วันหนึ่งขณะที่ผมสำรวจข้อมูลใน Facebook ก็มีข้อมูลตัวหนึ่งแชร์มาอยู่ในหน้า Feed ผม

ไอทีแม่บ้าน !! เฮ่ย ชื่อนี้โดนหวะ ผมคิดในใจครับ มันทำอะไรกันนี่ และแล้วผมได้ได้พบกับ คุณเจ เจ้าของสำนัก เออ….สถาบันสอน น่าจะดีกว่า

ผมทักไปพูดคุยเพื่อเชิญมาสัมภาษณ์นำเรื่องราวมาเล่าให้กับเพื่อน ๆ ได้เรียนรู้ นำไปประยุกต์ และเป็นแรงบันดาลใจครับ

บอกเลย !! ผู้หญิงคนนี้ ฮา !! แต่มีสาระ แค่คุยกันในเฟสนี่ก็สนุกแล้ว เจอตัวเป็น ๆ คนได้ท้องแข็งครับ

ผมพักความฮา ไว้ครับ มาเรียนรู้สาระประสบการณ์ จากคุณเจ แม่บ้านไอที ไอทีแม่บ้านกันครับ

คุณเจ แนะนำตัวกับน้อง ๆ เพื่อน ๆ เถ้าแก่ใหม่หน่อยครับ

ชื่อ      สุวรรณา   สมณะ หรือ คุณ เจ หรือ เจ้ เจือกส์ (เผือกทุกงาน)

เจ้าของธุรกิจ

สถาบันการตลาดออนไลน์ครบวงจร : ไอทีแม่บ้าน

การศึกษา

ประเทศไทย            ประถมการศึกษาชั้นปีที่ 5(ป. 5) รร. วัดลำประดา, จ. พิจิตร

ประเทศเยอรมัน       Hoehere Handelsschule, Germany

ประเทศอังกฤษ        EF International College, England

“โฆษณาธุรกิจของคุณ…ด้วยตัวคุณเอง” ซิคะ …

ให้ลูกค้าค้นหาธุรกิจของคุณเจอ เพิ่มยอดขาย ตรงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด สอนโดยสถาบันสอนการตลาดออนไลน์ “ไอทีแม่บ้าน” แนะนำสารพัดเทคนิค สารพัดวิธี ช่วยเพิ่มยอดขายจากมืออาชีพ การโฆษณาฟรีบน Google และ Facebook แบบไม่ต้องซื้อ Ads. สอนการทำ seo แบบมืออาชีพ โดยการใช้ Free Marketing Tools เครื่องมือการตลาดที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

เจ้าของธุรกิจสามารถเรียนเองได้ ไม่ยากอย่างที่คิด หากท่านต้องการโปรโมทธุรกิจด้วยตัวท่านเอง เราแนะนำให้ท่านใช้ระบบโฆษณาฟรีผ่านโลกออนไลน์ ผ่านระบบ

เฟสบุค, บล็อก, เพจร้านค้า, ยูทูป, กูเกิ้ล, อินสตาแกรม, ทวิตเตอร์ ระบบช่วยคุณหาลูกค้าตรงกลุ่มเป้าหมาย “ไอทีแม่บ้าน” พัฒนาระบบมา ช่วยให้ท่าน โปรโมท โฆษณาธุรกิจแบบยั้งยืน !!!

สโลแกน

ถ้าเราสอนคนจบ ป. 6 ให้ติดกูเกิ้ลได้…เราก็สอนคุณได้เช่นกัน !!!”

เป็นแม่บ้านก็สบายดีอยู่แล้ว คิดไงมาทำงานไอที

ชีวิตก็ธรรมด๊า  ธรรมดา เหมือนเด็กไทยในต่างจังหวัดทั่วๆไป เรียนจบแค่ ชั้น ป.5 แล้วติดตามแม่ซึ่งต้องไปทำงานที่ต่างประเทศ  ต้องไปต่อสู้ เรียนรู้ และปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ ทั้งในเรื่องภาษา วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อมใหม่ๆที่แตกต่าง

หลังเรียนจบก็กลับมาประเทศไทย และทำงานตำแหน่งเลขานุการ ที่บริษัท Bosch ประเทศไทย ซักพักก็แต่งงานมีครอบครัว…ลาออกจากงาน….แล้วเป็นแม่บ้านเต็มตัว เนื่องจากต้องติดตามสามีที่ต้องย้ายไปทำงานที่ต่างประเทศ

เคยใช้คอมในการทำงานมาบ้าง แต่มาใช้งานเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์อย่างจริงจังเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากอยู่บ้านเฉยๆ มีเวลาว่างเหลือเฟือ ด้วยความที่เป็นคนไฮเปอร์ สมาธิสั้น (อยู่เฉยๆ ไม่ได้) ก็เลยพยายามที่จะหาอะไรทำมาตลอด เพื่อหาเงินเล็กๆ น้อยๆ มาเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวบ้าง มาซื้อของที่เราอยากได้บ้าง เพราะการที่รอเงินจากสามีอย่างเดียว ยอมรับว่า ไม่สะดวกใจ ซึ่งเพื่อนๆแม่บ้านหลายๆ คนคงเป็นเหมือนกันใช่มัยคะ

เจ …พยายามเรียนอาชีพเฉพาะด้านหลายอย่าง เพราะคิดว่า ควรมีอาชีพติดตัว

ที่สามารถทำที่ไหนก็ได้…เผื่อเราต้องติดตามสามีไปอยู่ต่างประเทศ เราจะได้ใช้ความรู้ของเราหารายได้พิเศษเล็กๆ น้อยๆ ได้ ก็โดยการเริ่มต้นจากการเรียน…

ตอนนั้นกระแสนวดแผนไทยกำลังมาแรงแซงทุกโค้ง เจ ก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบติดตามทุกอย่างที่เป็นกระแส….ใครแห่ไปเรียนอะไร ไปทำอะไร ถ้ามีโอกาส ก็จะแห่ไปด้วย โดยเฉพาะเรื่องเรียน

แน่นอนที่สุด…เจ หาที่เรียนทันที และก็ลงเรียนทุกระบบทุกคอร์สจากสถาบันนวดแผนไทยและวัดโพธิ์ เจ เรียนทุกคอร์สที่มีเปิดสอน นวดหน้า นวดหัว นวดตัว นวดเท้า นวดไทย นวดสปา ขัดผิว แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้ ร่างกายไม่เอื้ออำนวย เจ นับถือคนที่ทำอาชีพนวดแผนโบราณจริงๆ เก่งมากเลย เพราะเวลาที่นวดลูกค้าแต่ละคน แต่ละครั้ง ผู้นวดต้องใช้พลังงานมากจริงๆ สำหรับคนขี้โรคอย่างเจ รู้สึกว่า อาจจะไม่เหมาะ เจ กลัวตายก่อนสามี และสามีมีเมียใหม่… เลยรีบมองหาอาชีพใหม่ที่เหมาะกับตัวเองค่ะ

เพนท์เล็บ สปาเล็บ สปามือ…

คิดแล้วว่า งานเพนท์เล็บต้องเบากว่านวดแผนไทยแน่นอน…แต่ก็ไม่ไหวอีก…บอกตรงๆ ว่า…ใจเสาะเกินไป….เจ ไม่กล้าใช้เครื่องมือถอดเล็บให้ลูกค้า… กลัวไปโดนเล็บลูกค้า ขนาดเล็บเรา เรายังกลัวแทบตาย ลุ้นแล้วลุ้นอีก หัวใจจะวาย และเล็บคนอื่น…สรุปแล้วนอกจากจะขี้โรคแล้ว เจ ใจเสาะ และแอบตาขาวอีกด้วย !!!

