เป็นอีก 1 ครั้งที่ผมรู้สึกทึ่งและภูมิใจที่จะได้นำเรื่องราวของน้อง ๆ ที่อยู่ในวัยนักศึกษา แต่เขาก้าวข้ามกรอบความคิดในรั้วมหาลัยฯ มาเป็นเจ้าของกิจการตัวเอง ทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย ผมว่านี่แหละครับคือ “คุณภาพการศึกษา” ที่ควรจะเป็นจริงๆ เพราะเราจะได้คนที่ “มีความรู้” และ “ทำงานเป็น” ออกมาจากมหาลัย ย่อมดีความการที่มีแค่ “ความรู้” แต่ “เอาตัวไม่รอด” นะครับ

น้องกันต์ เป็นน้องนักศึกษาที่ ม.เกษตรศาสตร์ บางเขน ตอนนี้กำลังจะเรียนจบแล้ว แต่เขาได้สร้างฐานธุรกิจเขาไว้ตั้งแต่ช่วงเรียน ปี 2 (โอ้แม่เจ้า !!!)

น้องเป็นแฟนคลับที่ติดตามเว็บไซต์เถ้าแก่ใหม่แห่งนี้มาตั้งแต่เริ่ม ๆ จนวันหนึ่งน้องกันต์ได้ทักผมเข้ามาทาง Inbox ของเฟสบุ๊คส่วนตัว ผมซักไซ้พอได้ประวัติมานิดหน่อย แล้วเราก็นัดมานั่งคุยกันที่ร้านกาแฟประจำของผม art of coffee ใน ม.เกษตรฯ

และนี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มที่เขามีความ “เก่ง” ทั้งในด้านของ “วิชาการ” และ “วิชากู” เพื่อที่จะเอาชีวิตรอดในสังคมปัจจุบันครับ

 

กันต์ แนะนำตัวกับพี่ ๆ ครับ

สวัสดีครับ ผม น้องกันต์ นายชนะภัย ชูโชติ  ปัจจุบันเป็นนิสิต คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน ภาคเครื่องกล ตอนนี้กำลังรอรับปริญญาอยู่ครับ

 

เรียนเก่งมาก จนได้ไปแข่งฟิสิกส์ โอลิมปิกส์

ต้องบอกว่าเอาตัวรอดได้ดีกว่าครับ แต่จริง ๆ ผมก็เหมือนวัยรุ่นธรรมดาทั่วๆไป ถูกสอนมาว่า ตั้งใจเรียน เรียนให้เก่ง เกรดเฉลี่ยดีๆ จบมามีงานมีการดีๆทำ เที่ยวเล่นบ้างหลังเลิกเรียน ผมก็ทำแบบนี้มาตลอด

สมัยมัธยมผมค่อนข้างเรียนเก่งเลยทีเดียว เกรดเฉลี่ย 4.00 เคยสอบติดกระทั่งฟิสิกส์ โอลิมปิกส์ ผมก็เป็นคนคนหนึ่งที่อยากประสบความสำเร็จในชีวิต แต่ก็ยังไม่รู้ครับว่าคำว่า ประสบความสำเร็จในชีวิตมันคืออะไร ทราบแค่ว่าเรียนให้ดีที่สุดก็คงสำเร็จแล้วมั้ง

 

เรียนเก่งก็แล้วแต่รู้สึกว่าชีวิตมันยังไม่ใช่

แต่แล้วจุดหักเหของชีวิตมีอยู่ว่าทำไมผมดูชีวิตพี่ๆที่จบไปนั้นไม่ใช่ชีวิตที่ผมต้องการ ผมเห็นรุ่นพี่บางคนในสายงานผมเรียนเก่งมาก คิดว่าจบไปแล้วจะสบาย  แต่มันไม่ใช่ ผมไม่อยากได้แบบนั้น ชีวิตที่เลือกอะไรไม่ได้  ไม่มีอิสรภาพ

