พฤติกรรมของลูกค้าที่จะมาซื้อสินค้าออนไลน์ตั้งแต่กระบวนการแรกไปจนสุดท้าย  4 ขั้นตอนพฤติกรรมการซ์้อลูกค้า หากคุณเรียนรู้สักนิดมันจะช่วยสร้างยอดขายออนไลน์เพิ่มกว่า 10 เท่าอย่างแน่นอน       

ปัจจัยที่จะชี้วัดการเติบโตของยอดขายและความสามารถในการปิดการขายมีอยู่ด้วยกันหลายปัจจัย แต่ปัจจัยที่มักถูกมองข้ามมากที่สุดกลับเป็นปัจจัยพื้นฐานในการซื้อขายสินค้าและบริการ ปัจจัยที่ว่านั่นก็คือ “พฤติกรรมในการซื้อสินค้า” ของลูกค้าซึ่งหากพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์หรือนักทำการตลาดเข้าใจพฤติกรรมเหล่านี้และอาศัยการทำการตลาดที่เหมาะสม แน่นอนครับว่าเราย่อมหวังผลถึงยอดขายที่เพิ่มขึ้นได้อย่างแน่นอน พฤติกรรมการซื้อของลูกค้าออนไลน์เป็นอย่างไร และเราจะใช้การตลาดออนไลน์มาช่วยได้อย่างไร วันนี้เรามีคำแนะนำมาฝากครับ

4 พฤติกรรมในการซื้อสินค้า ถ้าเรียนรู้และเข้าใจ ยอดขายคุณ “ปัง” แน่นอน

พฤติกรรมของลูกค้าที่จะมาซื้อสินค้าออนไลน์ตั้งแต่กระบวนการแรกไปจนสุดทางมีอยู่ด้วยกัน 4 ลักษณะครับ หากคุณเรียนรู้สักนิดมันจะช่วยสร้างความแตกต่างให้คุณได้ 4 พฤติกรรมที่ว่ามีดังต่อไปนี้

            1. “See” มองหาสินค้าและบริการที่สนใจโดยใช้โซเชียลมีเดียให้เกิดประโยชน์

สำหรับลูกค้าที่ต้องการสินค้าและบริการที่ตนต้องการในยุคโซเชียลเช่นปัจจุบัน การจะค้นหาสินค้าและบริการที่ตรงตามความต้องการและสะดวกสบายย่อมหนีไม่พ้นการใช้แพลตฟอร์มต่าง ๆ ในการค้นหา ไม่ว่าจะเป็นการใช้ “Google” หรือการค้นหาไปตาม Facebook, Instagram, Twitter เป็นต้น นี่คือการบ้านแรกที่พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์จะต้องทำเป็นสิ่งแรก นั่นก็คือ “จะทำอย่างไรให้ร้านค้าออนไลน์ของคุณไปปรากฏตาม แพลตฟอร์มต่าง ๆ และถูกพบเห็นได้ง่ายที่สุดและมากที่สุด” นี่คือโจทย์ใหญ่ที่คุณต้องคิดครับ

หากคุณไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร ทางเราขอแนะนำให้คุณนำสิ่งต่าง ๆ มาช่วย ดังนี้ครับ

– ใช้คอนเทนต์มาช่วย : การใช้คอนเทนต์มาช่วยทำการตลาดคือวิธีการยอดนิยมมากที่สุด เพราะ คอนเทนต์ที่ดีจะช่วยเพิ่มโอกาสในการมองเห็นและสร้างการจดจำแบรนด์ได้เป็นอย่างดี คอนเทนต์ก็มีอยู่ด้วยกันหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นบทความ, คลิปวีดีโอ, คลิปเสียง จงเลือกคอนเทนต์ให้เหมาะสม แล้วมันจะช่วยบันดาลความสำเร็จให้แก่คุณ

– ใช้โฆษณามาช่วยยิ่งเพิ่มการมองเห็น : บางครั้งการใช้คอนเทนต์เพียงอย่างเดียวอาจจะยากไปสักหน่อยสำหรับมือใหม่ หากคุณมีงบประมาณการยิงโฆษณาผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทั้ง Facebook, Google ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสในการมองเห็นมากยิ่งขึ้น จงวางแผนการยิงโฆษณาให้ดี การลงทุนในด้านนี้ย่อมนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่น่าพอใจ

– ใช้ความบันเทิงมาช่วยจะเพิ่มความน่าสนใจ : การมีกิจกรรมให้ร่วมสนุกก็จัดเป็นวิธีการทางการตลาดที่น่าสนใจและช่วยดึงดูดลูกค้าให้มาเยี่ยมชมร้านค้าของคุณ

            2. “Search” ค้นหาเปรียบเทียบเพื่อเลือกสรรสิ่งที่ดีให้ตัวเองตามความพึงพอใจ

พฤติกรรมอย่างที่ 2 สำหรับลูกค้าที่ซื้อสินค้าออนไลน์อยู่เป็นประจำนั่นก็คือ เมื่อต้องการจะซื้อสินค้าแล้วมักจะเข้าไปค้นหาสินค้านั้นตามร้านค้าต่าง ๆ พฤติกรรมเช่นนี้ก็เพื่อเปรียบเทียบราคา, คุณภาพของสินค้า, เสียงวิจารณ์และการรีวิวสินค้า เพื่อสร้างความมั่นใจและใช้เป็นอีกเหตุผลช่วยประกอบการตัดสินใจว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อสินค้านั้น ๆ ครับ แหล่งที่ลูกค้ามักจะเข้าไปสอดส่องนอกจากการใช้ “Google” ก็ยังพบว่าลูกค้าจะเข้าไปค้นหาข้อมูลตามเว็บบอร์ดต่าง ๆ หรือกลุ่มเพจของสินค้านั้น ๆ การบ้านชิ้นนี้ก็คือพ่อค้าแม่ค้าต้องคิดต่อไปว่าจะทำอย่างไรให้ร้านค้าของเราไปปรากฏอยู่บนนั้นครับ