เสริมสวยครบวงจร…

สระ ไดร์ เป่า ดัด ยืด ทำสี เจ เรียนมาแล้วครบทุกระบบ จากสถาบันเสริมสวยครบวงจรชื่อดัง แต่ก็เหมือนเดิม ใจไม่สู้ ตัดผมลูกค้าไป ตัดมา ผมลูกค้าสั้นลงเรื่อยๆ จนหมดหัวเลย…555…… จำได้ว่า วันออกหน่วยของทางโรงเรียน อาจารย์พานักเรียนไปออกหน่วยตัดผมฟรีให้กับลูกค้าในชุมชน มีคนมาเข้าแถวมากมาย ก็ได้ตัดผมให้ลูกค้าคนแรกเป็นผู้ชาย  เจ ตื่นเต้นที่สุด จับปัตตาเลี่ยนไป สั่นไป แต่ก็ไม่อยากหยุดให้อาจารย์เสียหน้า เพราะปกติ เคยตัดแต่หัวตุ๊กตา (หัวหุ่น) ก็เลยตามเลย ค่อยๆ ไถผมไปเรื่อยๆ…เฮ้อ ไถไป ไถมา ผมลูกค้าก็สั้นลงๆ ที่สำคัญคือ..สั้นไม่เท่ากันสักที …… สุดท้าย เลยต้องเปลี่ยนชื่อพี่เค้าเป็น พี่ อิคคิวซัง เพราะหัวพี่เขาโล้นเลย ไกล้เคียงกับอิคคิวซัง…อาจารย์เห็น ตกใจมาก รีบมาแก้งานทันที แต่ก็สายไปแล้ว(โทษทีนะคะคุณพี่ม่ายได้ตั้งใจจิงๆ)

ช่วงนั้นขอสารภาพเลยว่า ถึงกับกินไม่ได้ นอนไม่หลับ ภาพพี่อิคคิวซัง หลอนติดตามาก

แต่ในที่สุดก็ได้ลูกค้าประจำ…..ก็พ่อฝาละมี ตัวดีของเจ ไงคะ ก็พ่อตัวดีทั้งแซว…ทั้งค่อนแคะ….เราเลยจัดเต็มให้เลย… เดี๋ยวนี้ถ้ามีเวลาว่าง ก็จะจับสามีตัดผมตลอดก็สั้นบ้าง แหว่งบ้าง บางบ้าง หนาบ้างเป็นศิลปะตามแบบ ของเจ แหล่ะค่ะ แต่สามีก็ดี๊ดีไม่บ่น ไม่ว่าซักคำ ยอมรับผลกรรม เพราะรู้ว่า ความสามารถมีแค่นี้…คงหวังพึ่งอะไรมากไม่ได้

เรียนทำอาหาร :

เราต้องเดินทางไปอยู่ต่างประเทศตลอด ก็คิดว่า การเป็นกุ๊กร้านอาหารไทยที่ต่างประเทศก็ไม่เลว น่าสนใจนะ  เพราะอย่างน้อยก็มีข้าวกินฟรี แต่ก็เหมือนเดิมค่ะ รีบไปสมัครเรียน เรียนจนจบ สุดท้ายก็ไม่ได้ทำ เพราะการทำกับข้าวให้คนหลายๆ คนกินนั้น….ไม่ไหวและบอกตรงๆ ว่าลองแล้วพบว่าตัวเองไม่มีพรสวรรค์ด้านนี้ ทำไปไม่รุ่งแน่ๆ อีกอย่างเรามีครอบครัว จะให้ไปเฝ้าร้านอาหารทั้งวันทั้งคืน ครอบครัวอาจไปไม่ได้รอดก็ได้

อาชีพตัดเสื้อ

จำได้ว่า ไปเรียนได้อาทิตย์เดียวก็โดดเรียน ขอบอกเลยว่างานตัดเสื้อ เป็นงานที่ยาก ละซับซ้อนสุดยอดมาก คนตัดเสื้อต้องเก่งจริง สำหรับงานที่ต้องใช้ฝีมือ เจ ยอมรับว่า ไม่ละเอียดพอ

โดยสรุปขอยกนิ้วให้ทุกอาชีพเลย ว่า อาชีพที่เราคิดว่า มันง่ายๆ แต่แท้จริงแล้ว ยากแสนยาก ขอแสดงความเคารพ และนับถือเพื่อนๆ ที่ทำอาชีพเหล่านี้จริงๆ ค่ะ

หลังจากเสียเวลา เสียเงินเรียนไปแล้วมากมายหลายอาชีพ เริ่มคิดว่า…เราคงไม่ไหวจริงๆ ทำได้ทุกอย่างเหมือนลูกเป็ด จะบินก็ไม่เก่ง จะว่ายน้ำก็พอไหว เวลาเดินก็เซไป เซมา บิดไปทางซ้ายที บิดมาทางขวาที คือทำได้ทุกอย่าง แต่ไม่เก่งซักอย่าง แต่ในใจก็แอบหวังและเชื่อมั่นตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่า … ตอนเด็กๆ เราก็เคยเรียนเก่งนะ ไปเรียนที่ไหนก็เรียนจบไม่เคยมีปัญหาเลย… นึกถึงสมัยตอนเป็นเด็ก เจ เรียนที่เยอรมัน ก็จบแบบสบายๆ ผลการเรียนดีกว่าคนเยอรมันอีก และไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษอีก 1 ปี ก็จบแบบสบายๆ เกรดเฉลี่ยก็ค่อนข้างดีด้วย  อยู่ใน Top 10 ของชั้นด้วยซ้ำ (ไม่ได้โม้นะ) โดยเฉพาะวิชาที่ชอบ เจ ก็ทำคะแนนได้สูงสุดของชั้นก็มี…เลยสรุปกับตัวเองได้ว่า  “เราน่าทำอะไรก็ได้ ถ้าเรารัก เราชอบและถนัดจริงๆ…. (พยายามให้ความหวังกับตัวเองอยู่ลึกๆ)”

และตอนนี้ในที่สุดเราก็พบว่า เราก็ทำได้ และทำได้ดีด้วย และผลงานชิ้นโบว์แดงของชีวิตเจ เลย…คือ “งานไอที!!!” หรืออาชีพ ที่ปรึกษา/ครูด้านการตลาดออนไลน์ ของเจ นั่นเองค่ะ

งานที่ปรึกษา/ครูด้านการตลาดออนไลน์ ของเจเริ่มจาก…

อยู่บ้านว่างจัดก็หาคอมมาเล่นที่บ้านแบบตามกระแส คือเล่นเอามันส์ไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะการเล่นเฟสบุ๊ค ตอนนั้นก็…แอบส่องโน้นที ส่องนี้ที….ส่องสินค้าที่อยากได้บ้าง ไม่อยากได้บ้าง เพื่อนๆ ในเฟสบุคก็ขายของกันทุกคน ถูกใจก็เสียเงินอุดหนุนกันไป ไม่ถูกใจก็รอของใหม่ ของถูกและดีมีอยู่เยอะ ในเฟสบุคมีคนขายของกันเยอะมาก… เพื่อนๆ เจ หลายคนก็เริ่มขายของกันทีละคนสองคน จนสุดท้าย ขายกันทุกคน และหลายคนก็รวยแล้วด้วยค่ะ…555

นอกจากเฟสบุคแล้ว เจ ยังชอบเข้าไปค้นหาข้อมูลและความรู้ดีๆ จากเว็บไซต์ต่างๆ ที่เจ สนใจอีกด้วย ก็เป็นแฟนคลับหลายเว็บไซต์…เล่นไปเล่นมาก็เริ่มสนใจว่า…เว็บไซต์นี่มันคืออะไร มันทำงานอย่างไร และที่สำคัญคนธรรมดาๆ แบบเรานี่จะสร้างเว็บไซต์ได้มัย…..???