“อยากนอนในเวลาที่ไม่ได้นอน ต้องตื่นในเวลาที่ไม่อยากตื่น” 

แต่ทำไมบางคนแม่งเรียนไม่จบ ทำชีวิตมึงเว่ออลังมาก 555

ผมก็มานั่งคิดดูว่าถ้าวันนึงผมอยากได้บ้าน ผมจะเข้าไปกู้เงินธนาคารเพื่อซื้อ มันคงเป็นเรื่องที่ตลกมากถ้านายธนาคารบอกว่า “น้องเกียรตินิยมอันดับ 1 พี่ให้วงเงินในการกู้ 2 ล้าน” 55555

ทว่าในชีวิตจริง เกรด 4.0 ใบปริญญา เกียรตินิยม หรือ เกรดนิยม ก็ไม่สามารถนำไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันในการซื้อบ้าน ซื้อรถ หรือ กู้เงินมาทำธุรกิจได้เลย เพราะนายธนาคารก็ขอดูอย่างแรกเลยคือ “น้องมีเงินเข้าออกในบัญชีเท่าไหร่?”

วันนี้ผมเลยเข้าใจทันทีเลยว่า

“การประสบความสำเร็จในการเรียน มันคือคนละเรื่องกับการประสบความสำเร็จในชีวิต”

(ไม่ได้หมายถึงเรียนเก่งแล้วไม่ดีนะครับ การเรียนเก่งเป็นต้นทุนชีวิตที่ดี ที่จะได้ฝึกวินัย ฝึกความขยัน เป็นเรื่องดีครับ ผมสนับสนุน ถ้าทำดีแล้ว ทำต่อไป)

เมื่อพอเข้าใจโจทย์นอกรั้วมหาลัยว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด สิ่งที่ผมทำก็คือ “เรียนนอกตำรา ศึกษานอกมหาลัย” ผมเริ่มจากการหาหนังสือ How To อ่าน ตามร้านซีเอ็ดผมอ่านเยอะมาก (เฉลี่ยเดือนละ 6-8 เล่ม )  เราก็เริ่มดูละว่า เราอยากมีชีวิตแบบคนไหน เราก็ศึกษาประวัติชีวิตคนนั้นละเอียด ศึกษาว่าเค้ามีวิธีคิดยังไง ก็เริ่มสังเกตว่า คนที่เราอยากเป็นส่วนใหญ่บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “ต้องมีธุรกิจส่วนตัว”  ผมเองก็เริ่มตั้งโจทย์ใหม่ว่า “แล้วกรูจะทำธุรกิจอะไรดีหวะ !!!”

 

ก้าวออกนอกรั้วมหาลัย สู่ประตูธุรกิจตัวเอง

ผมกลับมาทบทวนว่าอะไรบ้างที่เราน่าจะเริ่มต้นทำเป็นธุรกิจได้ ผมเคยติดโอลิมปิกส์ ฟิสิกส์ ผมก็ควรจะเริ่มต้นจากการสอนพิเศษ ฟิสิกส์ แรกๆนั้นผมเป็นคนพูดไม่เก่งเลย ค่อนข้างขี้อาย ผมก็เริ่มจากการเสนอตัว 555555 ขอสอนฟรีๆ เก็บประสบการณ์ จนวันนึงแม่ของน้องต้องมาบอกว่าให้ผมคิดเงินเค้า นั่นคือการได้เงินครั้งแรก  หลังจากนั้นผมก็เริ่มเก็บหอมรอมริบ สอนพิเศษ 7 วัน ได้ตังก์เยอะจริง แต่ชีวิตแม่งไม่มีเวลาเลย

