ไม่ว่าคุณจะทำการตลาดออนไลน์ด้วยตนเองหรือจ้างที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์มาช่วยทำ สิ่งที่คุณไม่ควรละเลยก็คือ “จงนำการตลาดออนไลน์มาช่วยเหลือธุรกิจของคุณ” เพราะตัวช่วยนี้คือตัวช่วยทรงพลังที่ส่งให้หลายธุรกิจถึงฝั่งฝันมานับไม่ถ้วนแล้ว

เมื่อเริ่มต้นทำธุรกิจเชื่อได้ว่าหลายท่านมุ่งหวังให้ธุรกิจที่ตนทำประสบความสำเร็จที่เติบโตทั้งฐานลูกค้า เติบโตทั้งยอดขาย และผลกำไรอย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้นการทำการตลาดออนไลน์ให้เป็นจึงเป็นสิ่งที่เจ้าของธุรกิจทุกท่านควรเรียนรู้และให้ความสำคัญ นั่นก็เพราะว่าการตลาดออนไลน์คือองค์ประกอบสำคัญที่จะบอกได้ว่าธุรกิจที่ตนทำจะประสบความสำเร็จอย่างที่ต้องการหรือไม่

แต่อุปสรรคสำคัญที่ย้อนกลับมาขวางกั้นกลับอยู่ที่ความชำนาญในการทำการตลาดออนไลน์ยิ่งในเฉพาะมือใหม่หัดทำ บางครั้งคุณอาจจะต้องเสียเวลาลองผิดลองถูกอยู่พักใหญ่จึงจะเจอหนทางที่ใช่ ทางออกอีกวิธีหนึ่งก็คือการจ้างที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์มาช่วยซึ่งแน่นอนครับว่าย่อมต้องมีค่าใช้จ่ายมาเกี่ยวข้องอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพื่อประกอบการตัดสินใจระหว่าง 2 สิ่งนี้ วันนี้เรามีข้อเปรียบเทียบครับว่าสำหรับคุณแล้วระหว่างทำเองหรือจ้างอย่างไหนจะดีกว่ากัน

ปัจจัยในการทำการตลาดออนไลน์ให้มีโอกาสประสบความสำเร็จมีอะไรบ้าง

ก่อนอื่นเราควรมาทำความเข้าใจครับว่าการที่คุณจะประสบความสำเร็จในการทำการตลาดออนไลน์มันมีปัจจัยมาประกอบดังต่อไปนี้

