ธุรกิจประกันชีวิตเป็นธุรกิจที่มีประโยชน์ต่อผู้คนมากครับ จริงๆ แล้วไม่ว่าคุณจะอยู่ในวัยใดประกันชีวิตจะช่วยรองรับทุกๆ ความเสี่ยงในชีวิตของคุณตั้งแต่เกิดจนกระทั่งเสียชีวิต แต่กระนั้นด้วยภาพจำในแง่ลบของอะไรสักอย่างก็ทำให้ผู้คนมองธุรกิจประกันชีวิตด้วยสายตาที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่สำคัญของเจ้าของธุรกิจว่าคุณจะสามารถนำเสนอประโยชน์ของการทำประกันชีวิตให้คนทั่วไปรับรู้ได้อย่างไร โดยต้องไม่เน้นหรือพยายามให้เขารู้สึกว่าคุณกำลังขายของมากเกินไป การทำคอนเทนต์มาร์เก็ต-ติ้งจึงมีความสำคัญมากในกระบวนการนี้ครับ สำหรับธุรกิจประกันชีวิตการสร้างคอนเทนต์มาร์เก็ตติ้งที่โดนๆ ทำได้อย่างไร เรามีคำแนะนำมาฝาก

7 วิธีการทำ Content Marketing ธุรกิจประกันชีวิต

1. ขยี้อารมณ์ให้กระจุยทำให้เขาตระหนักถึงความสำคัญของการทำประกันชีวิต

คุณต้องเข้าใจก่อนว่า “ธุรกิจประกันชีวิตคือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ล้วนๆ” นั่นหมายความว่าการที่คนสักคนจะตัดสินใจทำประกันชีวิตเขาต้องตระหนักถึงความสำคัญในการทำประกันชีวิตครับ ไม่ว่าจะเพราะต้องการความมั่นคง หรือเป็นห่วงคนที่อยู่ข้างหลังก็ตาม แต่ในอดีตสาเหตุที่ทำให้คนไม่เห็นคุณค่าของการทำประกันก็เพราะว่าคนขายประกันชอบที่จะยัดเยียดการขายมากกว่าการให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้นการทำคอนเทนต์มาร์เก็ตติ้งจึงคลิ๊กอย่างพอดีกับวัตถุประสงค์หลักในข้อนี้ นั่นคือคุณต้องขยี้อารมณ์ของเขาให้ถึงที่สุด ดึงเขาให้เขาคล้อยตามเหตุผลของการทำประกันชีวิตให้ได้ โดยคุณไม่จำเป็นต้องพยายามขายของหรือพยายามยัดเยียดให้เขาต้องทำประกัน หากคุณสามารถลากอารมณ์ของเขาได้และเขาเข้าใจและตระหนักถึงข้อดีของการทำประกันชีวิตเขาก็จะเข้ามาเป็นลูกค้าของคุณเอง

2. ทำคอนเทนต์ตามกลุ่มเป้าหมายเขาจึงจะอินไปกับสิ่งที่คุณนำเสนอ

เชื่อว่าผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตแต่ละกรมธรรม์ล้วนมีกลุ่มเป้าหมายที่ไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นการจะให้คนคล้อยตามหรือ “อิน” ไปกับคอนเทนต์ที่คุณต้องการนำเสนอคุณจำเป็นต้องรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณเป็นใครคุณจึงจะเลือกทำคอนเทนต์ได้อย่างจำเพาะเจาะจงและกระแทกใจ กระแทกอารมณ์ของเขาครับ อย่างเช่นหากกรมธรรม์ของคุณเกี่ยวข้องกับการคุ้มครองโรคร้ายคุณก็ควรจะสร้างคอนเทนต์และนำเสนอคอนเทนต์สู่กลุ่มเป้าหมายในวัย 40+ เขาจึงจะอินไปกับเนื้อหาของคุณ อนึ่งสาเหตุที่คุณต้องสนใจในการหากลุ่มเป้าหมายนั่นก็เพราะแพลตฟอร์มที่คุณเลือกใช้ขึ้นอยู่กับกลุ่มเป้าหมายด้วยเช่นกัน แม้ว่าคุณจะสร้างคอนเทนต์เฉพาะตามกลุ่มเป้าหมายแต่หากคุณลงผิดแพลตฟอร์มก็แทบจะสูญเปล่าครับ

3. ใส่คุณค่าลงไปในคอนเทนต์

ใช่ว่าคอนเทนต์ที่ดึงดูดคนจะต้องเป็นคอนเทนต์ที่ขยี้อารมณ์เพียงอย่างเดียวเท่านั้นเพราะอะไรที่มันมากเกินไปแทนที่จะส่งผลดีก็กลับกลายเป็นผลร้ายได้เช่นกัน คอนเทนต์ที่กระชากอารมณ์หากเราพบเจอคอนเทนต์เช่นนี้บ่อยๆ มีดราม่ามากเกินไปก็จะกลายเป็นความเอียนได้ในที่สุด ดังนั้นคุณควรจะมีคอนเทนต์ดีๆ ที่มีคุณค่าโดยเฉพาะการให้ข้อมูลความรู้ที่มีประโยชน์ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพหรือเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการเลือกประกันชีวิตที่เหมาะสมของแต่ละคนบ้างสลับกันไป หากคอนเทนต์ของคุณมีประโยชน์จริงๆ กลุ่มเป้าหมายที่คุณหมายตาไว้ก็จะมาเป็นลูกค้าของคุณเอง