ผมเริ่มมานั่งคิดอีกแล้วว่า “นี่แม่งใช่หรอวะ ชีวิตที่เราต้องการ ผมยิ่งค้นพบว่า เรายิ่งทำได้เงินเยอะ แต่ไม่มีเวลาใช้ มึงจะหาไปทำไม 5555” ก็ดันมาเจอหนังสือ “พ่อรวยสอนลูก “ สอนวิธีคิดในเรื่อง Active Income /Passive Income  ผมรู้ละว่างานที่ผมทำแม่งเป็น Active Income หยุดทำเงินหาย เจ็บป่วยเงินหาย  อยากได้ Passive Income ผมต้องเริ่มมีธุรกิจส่วนตัว เริ่มสร้าง System ลงทุนใน Asset

ช่วงนั้นผมเก็บเงินได้ส่วนหนึ่งและก็ขอทุนจากที่บ้าน ขอร้อง อ้อนวอน 5555 ว่าหลังจากนี้เราจะไม่ขอเงินที่บ้าน  ก็ได้เริ่มต้นธุรกิจขึ้นโดยการหาเช่าอาคารในจังหวัดฉะเชิงเทรา โชคดีได้ตึก 4 ชั้นราคาไม่สูงมากนัก เริ่มจากตรงนั้น

 

ทำงานไปเรียนไป ใครว่ายาก เพราะปัญหามีไว้ให้ “เอาชนะ”

พอทำธุรกิจเข้าจริง ๆ  ก็เจอปัญหาเรื่องการแบ่งเวลาบ้าง แต่ปัญหาหลักที่เจอเลยในปีแรกนั้น ติวเตอร์ผม”มีแต่วิชาฟิสิกส์ “ 5555 เพราะฉะนั้นเงินที่ได้ทั้งหมดหมดไปกับค่าใช้จ่ายกับค่าเช่า

เรื่องนี้สอนให้ผมรู้เรื่องนึงเลยคือ “การสอนพิเศษ กับการเปิดสอนพิเศษ คนละเรื่องกัน”  การสอนพิเศษเราแค่รู้เรื่องการสอนก็พอ แต่การเปิดสอนพิเศษเราต้องทั้งรู้ทั้งการสอน การตลาด รู้เรื่องคน การบริหารจัดการ

พอผมรู้เรื่องพวกนี้ผมก็เริ่มเปลี่ยน Mind Set  ธุรกิจผมก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น เริ่มดูเป็นสถาบัน มีหลายวิชา โดยตอนนี้เข้าสู่ปีที่ 3 แล้วครับ ธุรกิจเริ่มรันได้เอง โดยที่ตัวเราเข้าไปยุ่งน้อยมาก

ผมเรียนรู้ที่จะปรับปรุงพัฒนา และพยายามสร้างทุกอย่างให้เป็น “ระบบ” เพราะ

ผมเชื่อมั่นว่าเจ้า “ระบบ” นี่แหละที่จะเป็นตัวช่วยให้ธุรกิจขับเคลื่อนไปข้างหน้า

และจะทำให้ผม “เบาแรง” ลงได้ ทำให้มี “เวลา” ที่จะทำอะไรอย่างอื่นได้มากยิ่งขึ้น

 

เคล็ดไม่ลับเข้าไปอยู่ในใจนักเรียนและผู้ปกครอง

การทำสถาบันติวเตอร์ ผมมองว่าอันดับ 1 เลยคือ ผมมั่นใจในบริการของผมว่าจะทำให้ชีวิตลูกค้าของผมดีขึ้น เปลี่ยนชีวิตเขาได้ ส่วนเรื่องอื่นเช่น หาลูกค้ายังไงเป็นแค่น้ำจิ้ม หนังสือ How to สอนเยอะมาก เช่นทำเพจ แจกใบปลิว  มันมีวิธีมากมาย

แต่สำคัญสุดคือหลักคิด วิธีคิด และเหตุผลที่เราทำมัน ยิ่งเหตุผลชัด เรื่องเงินแม่งแค่ทางผ่านเลย แต่สิ่งที่เราจะได้คือ “คำขอบคุณ” บางทีเราสิ่งต้องขอบคุณลูกค้าที่เค้ามาอุดหนุนเรา แต่กลายเป็นลูกค้าที่เข้ามาขอบคุณเรา