  1. ความรู้ (Knowledge) คือปัจจัยแรกที่จะบอกว่าคุณจะมีโอกาสประสบความสำเร็จหรือไม่เพราะการเริ่มต้นทำบางอย่างโดยคุณไม่มีความรู้ความเข้าใจอะไรเลย นั่นเท่ากับคุณกำลังแบกรับความเสี่ยงที่น่ากลัวเอาไว้และจุดจบของคุณย่อมดูไม่จืดอย่างแน่นอน ก่อนจะทำการตลาดออนไลน์ลองถามตัวเองก่อนครับว่าคุณเห็นภาพการทำการตลาดมากน้อยแค่ไหน คุณรู้จักเครื่องมือในการทำการตลาดหรือไม่ คุณทำ SEO หรือสร้าง content เป็นไหม ถ้าไม่แน่ใจคุณควรจะหาความรู้เพิ่มเติมเสียก่อนไม่ว่าจะเป็นคลิป บทความหรือไปลงทะเบียนเรียนเพิ่มเติม
  2. ประสบการณ์ (experience) มีความรู้อย่างเดียวแต่ไม่เคยนำมาใช้เท่ากับว่าคุณมีกระบี่ดีอยู่ในมือแต่ใช้ไม่เป็น ประสบการณ์จะเกิดได้ก็ด้วยการลงมือทำเท่านั้น ถ้าคุณอยากมีประสบการณ์ลองลงมือทำดูครับไม่ว่าจะเป็นการทำ SEO, การทำคอนเทนต์หรือเรื่องอื่น ๆ ยิ่งคุณลงมือทำมากเท่าไหร่คุณจะยิ่งเก่งขึ้นเรื่อย ๆ
  3. ความเชี่ยวชาญ (professional) ก่อนที่คุณจะสถาปนาตัวขึ้นมาเป็นผู้เชี่ยวชาญ คุณจำเป็นต้องผ่านการเรียนรู้จากการลองผิดลองถูกเสียก่อน สั่งสมประสบการณ์จนตกผลึกออกมาเป็นองค์ความรู้นั่นแหละครับคุณจึงจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญ เพราะในจุดนี้คุณจะมองภาพรวมได้อย่างแม่นยำ วิเคราะห์วางแผนและทำตามแผนการที่วางไว้ได้อย่างดีและยังรวมถึงคุณสามารถเลือกใช้เครื่องมือมาช่วยในการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  4. เครื่องมือ (Tools) ก็เหมือนกับคำพูดที่ว่า “จงใช้คนให้เหมาะกับงาน” เครื่องมือในการทำงานตลาดออนไลน์ก็มีให้เลือกใช้อย่างมากในปัจจุบันครับ ความสำเร็จในการทำการตลาดออนไลน์ไม่ได้อยู่ที่ว่าคุณมีเครื่องมือให้เลือกใช้มากเพียงใด แต่มันอยู่ที่คุณใช้งานเครื่องมือนั้นได้ตรงกับงานและมีประสิทธิภาพมากแค่ไหน ซึ่งผู้ที่มีความชำนาญเขาจะเก่งมากในเรื่องนี้และบางครั้งอาจจำเป็นต้องเสาะแสวงหาเครื่องมือมาช่วยในการทำงานครับ

สิ่งที่ต้องทำไม่ว่าจะจ้างที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์ หรือ ว่าทำการตลาดออนไลน์เองก็ตาม

        1. วิเคราะห์ธุรกิจเพื่อให้เห็นภาพรวมข้อดีข้อด้อยของธุรกิจนั้น

กระบวนการนี้คือ กระบวนการแรกสุดที่ไม่ว่าจะเป็นที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์หรือเจ้าของธุรกิจต้องทำเป็นอย่างแรกครับ เพราะมันจะช่วยให้เห็นภาพรวมของธุรกิจนั้นได้อย่างชัดเจน ซึ่งเครื่องมือที่นิยมนำมาใช้ในการวิเคราะห์ก็คือ “SWOT Analysis” ซึ่งจะทำให้มีโอกาสเห็นจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาสของธุรกิจรวมถึงอุปสรรคที่ขัดขวางอยู่อย่างชัดเจนและข้อมูลที่ได้ก็จะถูกนำไปใช้ต่อในกระบวนการต่อ ๆ ไป

        2. วางแผนการดำเนินงานและเลือกเครื่องไม้เครื่องมือมาช่วยใช้งาน

ข้อมูลที่ได้จากกระบวนการที่ 1 จะถูกนำมาสังเคราะห์เป็นแนวทางในการดำเนินงานในขั้นตอนนี้ครับ โดยเฉพาะข้อมูลที่เป็น “gap” หรือตัวขัดขวางที่เป็นอุปสรรคไม่ให้ธุรกิจเติบโต โดยเฉพาะในเรื่องของการทำให้ธุรกิจเป็นที่รู้จักซึ่งเกี่ยวข้องกับการทำการตลาดออนไลน์นั่นเอง แผนการดำเนินงานต่าง ๆ จะถูกสร้างขึ้นเป็นขั้นเป็นตอนเพื่อง่ายต่อการนำไปใช้งานจริงครับและในขั้นตอนนี้เครื่องไม้เครื่องมือต่าง ๆ ที่จะช่วยให้การดำเนินงานประสบความสำเร็จก็จะถูกดึงมาใช้เช่นกัน

        3. ขั้นตอนการลงมือทำจริงเพื่อให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรม

