวตนของ AI  ว่าจะมีผลร้ายมากกว่าผลดี แต่ในทางปฏิบัติแล้วในทุกวันนี้เราใช้ AI เข้ามาช่วยในการอำนวยความสะดวกต่างๆ มากมาย

AI ย่อมาจาก Artificial Intelligence หรือปัญญาประดิษฐ์ เป็นวิทยาการทางคอมพิวเตอร์แขนงหนึ่ง ที่เหล่าผู้เชี่ยวชาญและนักวิทยาศาสตร์ มีความพยายามเป็นอย่างมากที่พัฒนาให้ AI มีความสามารถที่ยอดเยี่ยมในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นในด้านการคิดประมวลผลบนหลักการและเหตุผล มีการแสดงผลที่ถูกต้องแม่นยำสูง นอกจากนั้นยังสามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้โดยอิงจากข้อมูลที่มีอยู่ และประมวลผลออกมาได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้องมีความแม่นยำสูง และสามารถนำมาใช้ได้จริง

ถึงแม้ความสามารถของ AI ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้จะยังอยู่ในขั้นตอนของการวิจัยและพัฒนา แต่ในอนาคต AI จะเข้ามาแทนที่ในบางบทบาทของมนุษย์  และปัจจุบัน อAI ก็ไม่ใช่สิ่งใหม่ที่คนทั่วไปไม่สามารถเอื้อมถึงอย่างที่คิด ในปัจจุบัน ได้มีการนำ AI มาใช้ในชีวิตประจำวัน โดยที่เราไม่รู้ตัวว่านี่คือ นวัตกรรมส่วนหนึ่งของ AI

  1. AI กับเครื่องใช้ไฟฟ้า บริษัทผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายแบรนด์ ได้นำเอา AI เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ การควบคุมระบบการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น  การทำงานด้วยคำสั่งเสียงสำหรับโทรทัศน์ หรือการควบคุมเส้นทางการทำงานของหุ่นยนต์ดูดฝุ่น (Robot Vacuum Cleaner)
  2. AI กับโซเชียลมีเดีย เจ้าของสื่อโซเชียลยักษ์ใหญ่หลายเจ้าได้มีการนำ AI เข้ามามีบทบาทในระบบของตนเอง เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการ เช่น  Apple-Siri , Google Now, Bixby Voice ซึ่งสามารถตอบโต้และสั่งงานตามคำสั่งเสียงที่ได้รับ
  3. AI กับงานบริการ โดยมีการนำ Chatbot เข้ามาใช้ในการตอบคำถามเบื้องต้น โดยการนำข้อมูลที่มีอยู่มาประมวลผลและทำการตอบคำถามแทน มนุษย์ โดยในปัจจุบันในประเทศไทยเองก็ได้มีการนำ Chatbot เข้ามาใช้งานแล้วเช่น แอพพริเคชั่น Wong Nai ที่ได้นำมาใช้ในการแนะนำร้านค้าและเส้นทางให้กับผู้ใช้บริการ , ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB ที่นำเอา Chatbot มาใช้โดยการเชื่อมต่อกับ Line ในการส่งข้อความให้กับผู้ใช้บริการ และยังสามารถตรวจสอบธุรกรรมการเงินส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการได้ราวกับมี Call center อยู่ในมือถือตลอดเวลา

การเข้ามาของ AI กระทบกับ SME อย่างไรบ้าง ?

1.AI จะเข้ามาทำงานแทนที่มนุษย์ในหลากหลายสาขาอาชีพ

SME สามารถนำ AI เข้ามาช่วยในการทำงานแทนแรงงานมนุษย์ ช่วยลดต้นทุนและเวลาการทำงานลงได้ เช่น การใช้ AI ในการควบคุมการผลิตสินค้า

2.การพัฒนาให้ AI มีความฉลาดล้ำเลิศกว่ามนุษย์

ทำให้งานด้านการวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ สามารถทำได้โดยง่าย รวดเร็ว และผลลัพธ์ที่ได้มีความถูกต้องแม่นยำมากกว่ามนุษย์ ทำให้สามารถตัดสินใจเรื่องต่างๆ ได้เร็วขึ้น

3.AI คือปัญญาประดิษฐ์ที่มีความฉลาดเฉลียว

พัฒนาขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือในด้านข้อมูลและการทำงานที่ช่วยสนับสนุนด้านการบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า โดยไม่ต้องมีมนุษย์ควบคุม  ในอนาคตการแข่งขันในโลกธุรกิจจะเข้มข้นรุนแรงมากยิ่งขึ้น  ผู้ประกอบการ SME จะต้องวิ่งให้ทันเทคโนโลยีและนำ AI เข้ามาช่วยเหลือ เพื่อเข้าร่วมแข่งขันกับคู่แข่งในท้องตลาดได้อย่างเท่าเทียม

4.การก่ออาชญากรรมโดยใช้ AI เป็นเครื่องมือ

ข้อมูลสำคัญทางธุรกิจสำคัญ และข้อมูลส่วนบุคคล อาจถูกขโมยได้ง่ายขึ้น เพราะมีการนำ AI เข้ามาใช้ในการโจรกรรมข้อมูลต่าง ๆ  ซึ่งเจ้าของธุรกิจจะต้องเพิ่มกระบวนการรักษาความปลอดภัยให้รัดกุมมากยิ่งขึ้น  และนั่นหมายถึงค่าใช้จ่ายที่จะสูงขึ้นเป็นเงาตามตัวอย่างแน่นอน

SME ควรปรับตัวอย่างไรกับ AI ที่กำลังจะเข้ามาแทนที่มนุษย์ในอนาคต ?