 

การบริหารทีมสไตล์ติวเตอร์กันต์

สำหรับเพื่อนร่วมงาน ตลอดจนติวเตอร์คนอื่น ๆ  สิ่งที่ผมทำตลอดคือ การฟังเขาเยอะๆ  และ เวลาเจอปัญหาอะไร เราเป็นคนแก้คนแรก เวลาคนในองกรค์ทำอะไรผิดพลาด ผมถือว่าเป็นความรับผิดชอบผม รับผิดชอบร่วมกัน  อะไรผิดคือผิด อะไรถูกคือถูก

โดยส่วนใหญ่ทีมงานก็อายุไล่ ๆ กันครับ ก็คุยกันตรงไปตรงมา เราเอาความคิดมาแชร์กัน ช่วยกันคนละไม้ละมือครับ

 

ตอนนี้มีสอนอะไรบ้าง

ปัจจุบันสินค้าของผมก็คือ Information Product  แบ่งเป็น

-อยากเก่งคำนวณ อยากสอบแข่งขัน จะประกอบไปด้วย วิชาฟิสิกส์ คณิต เคมี

-อยากสอบติด รร.ประจำจังหวัด  จะประกอบไปด้วยวิชาพื้นฐาน วิทย์ คณิต อังกฤษ

-ดนตรี

-ศิลปะ

-ภาษาญี่ปุ่น

จุดเด่นของ สถาบันติวเตอร์ของน้องกันต์ คืออะไร

จุดเด่นของเราจะเป็นเรื่องการบริการ ความใส่ใจ มีการติดตามผลทุกคน ใน Class เรียน 1 Class รับไม่เกิน 8 คน  และผมจับแยกชั้น แยก รร.  คือทำยังไงก็ได้ให้ลูกค้าได้ประสิทธิภาพที่สุด และนี่คือความแตกต่างของติวเตอร์ผม

 

ถามจริงถ้าจะมีใครเปิดสถาบันติวเตอร์มันยากไหม ?

ไม่ง่าย และไม่ยาก ขึ้นอยู่กับความรู้เลยครับ

รู้น้อย จะยาก รู้มาก จะง่าย

ผมใช้คำว่า”หมั่นพัฒนาตัวเองทุกวัน” ยิ่งพัฒนาตัวเองมากยิ่งขึ้นเท่าไหร่ โอกาสในการประสบความสำเร็จจะยิ่งมาก  อย่างที่ผมเกริ่นในช่วงเริ่มต้น ผมอ่านหนังสือ 6-8 เล่มต่อเดือน เข้าสัมมนาทุกเดือน คนสำเร็จทำอะไรกัน คิดยังไงกัน ศึกษาให้ละเอียด

สิ่งแรกเลยคือความรู้ ไปหาหนังสืออ่านก่อนเลย 5555 ไม่มีความรู้ ต่อให้มีเงิน ยังไงก็หมด และเริ่มหากระดาษมาหนึ่งแผ่น เขียนสิ่งที่เราต้องการลงไปในกระดาษ วางแผนงาน ให้หมดลงในนั้น  แล้วค่อยเริ่มทำ แผนยังไม่เสร็จ อย่าพึ่งทำอะไรเลยครับ เสี่ยงเกินไป

 

นิยาม “รากหญ้า Marketing” ในมุมมองของน้องกันต์หน่อยครับ

ผมมองว่า การลงมือทำ ผิดพลาด แก้ไข ทำใหม่ ผิดพลาด แก้ไข ทำอีก ผิดอีก แก้อีก = สำเร็จ

ความผิดพลาดในการลงมือทำไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว สิ่งที่น่ากลัวและอันตรายที่สุดในชีวิตคือการที่เราไม่คิดที่จะลงมือทำต่างหาก