เมื่อวางแผนการดำเนินงานรวมถึงการเลือกเครื่องมือที่จะนำมาช่วยในการใช้งานแล้ว ก็จะเข้าสู่กระบวนการของการลงมือทำจริง หากการวางแผนในขั้นตอนก่อนหน้านี้มีความละเอียดรอบคอบและรัดกุมมากพอ ขั้นตอนนี้ก็จะไม่ใช่เรื่องยากในการทำงานและผลสัมฤทธิ์ย่อมปรากฏให้เห็นได้ง่ายกว่าครับ ดังนั้นหากคุณไม่อยากให้การดำเนินงานมีปัญหาและอุปสรรคก็ควรวางแผนการทำงานให้ดีเสียตั้งแต่ขั้นตอนที่แล้วครับ

        4. กระบวนการประเมินผล วิเคราะห์ผลลัพธ์ว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่วางหรือไม่

กระบวนการนี้มักจะเกิดควบคู่ไปกับการดำเนินงานครับ การประเมินผลที่ดีควรมีการชี้วัดสิ่งที่ทำเป็นช่วง ๆ ว่าเป็นไปตามที่คาดหวังไว้หรือไม่ตามระยะเวลาที่วางเอาไว้ข้อดีของกระบวนการนี้ก็คือเราจะได้ทราบว่าแผนการที่เราทำมันเวิร์คหรือไม่ หากไม่ได้ผลอย่างที่ต้องการจะได้ทำการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้ทันท่วงที ซึ่งจะช่วยป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นไม่ให้ลุกลามใหญ่โตนั่นเอง

        5. การปรับปรุงแผนการทำงานหลังการประเมินผล

นี่คือขั้นตอนสำคัญที่จะทำให้เราได้ปรับปรุงวิธีการในการทำงานหรือกลับมาประชุมปรับเปลี่ยนแผนการดำเนินงานกันใหม่อีกครั้งเมื่อทราบข้อมูลภายหลังการประเมินผลแล้วหากผลการดเนินงานไม่เป็นไปตามเป้าคุณจะได้แก้ไขให้เป็นไปตามแผนการที่วางไว้ แต่หากผลการดำเนินงานไปตามเปาที่วางคุณก็อาจจะปรับปรุงเพื่อให้ผลลัพธ์ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม

จะทำเองหรือจะจ้างที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์ลองถามใจตัวคุณเองดู

ถึง ณ ตรงนี้ไม่ว่าคุณจะทำการตลาดออนไลน์ด้วยตัวคุณเองหรือจะจ้างที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์ก็อยู่ที่ความพร้อมของคุณครับ หากคุณไม่แน่ใจว่าจะมีงบประมาณเพียงพอหรือไม่คุณอาจต้องเลือกลองทำด้วยตนเองภายใต้การแสวงหาความรู้ครับ แม้การลองผิดลองถูกคุณอาจจะเสียเวลาไปบ้างแต่สิ่งที่ได้รับก็คือประสบการณ์ติดตัวที่คุณสามารถนำไปต่อยอดได้อีกมากในอนาคต แต่ถ้าคุณคิดว่าคุณไม่อยากเสียเวลาและพอมีงบประมาณมาซัพพอร์ต การจ้างที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์มาช่วยก็จะทำให้คุณบรรลุเป้าหมายได้เร็วขึ้นครับ แต่คุณจะต้องใช้เวลาในการเฟ้นหาเสียหน่อยแต่รับรองได้ว่าด้วยประสบการณ์ของพวกเขา สามารถช่วยธุรกิจของคุณได้อย่างแน่นอน

ไม่ว่าคุณจะทำการตลาดออนไลน์ด้วยตนเองหรือจ้างที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์มาช่วยทำ สิ่งที่คุณไม่ควรละเลยก็คือ “จงนำการตลาดออนไลน์มาช่วยเหลือธุรกิจของคุณ” เพราะตัวช่วยนี้คือตัวช่วยทรงพลังที่ส่งให้หลายธุรกิจถึงฝั่งฝันมานับไม่ถ้วนแล้ว ถ้าไม่อยากเสียใจในภายหลังก็จงนำมันมาใช้งาน แล้วคุณจะสัมผัสถึงผลลัพธ์ความแตกต่างอย่างคาดไม่ถึงครับ