เจ แอบถามตัวเองอย่างเงียบๆ แต่ก็ไม่ได้บอกใคร ยิ่งสามี ยิ่งไม่ต้องพูดถึง…เจ อายค่ะ

เจ ยอมรับว่าไม่รู้อะไรมาเข้าสิง หมกมุ่นกับการเข้าไปดูเว็บไซต์ต่างๆ ทั้งเว็บในและต่างประเทศ  ก็มีเวลาเหลือเฟือ ลูกก็ไม่มี สามีก็ทำงานตลอดวัน กว่าจะกลับบ้านก็โน่น เที่ยงคืนบ้าง ตีหนึ่งบ้าง ก็เลยว่างทั้งวันก็เลยสนุกอยู่กับคอม อ่านโน้น อ่านนี้ จนเกิดความมั่นใจ ว่า เรา…น่าจะหัดทำเว็บไซต์เองบ้าง !!! เพราะหากเรามีความรู้ด้านการทำเว็บไซต์ เราน่าจะมีความสามารถพัฒนาเป็นอย่างอื่นได้ และหากเรารู้จริง และรู้มากๆ  เราอาจจะรับจ้างทำเว็บไซต์ให้เพื่อนๆ ที่ขายของในเฟสได้ เราก็จะได้ทำงานที่เรารัก เราชอบ อยู่ที่บ้าน ไม่ต้องออกไปข้างนอก ไม่ต้องลงทุนอะไรมาก โอกาสสร้างรายได้มีอยู่อย่างมากมาย และกว้างขวางอย่างน้อยสำหรับตัวเองแรกๆขอมีรายได้เล็กๆ น้อยๆ บ้างจะได้ไม่เบื่อ เพราะสมัยนี้ หากใครอยากทำธุรกิจ ไม่ว่าจะขนาดใหญ่ ขนาดเล็ก ก็ต้องมีเว็บไซต์เพื่อ โปรโมทธุรกิจ โปรโมทสินค้ากันทุกคน ทุกธุรกิจ !

พอคิดแล้วเชื่อว่าดี มีอนาคตไกลและ สามารถใช้เป็นอาชีพสุดท้ายก่อนตายได้…ก็ตัดสินใจว่าเราก็ต้องเอาดีให้ได้สักอย่าง ไม่งั้นเสียชาติเกิด สามีสุดที่รัก คงด่าปากเปียก ปากแฉะแน่ๆ เลย เสียเงินเรียนอาชีพต่างๆไปก็เยอะ ไม่มีผลงานสักอย่าง เราต้องกู้หน้าคืนให้ได้ และมันคือศักดิ์ศรีของลูกผู้หญิงตัวน้อยๆ เลยค่ะ ก็เราเชื่อว่าผู้หญิงไทยในยุคดิจิตอล ต้องสวย ต้องเก่ง และต้องฉลาด หาเงิน หางานเองได้ ทั้งจากที่บ้านและที่ทำงาน แล้วที่สำคัญ

เจ มีคติประจำใจว่า

“เรื่องการใช้เงิน…หากของสามีเราต้องรีบใช้หมด ส่วนของเราก็เองเงียบๆ หงุบหงิบๆๆๆ ค่า”

หลังจากนั้น ก็เริ่มมุ่งมั่นที่จะเรียนรู้ระบบไอทีอย่างจริงจัง ทั้งเรียนด้วยตัวเอง เรียนจากหนังสือ เรียนจากยูทูป และเว็บไซต์ต่างๆของไทย และต่างประเทศ…

แต่การเรียนด้วยตัวเอง ยอมรับว่า ยากมาก ไม่รู้จะเริ่มต้นจากที่ไหนดี 555 เอานะทนหน้าด้าน ขอเงินสามีอีกทีดีกว่า และบอกว่า “จะเอาไปเรียนเขียนเว็บไซต์จ้า” สามีอ้าปากค้างไป 3 วิ.. แล้วก็เหน็บมานิดๆ ว่าเซ่อๆ อย่างเธอจะไหวเหรอ

…คงคิดว่า…เอานะ…เผื่อมันจะฉลาดขึ้นมาบ้าง ดีกว่าปล่อยให้ฟุ้งซ่านอยู่ที่บ้านคนเดียว

ดีใจสุดๆเลยโทรไปบอกแม่…แม่ก็ให้กำลังใจ บอกว่า ทำเลยลูก ถ้าคิดว่า นู๋ทำได้ นู๋จะได้ไม่ฟุ้งซ่าน หรือว่างมากเกินไป อืม…ไม่รู้ว่า แม่แอบให้กำลังใจหรือว่าแอบถอนใจอยู่ห่างๆ แบบห่วงๆ ก็ไม่รู้นะ

นอกจากนั้น…เจ ยังไปประกาศกับเพื่อนในเฟสบุกให้รู้กันทั่วหน้าอีกด้วยว่า..ตอนนี้จะไปเรียนเขียนเว็บไซต์..ห้ามรบกวนสมาธิ นะ ไม่ว่างจริงจริ๊ง…ห้ามมาชวนไปไหนต่อไหน ไม่มีเวลา…

(แบบว่า…นางมุ่งมั่นมาก…) คือ ประกาศปิดโลกภายนอกหมด และมุ่งมั่นเรียนอย่างเดียว

ในที่สุดสามีก็ ให้เงินทุนมา ก้อนหนึ่ง แต่ก็แอบกัดว่า ขอเป็นก้อนสุดท้าย เพราะเห็นไปเรียนตลอด แต่ไม่เห็นมีอะไรดีขึ้น…สามีบอกว่า คราวนี้หากทำไม่ได้ จะให้หยุด และอยู่เฉยๆ ที่บ้าน ไม่ต้องดิ้นรน ไม่ต้องทำอะไรแล้ว เพราะเห็นแล้วเหนื่อยแทน

พอได้เงินค่าเรียนมา ก็เริ่มต้นหาที่เรียนค่ะ เริ่มต้นจากการเรียนคอมเบื้องต้นที่ Net Design แต่มันก็มีแต่เบสิกคอมเบื้องต้น พอตัดแต่งรูปภาพได้ และก็เริ่มหัดเขียนเว็บไซต์ด้วยตัวเองได้ เลยลองทำเว็บง่ายๆ อันแรก เป็นเว็บไซต์สำเร็จรูป ระบบลากไปลากมา แค่นี้ก็ดีใจแล้วค่ะ แน่นอนช่วงนั้น ยังไม่มีความรู้เกี่ยวกับการตลาดออนไลน์ เพราะ ไม่ได้เรียนเกี่ยวกับการสร้างสื่อ สร้างโฆษณา หรือโปรโมทเว็บไซต์ โปรโมทเพจร้านค้าเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า อะไรคือ Google อะไรคือ seo อะไรคือ Keyword เอาเป็นว่าความรู้ด้านการตลาดออนไลน์ คืออะไร เจ ก็ไม่รู้ เลยค่ะ