สำหรับตัวสินค้าผมมองว่า สินค้าดี บริการดี ดูแลลูกค้าดี” วัดผลจากการ”ซื้อซ้ำ”  และมีการบอกต่อครับ นี่คือพื้นฐานและรากหญ้าในการทำธุรกิจจริง ๆ ครับ

 

วางแผนอนาคตไว้อย่างไรสำหรับสถาบันติวเตอร์ฯ

กำลังพัฒนาและระบบและจะลองเปิดสาขาเพิ่ม  มีการขายแฟรนไชน์   และ จะเริ่มเอากีฬาเทควันโดที่ผมรัก (เคยเป็นนักกีฬาเทควันโดมหาลัย ) มาลองผสมผสานกันครับ

มันเป็นอนาคตที่ผมได้วางแผนและค่อย ๆ ลงมือทำแล้วครับ ปลายทางมันดูสดใส แต่เส้นทางที่จะเดินไปมันก็ไม่ได้ยากครับ แต่ผมไม่เคยกลัวครับ เพราะเป้าหมายผมใหญ่เกินที่จะไปกังวลกับปัญหาเล็กๆ

 

อยากบอกอะไรเพื่อน ๆ ที่กำลังเรียนอยู่ครับ

“ฝันใหญ่อุปสรรคจะเล็ก ฝันเล็กอุปสรรคจะใหญ่”

เราเรียนอยู่มหาลัยก็จริง แต่สักวันเราก็ต้องออกมาเผชิญกับโลกนอกรั้วมหาลัยฯ ซึ่งตอนนั้นมันไม่ได้มีแค่ข้อสอบในกระดาษ ที่เราสามารถทำผิดพลาดไม่ได้คะแนน อย่างดีก็แค่อ่านใหม่สอบใหม่

แต่ชีวิตนอกรั้วพลาดมันหมายถึงเงินทอง หมายถึง ความเป็นอยู่ของเราเลยทีเดียว หากมีโอกาสผมว่าเราควร “ก้าวออก” จากรั้วมหาลัยบ้าง คิดนอกรั้วบ้าง ทำงานนอกที่อาจารย์สั่งบ้าง ทำการงานนอกจากการบ้านบ้าง

วันที่เราจบมหาลัย ไม่มีใครที่จะดูแลอนาคตเราได้เท่ากับตัวเราเอง…ผมว่าน่าจะดีกว่าถ้าเราเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตนอกรั้วตั้งแต่เรายังเรียนอยู่ในรั้วครับ

 

ช่วงนี้มีโปรโมชั่นอะไรให้น้อง ๆ หรือ เพื่อน ๆ เถ้าแก่ใหม่บ้างครับ

เร็วๆนี้มีการขายแฟรนไชน์แน่นอน สำหรับคนที่สนใจไว้มาลองคุยรายละเอียดกันดู และตอนนี้ผมเริ่มทำสอน Physics Online ถ้าเป็นผู้ปกครองคนไหนอยากให้ผมปั้น ลองเข้ามาคุยกันดู สอนให้ฟรีเลยในช่วงแรก ไม่คิดเงินครับ

 

 

ช่องทางติดต่อธุรกิจ

Facebook: Chanapai Choochot

ID-Line: kanbrr

 

สำหรับท่านที่อ่านเรื่องราวน้องกันต์ ทันใจติวเตอร์ แล้วมีแรงบันดาลใจ คิดจะเปิดหรือทำธุรกิจเกี่ยวกับสถาบันติวเตอร์บ้าง ทางเว็บ Taokaemai.com ขออนุญาติเปิดจองสิทธิ์ในการลงทะเบียนเพื่อเปิดหลักสูตรนี้ หากมีผู้สนใจมากเพียงพอให้การเปิดอบรมหลักสูตรทางทีมงานจะแจ้งท่านที่ลงทะเบียนไปนะครับ พร้อมกับสิทธิ์และราคาพิเศษสำหรับคนที่ลงทะเบียนจองสิทธิ์ไว้ก่อนนะครับ