กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ จับมือ หอการค้าไทย และโคโลญเมสเซ

ประกาศความยิ่งใหญ่ของอุตสาหกรรมอาหารไทยในเวทีโลก

ในงาน THAIFEX – World of Food Asia 2017

 

กรุงเทพ 16 มีนาคม 2560 : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ร่วมด้วย หอการค้าไทย และโคโลญเมสเซ่ ประเทศเยอรมนี เตรียมพร้อมจัดงาน THAIFEX – World of Food Asia 2017 ดึงผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารร่วมออกงานคึกคักกว่า 2,000 ราย จาก 40 ประเทศทั่วโลก พร้อมขยายพื้นที่จัดงานเกือบ 1 แสนตร.ม.   ตั้งเป้าผู้เข้าชมงานมากกว่า 150,000 ราย มั่นใจไทยครองแชมป์ผู้จัดงานแสดงสินค้าอาหารที่ใหญ่และครบวงจรที่สุดในเอเชีย พร้อมผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางการวิจัยพัฒนาและนวัตกรรมสำหรับอุตสาหกรรมอาหารโลก

 

                     นางมาลี โชคล้ำเลิศ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า “อุตสาหกรรมอาหารของไทยเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยในปี 2559 ที่ผ่านมา ไทยเป็นประเทศอันดับ 1 ที่ส่งออกสินค้าอาหารไปยังกลุ่มประเทศอาเซียน และอันดับที่ 12 ของประเทศที่ส่งออกสินค้าอาหารไปทั่วโลก โดยอุตสาหกรรมอาหารสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยมากกว่า 24,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 800,000 ล้านบาท สินค้าอาหารของไทยหลายรายการที่มีมูลค่าการส่งออกจัดอยู่ใน 5 อันดับแรกในตลาดโลก อาทิ ข้าว ไก่แปรรูป อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป กุ้งแช่แข็งและแปรรูป และเครื่องปรุงรส ทั้งนี้ เนื่องจากประเทศไทยมีจุดแข็งในด้านวัตถุดิบที่หลากหลาย และผู้ประกอบการในภาคการผลิตมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในทุกห่วงโซ่ของอุตสาหกรรมอาหาร”

 

“เพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการวิจัยพัฒนาและนวัตกรรมสำหรับอุตสาหกรรมอาหารโลก ซึ่งเป็นหนึ่งในซุปเปอร์คลัสเตอร์ที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ โดยมุ่งเน้นที่จะเชิญชวนบริษัทผู้ผลิตหรือวิจัยพัฒนาอาหารชั้นนำของโลกมาลงทุนในกิจการด้านนวัตกรรมอาหารในประเทศไทย และยังสนับสนุนให้บริษัทเอกชนไทยในทุกระดับได้เข้ามามีส่วนร่วมในห่วงโซ่สร้างมูลค่าอุตสาหกรรมอาหารระดับโลก ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ได้เดินหน้ากระชับความสัมพันธ์กับประเทศคู่ค้าผ่านการเจรจาเชิงรุก เพื่อเปิดตลาดและลดอุปสรรคทางการค้าภายใต้กรอบการเจรจาระดับต่างๆ ควบคู่ไปกับการร่วมพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันสูง สามารถยกระดับการประกอบการไปสู่ตลาดโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพและเข้มแข็ง เพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาและส่งเสริมการส่งออกอุตสาหกรรมการเกษตรและอาหารให้สามารถแข่งขันและเป็นผู้นำในตลาดโลกได้”

ด้าน นายกลินท์ สารสิน รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า “อุตสาหกรรมอาหารถือเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ และเป็นอุตสาหกรรมพื้นฐานในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลผลิตต่างๆ ทั้งจากภาคเกษตรกรรม การประมง ปศุสัตว์ และสาขาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งยังมีผลกระทบกับคนจำนวนมาก เนื่องจากมีห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) เกี่ยวพันในหลากหลายธุรกิจ และเป็นอุตสาหกรรมที่ใช้ Local Content สูง มีผลกระทบด้านการจ้างงานและอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม อุปสรรคที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ ผู้ประกอบการอาหารของไทยจำนวนมาก ยังประสบปัญหาเรื่องการสร้างนวัตกรรม ทำให้มูลค่าจากการขายสินค้าไม่มากเท่าที่ควรจะเป็น”

 