หลังจากเรียนจบ ก็หัดทำเว็บไซต์ด้วยตัวเอง พอเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา เจ ดีใจมาก รีบไปประกาศให้เพื่อนในเฟสได้รับรู้ ว่า ที่จะหายไปเป็นปีๆ นี่ เจ ไปเรียนเขียนเว็บไซต์และก็สร้างเว็บไซต์อยู่นะ และก็สร้างเว็บไซต์เป็นแล้วด้วย ทุกคนตื่นเต้นไปกับเรา รวมทั้งสามีและแม่ของเจ ก็งง และดีใจด้วย

พอเพื่อนๆรู้…เพื่อนกลุ่มที่ขายของทางเฟส ก็เริ่มจ้างให้ช่วยทำโฆษณา สินค้าให้ เราก็เริ่มรู้สึกเกรงใจ ไม่ค่อยอยากรับ เพราะตัวเองก็พึ่งทำเป็นใหม่ๆ ยังไม่รู้จะเริ่มทำอะไรให้

แต่ก็ไม่ปฎิเสธ คิดว่าลองดูค่ะ อย่างดีก็แค่โดนเพื่อนด่า…แต่หากทำได้….เราคงยืดไปอีกนาน…

งานแรกได้มาไม่รู้จะคิดค่าจ้างยังไงและเท่าไร ปรากฎว่าได้เงินมา 3,000 บาท ดีใจจริงๆ…มันเป็นเงินก้อนแรกที่หามาได้ จากความรู้ที่พยายามเรียนมาตลอดทั้งปี เจ ภูมิใจมากๆ แทบไม่กล้าใช้เลยค่ะ

เริ่มงานแรกอย่างนี้ก็ขอลองวิชาหน่อยนะ…เลยสร้างโฆษณาทุกที่ ที่สามารถทำได้ แน่นอน การทำงานต้องใช้เวลา แต่ไม่นานยอดขายของเพื่อนก็เริ่มสูงขึ้น จากธุรกิจเล็กๆ เติบโตขึ้นอย่างนึกไม่ถึง มีคนมาสั่งซื้อของเพิ่มขึ้นตลอดเวลา เจ ก็ได้แต่เฝ้าดูการเจริญเติบโตธุรกิจของเพื่อนๆ อยู่ห่างๆ บางท่าน เติบโตมากจริงๆ เริ่มจากแม่บ้านธรรมดา กลายเป็นนักธุรกิจใหญ่ไปหลายคนเลยทีเดียว

ต่อมาก็เริ่มมีงานเล็กๆ น้อยๆ เข้ามาเรื่อยๆ ส่วนมากช่วยเพื่อนทำ รับค่าจ้างหลักพันบาท  บางท่านก็ติดกูเกิ้ล จากเดิมเป็นแม่ค้าขายของในเฟสธรรมดา ลูกค้าขาดความเชื่อมั่น ไม่กล้าซื้อ ไม่กล้าโอนเงินมัดจำ มาเป็นเจ้าของธุริกจ ที่ธุรกิจค้นหาเจอ บนระบบกูเกิ้ล ทำให้ ลูกค้ากล้าซื้อเพราะมีความเชื่อมั่นมากขึ้น ทำให้เห็นว่า

”หัวใจอย่างหนึ่งของความสำเร็จ คือการที่ทำให้ธุรกิจเราติดหน้าแรกๆ บนกูเกิ้ล” ได้หรือลูกค้าสามารถค้นหาสินค้าของเราเจอบนระบบกูเกิ้ลนั้น จะทำให้เราได้เปรียบคู่แข่ง ทำให้เรามีฐานลูกค้ามาก และกว้างขึ้นยอดขายก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ลูกค้ารายใหม่ๆ ก็เพิ่มขึ้น

สุดท้าย… ก็ได้ช่วยทำตลาดให้กับบริษัทจัดหาคู่ญี่ปุ่นที่มาเปิดที่ไทย ด้วยการทำระบบโฆษณา และการแนะนำการหาสมาชิกให้บริษัทโดยเน้นการใช้ระบบออนไลน์เข้ามาช่วย 1,000,000%  พอทำไปทำมา จากบริษัทจัดหาคู่เล็กๆ ที่มาเปิดสาขาที่เมืองไทย จากที่ไม่มีคนรู้จัก ก็เติบโตอย่างมาก มีลูกค้าแห่ไปสมัครเป็นสมาชิกกับบริษัทหาคู่จนรับแทบไม่ไหว ถล่มทลาย  เราก็ภูมิใจ และดีใจไปกะเขาด้วย แต่ก็น่าเสียดายนิด ที่ บริษัทฯนี้ได้ปิดตัวลงเพราะเจ้าของบริษัทที่ญี่ปุ่นเสียชีวิต และไม่มีคนทำต่อค่ะ

ในที่สุดก็เลยว่างอีกครั้งหนึ่ง  แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมาเห็นว่า “การตลาดออนไลน์

เป็นวิธีทำตลาดแบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพที่สูงมาก น่าจะมีประโยชน์ต่อทุกๆคนที่สนใจจะทำธุรกิจและเราก็สามารถทำได้จากการเรียนรู้ด้วยตนเอง เรารู้จริง และรู้ลึกจากประสบการณ์จริงจากการเป็นคนไม่มีความรู้เรื่องนี้เลย และเรียนรู้จากศูนย์ “ทำให้เรารู้ถึงปัญหาการเรียนรู้ของคนที่ไม่มีความรู้เรื่องนี้เลย” ก็เลยคิดว่าน่าจะเป็นโอกาสในการเปิดสอนเพื่อนๆ ที่สนใจอยากเรียนรู้ โดยให้คนที่สนใจที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาเรียนที่บ้าน สอนแบบง่ายๆ แบบให้ทุกๆคนที่สามารถเข้าใจได้แบบง่ายๆ ทีละเล็ก ทีละน้อย และนี่คือ จุดเริ่มต้นของ “สถาบันการตลาดออนไลน์ ไอทีแม่บ้าน” ค่ะ

 

คอร์สอบรมการตลาดออนไลน์คอร์สแรก ที่เราเปิดสอน คือ คอร์สวางระบบโฆษณาฟรีบนระบบเฟสบุคผ่านระบบมือถือ (Facebook Mobile Marketing)

ซึ่งคอร์สนี้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง เนื่องจากเป็นคอร์สวางระบบการใช้สื่อโฆษณาฟรี บนเฟสบุคทั้งระบบ ไม่ใช่การซื้อ Ads.

คอร์ส Facebook Mobile Marketing เริ่มมีคนมาเรียนมากขึ้น พอได้สอนบ่อยๆ เรามีความชำนาญมากขึ้น จึงหาโอกาสพัฒนาหลักสูตรใหม่ๆ โดยการเพิ่มคอร์สอบรม Digital Marketing ทั้งระบบ ที่ยังคงคอนเช็ปฟรี โดยการใช้หลักสูตรจากต่างประเทศ โดยการเน้นเปิดสอนคอร์สเรียนการตลาดออนไลน์ครบทุกระบบ Social Marketing

และก็ได้ปรับค่าเรียนขึ้นตามความเข้มข้นของเนื้อหา ให้ตรงกับความต้องการของผู้ที่สนใจเรียน ทำให้ยอดจองเรียนล่วงหน้ามีมากขึ้น จาก 1-2 คนก็เพิ่มเป็นกลุ่มเล็กๆ จนมีตารางสอนเต็มแทบทุกวัน และในบางกรณีก็จะเน้นการสอนแบบ VIP. สอนแบบตัวต่อตัว สำหรับกลุ่มเจ้าของกิจการ เพื่อให้คนที่มีศักยภาพเสียเงินมาเรียนแล้ว ได้ความรู้ ทำงานได้จริง และกลับไป เพิ่มยอดขายได้จริง

ถึงปัจจุบันนี้ “ไอทีแม่บ้าน” ได้เปิดสอนมา 1 ปีเต็ม ตลอดระยะ 1 ปีที่ผ่านมา เราเติบโตแบบก้าวกระโดดและเราเติบโตจากไม่มีใครรู้จักมาเป็นสถาบันสอนการตลาดออนไลน์ ที่เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางประเทศไทยแล้ว โดยการแนะนำแบบปากต่อปากและการแนะนำผ่านสื่อชั้นนำมากมาย !