 

1.ศึกษา ติดตาม ทำความเข้าใจ

ควรศึกษาว่า AI คืออะไร มีแนวคิดและหลักการทำงานในลักษณะไหน ในปัจจุบัน AI ได้พัฒนาไปถึงระดับใด และมีการนำไปใช้กับอะไรบ้าง และการนำ AI มาใช้ในธุรกิจมีข้อดีข้อเสียอย่างไร และ SME จะเตรียมการรับมืออย่างไรในอนาคต AI จะเข้ามาทำงานแทนที่มนุษย์ถึง 50% ในอีก 38 ปีข้างหน้า ซึ่งในระหว่างนี้จะต้องมีการหยิบเอาความสามารถบางส่วนของ AI มาใช้พัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มความสามารถมากขึ้นเรื่อย ๆ SME จึงต้องศึกษาและติดตามความคืบหน้าของ AI เพื่อให้ทันต่อเหตุการณ์ และพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

2.ปรับตัวและนำ AI ไปใช้ในธุรกิจให้เกิดประโยชน์สูงสุด

แม้ในปัจจุบันจะมีการนำศักยภาพของ AI มาใช้ในภาคธุรกิจและบริการเพียง 5% ซึ่งสามารถช่วยให้ลดขั้นตอนการทำงานบางส่วนลง SME ควรนำเอาข้อดีของ AI มาใช้ในกิจการ เพื่อเพิ่มกำไร ลดต้นทุน

  •  Chatbot

ที่จะช่วยลดเวลาในการตอบคำถามที่มีการสอบถามบ่อยแทน Admin ช่วยลดปริมาณการตอบคำถามในแต่ละวันเป็นจำนวนมาก นอกจากจะลดการทำงานในฝั่งของผู้ขายแล้ว ยังสามารถสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าในด้านของการให้บริการที่รวดเร็วทันใจอีกด้วย

  • CRM บริหารความสัมพันธ์ลูกค้า

สามารถนำ AI มาช่วยในการเก็บข้อมูลในเชิงลึกมากขึ้น เพราะไม่ว่าข้อมูลจะมีปริมาณมาก หรือซับซ้อนขนาดไหน AI ก็จะสามารถทำการวิเคราะห์และประมวลผลออกมาให้ได้อย่างรวดเร็วและมีความแม่นยำสูง ทำให้สามารถทำ CRM ได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น

  • ช่วยวิเคราะห์แนวโน้มการตลาดและการลงทุน

โดย AI จะทำการรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ความเป็นไปได้โดยอาศัยหลักการและเหตุผล พร้อมทั้งหาค่าความเสี่ยงและจุดคุ้มทุน  ซึ่งเจ้าของกิจการสามารถนำมาช่วย ในการตัดสินใจได้

  •  ให้ AI ช่วยเหลือในการทำงาน

ในปัจจุบันเราได้ใช้ AI ในการทำงานบางอย่างแทนมนุษย์ไปแล้วโดยไม่ทันรู้ตัว เช่นการใช้ หุ่นยนต์ดูดฝุ่น หลายคนเข้าใจว่าเป็นเพียงเครื่องดูดฝุ่นที่สามารถทำงานได้ด้วยตนเอง  แต่จริง ๆ แล้ว หุ่นยนต์ดูดฝุ่นได้ถูกกำหนดรูปแบบของการเคลื่อนที่โดย AI ดังนั้น จึงไม่แปลกที่ในอนาคตเราจะนำ AI มาช่วยในการทำงานในส่วนงานต่าง ๆ เพื่อความรวดเร็ว ถูกต้องแม่นยำ ลดเวลาและต้นทุน

ในอนาคต AI จะค่อย ๆ เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น แม้หลาย ๆ คนจะมีความกังวลในการมีตัวตนของ AI  ว่าจะมีผลร้ายมากกว่าผลดี แต่ในทางปฏิบัติแล้วในทุกวันนี้เราใช้ AI เข้ามาช่วยในการอำนวยความสะดวกต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะในส่วนของภาคธุรกิจที่นำ AI เข้ามาช่วยในงานบริการลูกค้า เช่น Chatbot , ระบบการสั่งการด้วยเสียงอย่าง Apple-siri  หรือ Google Assistant

SME ควรเริ่มต้นศึกษาและติดตามข่าวสารเกี่ยวกับเทคโนโลยี AI ว่าในปัจจุบันนี้ได้รับการปรับปรุงและได้นำมาใช้ประโยชน์ในธุรกิจใดบ้าง  และหลังจากนำมาใช้แล้วมีผลลัพธ์ที่ดีมากน้อยเพียงใด เพื่อนำมาพิจารณาในการนำมาปรับใช้กับธุรกิจให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพราะในอนาคต AI จะก้าวเข้ามาเป็นตัวช่วยอัจฉริยะในด้านต่าง ๆ ทดแทนการทำงานโดยมนุษย์ และความสามารถของ AI อาจไม่ได้หยุดยั้งเพียงแค่การสั่งงานโดยเสียง  หรือ Chatbot เท่านั้น  AI จะกลายเป็นส่วนหนึ่งในการใช้ชีวิตประจำวันของคนทั่วไป  หรือเข้ามาเป็น ส่วนหนึ่งในทีมงานผู้บริหารในองค์กรธุรกิจต่าง ๆ

ดังนั้น SME จึงควรเริ่มศึกษาความเป็นไปได้ในการนำ AI มาใช้ให้เกิดประโยชน์ในอนาคตเพื่อลดเวลา  ลดต้นทุน และ เพิ่มรายได้กันดีกว่า