“การส่งออกอาหารในรูปของวัตถุดิบ คงไม่สามารถทำให้อุตสาหกรรมอาหารของเราเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด ดังนั้น การสร้างนวัตกรรมที่อาศัยการวิจัยและพัฒนา จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ทุกภาคส่วนต้องช่วยกันส่งเสริม เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการ ซึ่งในบางสินค้าสามารถเพิ่มมูลค่าได้เป็น 100 เท่า”

 

“สำหรับงาน THAIFEX–World of food ASIA เป็นอีกหนึ่งความพยายามของหอการค้าไทยและพันธมิตร ที่ต้องการจะพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการด้านอาหาร ความสำคัญของงานคือการที่ผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะ SMEs จะได้เรียนรู้รูปแบบธุรกิจ เทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ๆ จากต่างประเทศที่มาร่วมออกบูธในงาน ซึ่งสามารถนำไปต่อยอดและพัฒนาธุรกิจของตนได้ต่อไป นอกจากนั้น ยังมีโอกาสพบปะคู่ค้าทางธุรกิจเพื่อสร้างช่องทางการตลาดทั้งในและต่างประเทศรวมทั้งยังมีโอกาสได้นำเสนอผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีให้กับผู้ประกอบการจากทั่วโลกอีกด้วย โดยปีนี้จะมีผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมประมาณ 700 ราย โดยเป็น SMEs 520 ราย และมีรายใหม่อีก 180 ราย เพิ่มขึ้นกว่าปีก่อนถึง 38%”

 

ด้าน นายมาเธียส คุปเปอร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โคโลญเมสเซ่ จำกัด กล่าวว่า “ประเทศไทยเป็นประเทศที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างประเทศเป็นอย่างมาก ด้วยสภาพทางภูมิศาสตร์ที่ตั้งอยู่ใกล้กับประเทศในแถบอินโดจีน และกล่าวได้ว่าประเทศไทยเปรียบเสมือนประตูของผู้ส่งออกและผู้นำเข้าอุตสาหกรรมอาหารจากทั่วโลก ซึ่งผู้เข้าชมงาน THAIFEX จะมีโอกาสเข้าถึงตลาดที่เกิดใหม่ในแถบอินโดจีน อาทิ กัมพูชา ลาว พม่า ฯลฯ เพราะงาน THAIFEX เปรียบเสมือนเวทีสำคัญที่จะช่วยผลักดันอุตสาหกรรมอาหารไทยซึ่งเปี่ยมไปด้วยศักยภาพให้มีโอกาสเติบโตในภูมิภาคเอเชียและตลาดโลกได้อย่างต่อเนื่องและเข้มแข็ง ซึ่งเป็นไปตามกลยุทธ์ของการปั้นให้ประเทศไทยเป็น “ครัวไทยสู่ครัวโลก : Kitchen of the World”

“งาน THAIFEX – World of Food Asia ในปีนี้ นอกจากการเพิ่มพื้นที่จัดงานเป็น 93,500 ตร.ม.แล้ว ในโซนของนิทรรศการยังเน้นการจัดแสดงสินค้าอาหาร 11 แนวโน้มเทรนด์อาหารโลก อาทิ อาหารมังสวิรัติ อาหารออร์แกนิค อาหารที่รับประทานด้วยมือ อาหารฮาลาล อาหารเพื่อสุขภาพ ฯลฯ รวมถึงการจัดแสดงผลิตภัณฑ์อาหารไทยมาตรฐานระดับส่งออก การันตีด้วยตราสัญลักษณ์ Thai Select และกิจกรรมไฮไลท์ต่างๆ ที่น่าสนใจ อาทิ การโชว์ศิลปะการปรุงกาแฟลาเต้จากบาริสต้าชื่อดัง การแข่งขันเมนูจานเด็ดจากเชฟนับพันคนเพื่อรับการคัดเลือกเข้าสู่รอบ 2018 World Congress”

 

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศขอเชิญชวนผู้ผลิต ผู้นำเข้า-ส่งออกและผู้สนใจร่วมชมงาน THAIFEX – World of Food Asia 2017 วันเจรจาธุรกิจระหว่างวันที่ 31 พฤษภาคม – 2 มิถุนายน 2560 เวลา 10.00 – 18.00 น. และวันจำหน่ายปลีกวันที่ 3 – 4 มิถุนายน 2560 เวลา 10.00 – 20.00 น. ณ อาคารชาแลนเจอร์ฮอลล์ 1-3 และอาคารอิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 1-6 ณ ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี สำหรับผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลได้ทางเว็บไซต์ www.ditp.go.th www.thaitradefair.com และ www.worldoffoodasia.com หรือ สายด่วนการค้าระหว่างประเทศ 1169