ทำอะไรมาเยอะเหมือนกันนะเนี่ย !!! สุดท้ายมาจบที่งาน Online

จากอาชีพแม่บ้านธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่ได้จบด้านไอที… ไม่ได้จบวิศวะคอม… ไม่ได้มีความรู้ด้าน html ….ไม่รู้เรื่องโปรแกรม….. ความรู้ด้านคอมเป็น 0 และใช้เวลาเพียง 1 ปี ในการเรียนรู้ระบบด้วยตัวเองโดยเน้นการใช้เว็บไซต์ โปรแกรมต่างๆ รวมทั้งแอพต่างๆ จากต่างประเทศ  และใช้เวลา 1 ปีในการค้นคว้าและวิเคราะห์ และได้คิดค้น วิธีการติดกูเกิ้ลแบบง่ายๆ และมาพัฒนาเป็นคอร์สสอนให้เข้าใจได้อย่างง่ายๆ

ขอเรียนว่าที่ยากที่สุด ของผู้สอนและผู้ที่พัฒนาคอร์ส คือ พัฒนาคอร์สอย่างไร และสอนอย่างไร ให้คนเรียนและเข้าใจ เจถือว่า มันเป็นความรู้เฉพาะด้านและความสามารถเฉพาะตัว

ที่เจ กล้าการันตีว่า ในปัจจุบันนี้ใครๆ ก็อยากเรียนและอยากรู้ อยากเป็น ไม่ว่า ท่านจะจบ ป. 6, ป. ตรี , ป. โท หรือ ดอกเตอร์ ทุกธุรกิจต้องใช้ การตลาดแบบใหม่ “การตลาดออนไลน์”

มันถีงเวลาแล้ว ที่เจ้าของธุรกิจ ควรโฆษณาธุรกิจ ได้ด้วยตัวท่านเอง

เชื่อมัยคะ อาชีพทุกอาชีพต้องใช้การตลาดแบบใหม่นี้  นักเรียนที่เจ เคยสอนมา มีทุกกลุ่มธุรกิจ ทุกระดับการศึกษา ทุกระดับทั้ง เช่น กลุ่มขายเครื่องสำอางที่รับมาและขายไป กลุ่มที่ขายของตามกระแส กลุ่มเจ้าของแบรนด์และเจ้าของกิจการ กลุ่มธุรกิจเครื่อข่าย กลุ่มวงการแบรนด์เนม กลุ่มช่างแต่งหน้า กลุ่มหมอดู วงการพระ กลุ่มตบแต่งบ้าน กลุ่มบริษัทอสังหาริมทรัพย์…

“ไอทีแม่บ้าน”… เปิดสอนกลุ่มเล็กๆ เงียบๆ และมีสอนตัวต่อตัว และเราได้รับผลตอบรับอย่างถล่มทลาย มีสื่อทีวี เคเบิ้ลทีวี และสื่อนิตยสารดังๆ ขอสัมภาษณ์ตั้งแต่เดือนแรกที่เราเปิดสอน ผลงานก็มีให้เห็นมีการแนะนำแบบปากต่อปาก  เช่น

  1. รายการ คู่ข่าวคู่ซี้ “รัชนีย์-กำภู”
  2. รายการ “คัมภีร์วิถีรวย”
  3. รายการ “SME BEST CHANNEL”
  4. นิตยสาร “ช่องทางทำมาหากิน”

สุดยอดเลยครับ !! ชักอยากเรียนด้วยแล้ว

เจ พยายามหาธุรกิจที่ชอบ ทำแล้วสนุก ทำแล้วไม่เบื่อ ทำแล้วมีประโยชน์ต่อส่วนรวม และที่สำคัญ ต้องสามารถทำที่บ้านเองได้ โดยไม่ต้องลงทุนมาก ไม่มีภาระ มีค่าใช้จ่ายขั้นต่ำ ไม่ต้องรักษายอด ซึ่งแน่นอน เราเห็นว่าอาชีพนี้ มันตอบคำตอบได้ทุกคำถาม

โลกสมัยใหม่ได้ก้าวเข้ามาสู่ยุคดิจิตอล….ทุกธุรกิจต้องปรับตัวเป็นธุรกิจออนไลน์ และดิจิตอล และธุรกิจ E-Commerce, E-Marketing, Online Marketing, Digital Marketing ธุรกิจออนไลน์ทุกระบบ ทุกประเภท จะเติบโตอย่างไม่มีข้อจำกัด และเป็นเรื่องที่ที่หลายคนสนใจที่จะก้าวเข้ามาจับแน่นอน

เงินทุนมากจากไหน ?

สำหรับการก่อตั้ง สถาบันสอนการตลาดออนไลน์ “ไอทีแม่บ้าน” เจ ไม่ได้ใช้เงินสักบาท เพราะเริ่มต้นจากสิ่งที่มี และใช้อยู่แล้ว เช่น คอมพิวเตอร์ 1 ตัวและมือถือ 1 เครื่องเท่านั้น ที่เหลือคือ ความรู้ค่ะ ความรู้ดีๆ ที่เราทุกคนต้องลงทุน ! เพราะ…ความรู้ดีๆ มีค่าและราคาเสมอ !!!

ทีนี้ เรามาลองดูกันว่า หากเราทำธุรกิจออนไลน์แล้ว เราต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง

(สินค้าจะมีหรือไม่มีก็ได้ เพราะหากเราไม่มีสินค้า เราใช้ระบบตัวแทนหรือ dropship ก็ได้ !)

สิ่งที่เราต้องเตรียมคือ

  1. คอมพิวเตอร์หรือโน๊ตบุคดีๆ สักเครื่อง ใช้เครื่องที่แรงส์ๆ และไว เพราะเราทำธุรกิจ เครื่องมือเราต้องพร้อมใช้งานตลอดเวลา
  2. มือถือดีๆ สักเครื่อง ควรเป็นระบบที่สามารถเชื่อมกับระบบ social network ได้ง่ายๆและที่สำคัญหน้าจอต้องมีขนาดใหญ่พอด้วย เราจะได้ติดต่อสื่อสารข้อมูลกับลูกค้าได้ง่ายๆ และว่องไว ทันใจทั้งเราและทั้งลูกค้าด้วย
  3. ระบบเว็บไซต์ดีๆ สักเว็บ ใช้เว็บไซต์แทนหน้าร้านของเรา แต่หากไม่มี เราสามารถใช้ เฟสบุคเพจร้านค้าแทนก็ได้

(เฟสบุค เพจร้านค้า สามารถตบแต่งและเปลี่ยนให้เป็นเว็บไซต์ได้ – ไอทีแม่บ้าน เปิดสอนค่ะ สนใจมาเรียนกันนะคะ)

  1. และที่ขาดไม่ได้คือ…ความรู้….และต้องเป็นความรู้เฉพาะด้านด้วย

ความรู้ด้านการตลาดออนไลน์ ความรู้ใหม่ๆ ที่พาคนรวย 100 ล้านพันล้านได้ หากมีสินค้าและบริการที่ตรงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ถ้าเราใช้ระบบเป็น เราก็สามารถโฆษณา ประชาสัมพันธ์ โปรโมทเว็บไซต์และโปรโมทเพจร้านค้าของเราเองก็ได้ ค่าใช้จ่ายในการทำโฆษณาเป็น 0 บาท และลูกค้าต้องสามารถค้นหาเจอบนระบบกูเกิ้ลด้วย Google ห้ามมองข้ามระบบโฆษณาที่มีประสิทธิภาพที่สุด Free Marketing Tools ที่เจ้าของธุรกิจต้องเรียนรู้ ! ที่สำคัญ ระบบเป็นของฟรี และไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ สักบาท และไม่ใช่การซื้อ Ads. โฆษณา

“ไอทีแม่บ้าน” เราเชี่ยวชาญในการใช้ของฟรีทุกระบบโดยค่าใช้จ่ายต่างๆ เป็น 0 !!!