4. ใส่ตัวตนของแบรน์ลงไปในคอนเทนต์

อีกหนึ่งสิ่งที่ลูกค้าจะตัดสินใจทำประกันชีวิตกับแบรนด์ใดนั้นความน่าเชื่อถือของแบรนด์ก็เป็นสิ่งที่ลูกค้าคำนึงถึงไม่แพ้กัน การทำคอนเทนต์มาร์เก็ตติ้งคุณอย่าลืมที่จะใส่ความเป็นตัวตนหรือภาพลักษณ์ของแบรนด์ประกันชีวิตของคุณลงไปด้วยครับ เพราะจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นและทำให้ดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้นไปอีก ใส่ความจริงใจ ความเอาใจใส่ดูแล ความอบอุ่นลงไปในทุกๆ เนื้อหาเรื่องราวที่คุณต้องการถ่ายทอดไม่ว่าคอนเทนต์ของคุณจะอยู่ในรูปแบบใด หากสิ่งนั้นคือตัวตนที่คุณใส่ลงไปด้วยเชื่อเถอะครับว่าลูกค้าเขารับรู้ได้

5. เล่าเรื่อง เล่าเนื้อหาด้วยภาพเคลื่อนไหว อาจทำให้เห็นภาพและสร้างอารมณ์ร่วมได้ดีกว่า

คอนเทนต์ที่เป็นภาพเคลื่อนไหวสามารถสร้างอารมณ์ร่วมและทำให้คนที่ดูเห็นภาพลักษณ์และตัวตนของแบรนด์ได้อย่างชัดเจนมากกว่าคอนเทนต์ในรูปแบบอื่นครับ ที่สำคัญคอนเทนต์ประเภทนี้ดูน่าสนใจและดึงดูดใจได้ง่ายกว่าคอนเทนต์ในรูปแบบอื่นครับ ที่สำคัญคอนเทนต์ประเภทนี้ดูน่าสนใจและดึงดูดใจได้ง่ายกว่าคอนเทนต์ประเภทอื่นเช่นกัน การสร้างคอนเทนต์ประเภทนี้คุณต้องวางเนื้อหา วางพล็อตเรื่องให้ดีและต้องใส่ใจรายละเอียดในทุกขั้นตอนการผลิตเพราะเป็นคอนเทนต์ในรูปแบบที่ยากกว่ารูปแบบอื่นๆ แต่ถ้าสิ่งที่คุณทำนั้นออกมาดีคอนเทนต์นี้จะกลายเป็นคอนเทนต์ไวรัสที่สร้างกระแสให้คนพูดถึงได้เช่นกัน

6. บางครั้งตลกร้ายก็สร้างการจดจำได้ดีเช่นกัน

นอกจากการสร้างอารมณ์ร่วมโดยการขยี้ปัญหาหรือการนำเสนอให้ความรู้บางครั้งอะไรที่ดูขัดแย้งกันหรือที่เรียกว่าตลกร้ายก็สามารถสร้างการจดจำได้ดีไม่แพ้กันครับ เราจึงเห็นคอนเทนต์หลายๆ ประเภทที่มีการหักมุมในตอนจบหรือเสียดสีจิกกัดกับสถานการณ์บางอย่างที่ดูเหมือนจะแน่นอนแต่กลายเป็นพลิกล็อคไปเสียได้ คอนเทนต์ในรูปแบบนี้เข้ากับแนวคิดของธุรกิจประกันชีวิตได้อย่างพอเหมาะพอดีครับ แต่สิ่งที่คุณควรจะต้องระวังเอาไว้ก็คือ “ห้ามพาดพิงไปถึงบุคคลอื่นโดยเด็ดขาด” เพราะการกระทำเช่นนี้จะลดทอนคุณค่าของคอนเทนต์และแบรนด์ของคุณอย่างน่าเสียดาย

7. ความสม่ำเสมอคือสิ่งที่ช่วยย้ำเตือนให้คนจดจำ

ท้ายที่สุดความสม่ำเสมอในการทำคอนเทนต์คือสิ่งที่จะช่วยสร้างความจดจำได้ดีที่สุดเพราะอะไรที่คนเห็นบ่อยๆ ก็จะเข้าไปย้ำเตือนในความคิดของคนคนนั้นครับ เพราะฉะนั้นอยากให้แบรนด์ของคุณเป็นที่จดจำก็อย่าละเลยการทำคอนเทนต์อย่างสม่ำเสมอนี่ก็คือสิ่งสำคัญของการทำคอนเทนต์มาร์เก็ตติ้งครับ

การตลาดด้วยการทำคอนเทนต์มาร์เก็ตติ้งคือวิธีการที่สำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจประกันชีวิตเป็นที่รู้จักครับ เพราะเป็นวิธีการที่จะช่วยสร้างภาพลักษณ์และความเข้าใจให้คนตระหนักถึงความสำคัญของการทำประกันชีวิต จงอย่าพยายามยัดเยียดการขายลงไปในคอนเทนต์เพราะหากคุณพยายามทำเช่นนั้นก็แทบไม่ต่างกับสิ่งที่เป็นภาพลบในอดีตของการขายประกันชีวิตที่คนภายนอกมองครับ

หลักสูตรฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ Digital Marketing & Personal Branding สำหรับธุรกิจประกันชีวิต

คลิ๊กภาพ เพื่อสอบถามรายละเอียด

บริการอบรม ให้คำปรึกษา ทำการตลาดออนไลน์ธุรกิจประกันชีวิต ทั้งแบบรูปแบบองค์กร กลุ่ม และ ตัวต่อตัวContent Marketing ธุรกิจประกันชีวิต