วิธีการที่เราจะแนะนำเพื่อให้คุณนำไปปรับใช้กับร้านค้าของคุณมีดังนี้

การใช้ SEO ช่วยเพิ่มการมองเห็นและสร้างความมั่นใจแก่ลูกค้า : ก่อนที่คุณจะใช้ SEO ในการทำคอนเทนต์คุณจำเป็นต้องมี “เว็บไซต์ของร้านค้า” เสียก่อน และทำการสร้างคอนเทนต์ SEO เพื่อเพิ่มการมองเห็นและต้องสร้างให้เว็บไซต์มีการเคลื่อนไหวอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงอาจมีการใช้ community เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมของลูกค้าและประยุกต์ใช้ระบบ “Membership”

– ใช้ Google Ads ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็น : การใช้การยิงโฆษณาผ่าน Google Ads ก็จะช่วยเพิ่มการมองเห็นให้แก่ลูกค้ามากยิ่งขึ้นขณะเดียวกันก็จะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้าอีกด้วยครับ

– แทรกซึมไปตามกลุ่มต่าง ๆ และเว็บบอร์ด : กลยุทธ์แทรกซึมยังคงเป็นวิธีการที่ดีในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรง คุณต้องทำหน้าที่เป็นกูรูคอยตอบคำถามและแนะนำข้อมูลที่เป็นประโยชน์ สิ่งเหล่านี้จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่คุณและทำให้ร้านค้าของคุณดูน่าสนใจ

            3. “Shop / office” การค้นหาร้านค้าตาม marketplace เพื่อเลือกว่าร้านไหน “น่าสนใจที่สุด”

พฤติกรรมนี้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อลูกค้าศึกษาหาข้อมูลของสินค้าที่ตนต้องการมาอย่างดีแล้ว พวกเขาก็จะนำข้อมูลที่ได้มาค้นหาร้านค้าที่ตนเองจะซื้อผ่าน marketplace หรือแหล่งรวมร้านค้าออนไลน์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Shopee, Lazada หรือค้นหาตามเว็บไซต์ของร้านค้าโดยตรง เพราะ marketplace จะช่วยให้ลูกค้าสามารถเปรียบเทียบข้อมูลที่ตนได้รับง่ายมากยิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็น ราคา, รูปภาพของสินค้า หรือโปรโมชั่นที่ดึงดูดใจ

การบ้านชิ้นนี้ก็คือคุณต้องมีช่องทางในการขายอยู่ใน marketplace เหล่านี้ทั้ง Shopee, Lazada คุณต้องสมัครสมาชิกและลงขายสินค้าในนี้ครับ โดยที่คุณจะต้องแจ้งรายละเอียดให้ครบถ้วน ลงรูปสินค้าให้น่าดึงดูดใจหรือลงสิทธิพิเศษที่น่าสนใจก็จะช่วยปิดยอดขายได้ง่าย และเพิ่มช่องทางการขายให้แก่คุณไปด้วยครับ

            4. “Service” ความพึงพอใจในการให้บริการ คือหัวใจสำคัญของความสำเร็จ

พฤติกรรมนี้ของลูกค้าคุณแทบไม่ต้องใช้กลยุทธ์การตลาดมาช่วยเลย เพราะอาศัยเพียงแค่หัวใจของการให้บริการล้วน ๆ ครับ โดยหากคุณทำได้ดีทั้งการบริการก่อนการขาย การบริการหลังการขายและการบริการในขณะที่กำลังขาย ความประทับใจย่อมเกิดขึ้นแก่ลูกค้าและก็มีโอกาสที่ลูกค้าจะกลับมาซื้อซ้ำได้อีกครับ แต่จุดมุ่งหมายสูงสุดของการบริการที่ดีเรามุ่งหวังให้เกิดการแนะนำบอกต่อ หรือการที่ลูกค้าช่วยเป็นกระบอกเสียงแทนเรา นั่นจึงจะถือว่าการบริการนั้นประสบความสำเร็จครับ

จำเป็นไหมที่ต้องมีช่องทางในการขายหลาย ๆ ช่องทาง?

คำตอบก็คือ “จำเป็นมาก ๆ” ครับ เพราะว่าการมีช่องทางในการขายเพียงช่องทางเดียว โอกาสที่ลูกค้าจะเห็นร้านค้าของคุณก็จะมีน้อย และยอดขายย่อมไม่เสถียร มีขึ้นมีลงไปตามจังหวะ แต่ถ้าคุณมีช่องทางการขายหลายช่องทางก็เหมือนกับที่ร้านค้าคุณมีสาขาให้เลือกมาก โอกาสในการมองเห็นร้านค้าย่อมมีมาก และยอดขายย่อมเติบโตมากขึ้นตามไปด้วยแน่นอน

การจะขายสินค้าออนไลน์ไม่ได้มีแค่การหาของมาขายหรือการเจาะกลุ่มลูกค้าเท่านั้น หากคุณเข้าใจพฤติกรรมในการซื้อของลูกค้า คุณย่อมนำพฤติกรรมเหล่านั้นมาประยุกต์ใช้ในการทำการตลาด และแน่นอนว่าผลลัพธ์ที่ได้ย่อมคุ้มค่ากว่าอย่างแน่นอน อย่าละเลยให้ความสนใจในเรื่องพฤติกรรมของผู้ซื้อ แล้วยอดขายคุณจะ “ปัง” อีกหลายสิบเท่า