ดูเหมือนราบเรียนนะครับ เจอปัญหาอะไรบ้างไหม

 ปัญหา “ไอทีแม่บ้าน” คือ ในช่วงที่เริ่มทำโดยที่ไม่เคยมีประสบการณ์การทำธุรกิจมาก่อน ไม่เคยเป็นครู อาจารย์ และเริ่มเรียน และหาความรู้ด้วยตนเอง และเริ่มจากไม่มีชื่อเสียงในด้านนี้ ทำให้มองภาพธุรกิจไม่ชัดเจน

วิธีแก้ปัญหาก็การเริ่มทีละก้าวอย่างตั้งใจ ใส่ใจ และทุ่มเทอย่างจริงจัง จริงใจให้กับผู้ที่มาเรียน สร้างการรับรู้แบบปากต่อปาก สร้างผลงานที่จับต้องได้ เน้นการสอนกับกลุ่มไม่ใหญ่  ให้มีโอกาสใกล้ชิด และช่วยแก้ไขปัญหากับคนที่มาเรียน เพื่อให้ได้ประสิทธิผลมากที่สุด พยายามพัฒนาหลักสูตรที่เข้าใจง่าย สามารถทำได้จริง และประทับใจ ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ถูกมาก นักเรียนส่วนมาก บอกว่า เจ สอนได้ตลก เรียนง่าย เข้าใจง่ายด้วยตาม concept

“ไอทีแม่บ้าน” ค่ะ

ที่หนัก ๆ ของปัญหาคืออะไร

“ไอทีแม่บ้าน” จบการตลาดมาจากประเทศเยอรมัน ทีมงานที่เหลือ น้องตุกกี้จบ ปวส.

ส่วนกระต่าย ป. 6 ถ้าเทียบกันแบบหมัดต่อหมัด เราสู้ใครไม่ได้อยู่แล้ว แต่เราก็พยายามที่จะโชว์ผลงานของเราทุกระบบ โดยการเขียนเว็บไซต์ขึ้นเอง และก็โชว์ผลงานการติดกูเกิ้ลให้นักเรียนเห็นผลงาน คือ เราเป็นแม่บ้าน ไม่ได้เรียนจบด้านนี้มา จะมาถามเราถึงวิชาการ เราคงพูดไม่ได้ จะมาถามเราเรื่องโค๊ต ความรู้ด้าน html เราไม่มีทางรู้แน่นอน… แต่หากถามว่า จะติดกูเกิ้ลได้อย่างไร จะทำ seo ได้อย่างไร ที่เห็นผลจริง จะโปรโมทเว็บไซต์ จะโปรโมทเพจร้านค้า จะเพิ่มยอดขายได้อย่างไร โดยไม่ต้องซื้อ Ads. โฆษณา เราสอนท่านใด้ เพราะที่ผ่านมา ผลงานของเราก็ติดกูเกิ้ลทุกระบบอยู่แล้ว ซึ่งบอกตรงๆ นะคะ หากอยากให้ธุรกิจของคุณติดกูเกิ้ล ก็ติดได้ มันมีวิธีอยู่ ซึ่งจะบอกว่า ยากก็ยาก จะบอกว่า ง่ายก็ได้ แต่หากได้เรียนกับมืออาชีพ ที่เค้ามีผลงานละก็ อย่างไงก็ดีกว่า ลองเอง เรียนเอง หรือเรียนผิดที่ ผิดทาง ผิดคน ท่านจะเสียเวลา และเสียโอกาสนะคะ

“ไอทีแม่บ้าน” ผ่านวิกฤตด้วยการโชว์ผลงาน ที่วัดได้จริงๆ คงเป็นเรื่องแปลก ที่อยู่ๆ แม่บ้านธรรมดาคนหนึ่งจะมีความรู้เรื่องไอที และประกาศว่า ตัวเองสามารถสอนให้คนอื่น ติดกูเกิ้ลได้ ใครจะเชื่อ…เราก็พยายามคิดค้นหาทุกวิธีที่จะทำผลงานของเราติดหน้าแรกๆ บนกูเกิ้ลให้ได้ และก็ติดได้จริง ซึ่งมันก็ไม่ได้ยากอย่างที่หลายคนเข้าใจ…เจ เชื่อว่า หากทุกคนตั้งใจเรียน และผู้สอนตั้งใจสอน ทุกคนก็สามารถทำได้ค่ะ ธุรกิจของเรา หากเราไม่โฆษณาธุรกิจของเรา แล้วใครจะช่วยเราโฆษณา ซึ่งบางครั้ง เราอาจจ้างได้จริง แต่ว่า ใครจะรู้จักธุรกิจเราได้ดีเท่าเรา…จริงมัยคะ ?

มีเกณฑ์การเลือกลูกค้า หรือ ผู้เรียนไหม

“ไอทีแม่บ้าน” ใช้ความรู้และความสามารถในการเจาะหาลูกค้าออนไลน์ทุกระบบโดยไม่เคยเสียค่าจ่ายใดๆ ไม่เคยซื้อโฆษณา ค่า Ads. ของเราเป็น 0 บาทค่าใช้จ่ายในการทำธุรกิจของต้นทุนของเราจึงต่ำ

เราเขียนระบบเว็บไซต์ของเราเอง

ระบบโฆษณาก็สร้างเอง

สถานที่เราเปิดสอน ก็เป็นของเราเอง ไม่ได้เช่า หรือมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ แต่แน่นอน

ส่วนการเข้าถึงกลุ่มลูกค้า เราก็ใช้ความรู้ที่เรามี หาลูกค้า เราตั้งค่าเซ็ตระบบวางสื่อโฆษณาเอง โปรโมทเอง ทุกขั้นตอนในการหาลูกค้าและการสร้างสื่อ สร้างโฆษณาโดยการเน้นที่จะใช้ของฟรี และค่าใช้จ่ายๆ ต่างๆ ต้องเป็น 0

โดยใช้ Free Marketing Tools ระบบเครื่องมือฟรีของต่างประเทศ ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ผ่านระบบ Facebook, Facebook Fan Page, Facebook Group, Facebook Apps, Blogger, YouTube, Line, Twitter, Instagram และระบบปฎิบัติการ Google ทั้งระบบ

ซึ่งมีทั้ง Google+, Google แบบสอบถาม, Google ชุมชน เป็นระบบของฟรีทั้งหมด เราสามารถเข้าไปใช้งานและก็แอบสร้างระบบโฆษณาธุรกิจของเราไว้ได้ทุกที่ทุกทางที่สามารถทำได้ ระบบสามารถสร้างได้ง่าย ว่องไวและรวดเร็ว ที่สำคัญ ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ สักบาทค่ะ

ตอนนี้มีคอร์สอะไรบ้างครับ

 ไอทีแม่บ้าน ไม่มีสินค้า เราขายคอร์สการตลาดออนไลน์ เราขายความรู้ เราขายอาชีพใหม่ ซึ่งยอมรับว่า เป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับคนไทย บางท่านไม่เข้าใจและไม่รู้จักว่า อะไรคือการตลาดออนไลน์ บางท่านขายของทางเฟสบุคอยู่แล้ว แต่ไม่เข้าใจว่า ทำไมต้องเสียเงินเรียนเฟสบุคเล่นเป็นอยู่แล้ว ทำไมต้องเรียนด้วย

เราขายความรู้ ความรู้เฉพาะด้าน ซึ่งหากใครเป็นแล้ว ก็สามารถนำไปเป็นอาชีพติดตัวได้ สามารถนำไปเป็นอาชีพติดตัวได้ อาชีพนักการตลาดออนไลน์ หากเก่ง มือดีจริง รายได้ดีมาก อย่าลืมว่า อาชีพนี้เป็นงานที่สามารถทำจากที่บ้านได้ มันจำเป็นและต้องเรียนจริงๆ นะคะ สำหรับการใช้ชีวิตในยุคดิจิตอล

ส่วนกลุ่มเจ้าของธุรกิจ ก็สามารถนำความรู้ที่ได้เรียนไป ไปพัฒนาธุรกิจของตัวเองได้ ไปสอนลูกน้องต่อได้ ไปสร้างระบบโฆษณา สินค้า โปรโมทเว็บไซต์ โปรโมทเพจได้ นับว่าเป็นมิติใหม่ ของการเรียนรู้เลยนะคะ

คนที่เรียนหลักๆ มี 3 กลุ่ม

  1. กลุ่มเจ้าของกิจการ

ลูกค้ากลุ่มเจ้าของกิจการขนาดเล็ก สนใจที่จะขยายกิจการ ขยายธุรกิจ

และสร้างแบรนด์สินค้าตลอดเวลา บางท่านสนใจที่จะก้าวมาสู่โลกออนไลน์ตลอด แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร เจ้าของธุรกิจกลุ่มนี้ส่วนมากจะพยายามหาที่เรียนตลอดเวลา เพราะคิดว่า เป็นสิ่งจำเป็นต่อธุรกิจ หากไม่รีบเรียน ก็จะหาลูกค้ารายใหม่ๆ ไม่ได้ และรักษาลูกค้ารายเก่าไว้ไม่ได้ สุดท้ายก็อาจเสียโอกาสดีๆ ให้กับคู่แข่ง ที่น่าสนใจก็คือ หลายท่านมีความฝันที่จะให้ธุรกิจของตัวเองติดกูเกิ้ล Google กันทั้งนั้น แต่ไม่รู้วิธี ซึ่งหากจ้าง อาจทำให้เสียค่าใช้จ่ายมากมาย และหากซื้อโฆษณาก็จะมีรายจ่ายมหาศาลรออยู่ ซึ่งบางท่านอาจพึ่งเปิดกิจการมาใหม่ๆ อาจไม่สะดวกในการลงทุนที่ต้องใช้งบมหาศาล

  1. กลุ่มแม่บ้านทั่วไป

แม่บ้านที่อยากมีรายได้ และสนใจที่จะหารายได้เล็กๆ น้อยอยู่ที่บ้าน สนใจอยากขายของทางเฟสบุค กลุ่มนี้ก็จะมาเรียนและก็ร่ำรวยไปบ้างแล้ว จากที่ขายไม่ได้เลย ยอดขายขึ้นมากมาย ที่สำคัญ จากที่เคยขายหน้าเฟสไปวันๆ เจอแต่ลูกค้าเก่าๆ ซึ่งก็มีไม่กี่คน ก็ลูกค้ารายใหม่ๆ เพิ่มขึ้นตลอดเวลา กลุ่มแม่บ้าน จะค่อยๆ เรียนเรื่อยๆ ที่มีโอกาส บางท่านเรียนซ้ำกันหลายคอร์ส เพราะแอบจำไม่ได้ค่ะ

  1. กลุ่มบริษัทขนาดเล็ก

บางบริษัทเล็งเห็นความสำคัญของความรู้ด้านการตลาดออนไลน์ และหากเปรียบเทียบกันแล้ว การส่งทีมงานหรือพนักงานมาเรียนและกลับไปช่วยงานบริษัทในตำแหน่ง Online Manager ได้ บริษัทจะลดภาระค่าใช้จ่ายในการซื้อสื่อโฆษณาได้ไม่มากก็น้อย บางท่านเน้นการทำสื่อโฆษณาโดยการใช้ Ads. แต่บางบริษัท ก็อยากให้ข้อมูลของบริษัทค้นหาเจอบนระบบกูเกิ้ลแบบ organic หรืออยากสร้างแบรนด์ หาฐานลูกค้ารายใหม่ๆ AEC ไกล้จะเปิดแล้ว เรามาเตรียมตัวรองรับกันดีกว่า พันธมิตรหรือคู่ค้า ต่างค้นหาธุรกิจ ค้นหาสินค้า จากระบบค้นหาของ Google แน่นอน ถ้าการค้นหาของทุกระบบค้นหาไม่เจอ เรามา…โฆษณาธุรกิจของคุณ…ด้วยตัวคุณเองกันนะคะ

แม่บ้านไอที  ไอทีแม่บ้าน มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร

มุ่งมั่น พัฒนาสิ่งใหม่ตลอดเวลา ห้ามหยุดพัฒนา ห้ามหยุดหาความรู้ใหม่ ยิ่งเราพัฒนาเรายิ่งเก่งและเป็นผู้นำค่ะ

แน่นอน เก่งอย่างเดียวคงไม่พอ สถาบันการตลาดออนไลน์ “ไอทีแม่บ้าน” เป็นสถาบันที่เปิดสอนคอม สอนไอที สอนคอร์สการตลาดออนไลน์ ที่เน้นปฎิบัติและเน้นการกลับไปพร้อมความรู้ติดตัว เราคงไม่ให้ท่านมานั่งฟังบรรยายเฉยๆ ส่วนหนึ่งต้องมีการเรียน การสอนและการปฎิบัติจริงด้วย การสอนคอม สอนระบบไอที สอนวางระบบโฆษณาบนระบบโซเชียลทั้งระบบ บอกตรงๆ ว่า  ไม่ใช่ว่า ใครๆ ก็สามารถสอนได้ เพราะนักเรียนที่มาเรียนแต่ละคน ความรู้และความสามารถแตกต่างกัน บางท่านเป็นโปรแกรมเมอร์ แต่บางท่านเป็นแม่บ้าน บางท่านอายุ 70 ปี แน่นอน คนสอนไม่ใช่แค่เก่งอย่างเดียว แต่ต้องใจเย็นด้วย

เพราะคนเก่ง บางครั้งก็เหมาะกับการที่ได้อยู่คนเดียว พัฒนาระบบและ ทำงานอยู่คนเดียว ไม่เหมาะที่จะมาเปิดสอนคนเป็นสิบๆ คน…ต้องใจเย็นเป็นน้ำ แม่เจ บอกว่า ใจต้องเย็นยิ่งกว่าน้ำแข็งอลาสก้า และหน้าต้องยิ้มตลอดเวลา นักเรียนท่านใดมีปัญหา เรียนไม่ทัน ต้องรีบเข้าไปดูทันที เวลาที่เจ สอน ไม่ว่าสอนเป็นกลุ่มหรือตัวต่อตัว เจ จะดูว่า ใครเรียนช้าและเรียนเร็ว บางครั้งเราต้องอยู่หน้าจอ แต่ก็แอบมองสีหน้าคนที่คิดว่า เรียนช้า ถ้าเค้าทำหน้าแบบงงๆ คิ้วขมวดเป็นโบว์ เจ จะรีบเดินไปหาเค้าทันที และก็ทำให้ดูอีกที ช้าๆ อย่างตั้งใจทั้งคนเรียนและคนสอน

แน่นอน ระบบที่สอนอาจยาก เพราะเป็นระบบจากต่างประเทศ บางท่านไม่เคยเรียนหรือไม่เคยจับคอมมาก่อน เราไม่อยากให้ท่านคิดว่า เรียนครั้งเดียวแล้วจะเป็น คือ มันเป็นความรู้ด้านคอม ด้านไอที ระบบถึงแม้ไม่ยากแต่ก็ไม่ง่ายจนเกินไป แต่หากเราตั้งใจจริงๆ สักวันเราต้องเก่งขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ

บริหารคน บริหารใจพนักงานอย่างไร

สถาบันสอนการตลาดออนไลน์ : “ไอทีแม่บ้าน”

เปิดบริหารโดยกลุ่ม “แม่บ้าน” ที่สนใจคอมพิวเตอร์ และคิดว่า คอมพิวเตอร์กับมือถือดีๆ สักเครื่องจะช่วยเรา หาความรู้ หาเงินและหางานได้ แน่นอนทีมงานของเราไม่ได้จบสูง

น้องตุกกี้ จบปวส. ไม่มีความรู้ด้านคอมเลย ส่วนน้องกระต่าย จบ ป. 6 อาการหนักกว่าน้องตุกกี้ เพราะน้องกระต่ายอ่านภาษาอังกฤษไม่ออก คำง่ายๆ พอได้ แต่ศัพท์เฉพาะด้าน น้องอ่านไม่ได้เลย แต่น้องเดือดร้อนมา ของานทำ เจ้ ก็กำลังหาคนช่วย

ก็เลยให้น้องช่วยงาน แรกๆ กลัวว่าน้องจะทำได้มัย….เจ ก็เริ่มจากให้น้องรับช่วยรับโทรศัพท์ช่วยจัดคิวสอนให้ และก็พยายามให้น้องมานั่งเรียนรวมกับนักเรียนทุกครั้งที่มีโอกาส น่าแปลกใจและดีใจ ที่ทุกวันนี้สองคนนี้มีการพัฒนาที่ดีมาก ตุกกี้เป็นเด็กที่เข้าใจอะไรช้า เวลาสั่งงานนาง นางจะทำผิดๆ ถูกๆ แต่นางก็พยายามตลอดเวลา

ส่วนต่าย หัวไวกว่า ไหวพริบดีกว่า แต่น่าเสียดายที่ต่ายจบ ป. 6

ตอนนี้เจ้สังเกตุว่า ทั้งสอง เก่งขึ้นเรื่อยๆ และก็สามารถนำความรู้ที่เจ้ สอนไป เอาไปพัฒนาตัวเองและต่อยอดได้เรื่อยๆ หาความรู้ใหม่ๆ ให้กับตัวเองตลอดเวลา เจ้ ก็รู้สึกภูมิใจในผลงานชิ้นโบว์แดงของเจ้ อยู่ ที่เจ้…สามารถสอนเด็กที่จบ ป. 6 ให้ติดกูเกิ้ลได้ ซึ่งนี่ก็เป็นผลงานชิ้นของ “ไอทีแม่บ้าน” เลยนะคะร

ที่จริง เจ มีชื่อเรียก 2 คนนี้ด้วย คือ กุมารเงินและกุมารทอง ตอนแรกก็เลี้ยงไว้ดูเล่นๆ ไม่ได้คิดว่า กุมารเงินกับกุมารทองจะเก่งขึ้น และทุกวันนี้ กุมารเงินและกุมารทองของเจ้ ก็มีผลงานให้เจ้ เห็นมากมาย สิ่งที่เจ้ สอน พวกนางพยายามนำไปพัฒนากันต่อ บางระบบมันต้องมีการพัฒนาเพิ่ม ซึ่งเจ้ ก็ไม่ว่างที่จะไปพัฒนาระบบ แต่นาง 2 คนก็พยายามทำจนได้ แน่นอน เจ้ มีของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ให้กุมารทั้ง 2 นางตลอด เป็นต้นว่า แข่งกันติดกูเกิ้ล ใครทำ keyword นี้ได้ก่อน นางก็แข่งกันทำ แข่งกันสอย keyword ลงมาได้เหมือนกัน ยอมรับว่า “ไอทีแม่บ้าน” ใช้เวลาเพียงไม่นาน ส่วนหนึ่งก็มาจากเด็กสองคนนี้ด้วย เด็กที่ไม่มีความรู้อะไรเลย แต่กลับติดกูเกิ้ลได้…เหมือนสโลแกนของ “ไอทีแม่บ้าน”ป. 6 ก็ติดกูเกิ้ลได้ !!!”

ช่วยบอกหลักการพื้นฐาน แนวคิดทำธุรกิจแบบ “รากหญ้า” ในมุมของไอทีแม่บ้านหน่อยครับ

เพราะความรู้ดีๆ มีค่าและราคาเสมอ !!!

 “อยากให้คนไทยไม่กลัวคอม ให้คอมให้เป็น และหาเงินจากคอมให้ได้

อยากให้คนไทยใช้มือถือให้เป็น และใช้มือถือหางาน หาเงินให้ได้

ยุคนี้สมัยนี้ ทุกบ้านมีอินเตอร์เน็ต มีคอมพิวเตอร์ มีมือถือใช้กันทุกคน

แต่น่าเสียดายที่ทุกคนไม่รู้วิธีหาเงินจากมัน คนที่รู้ก็รวยเงียบๆ ไปนานแล้ว

โน๊ตบุคที่เราอาจมีไว้เพื่อดูหนัง ฟังเพลง เล่นเฟส แต่หากเราใช้เป็นและถูกวิธี

อาจช่วยเราทำงาน หาเงินได้

มือถือแพงๆ ที่เอาไว้เล่นไลน์ เล่นเฟส หากเราใช้เป็น ก็อาจช่วยเรา ทำงานและหาเงินได้

เจ ถือว่า คอมพิวเตอร์หรือโน็ตบุค คือเครื่องมือพิเศษ เปรียบเสมือน Harry Potter

ใช้ไม้กวาดเหาะไป เหาะมา

ส่วนมือถือ Smart Phone ก็เหมือนกับ ไม้กายสิทธิ์ สามารถช่วยเราติดต่อสื่อสารหาลูกค้าได้

ง่ายๆ  ทุกคนมีไม้เท้าวิเศษกับไม้กายสิทธิ์อยู่แล้ว แต่เพียงไม่รู้วิธีใช้มันเอง… แถมมือถือรุ่นใหม่ๆ ก็สามารถทำอะไรได้มากมาย เราเสียเงินซื้อมันมาแล้ว ลองหาโอกาสใช้มันดีๆ นะคะ ไม่แน่นะ มันอาจพาเรารวยก็ได้..

วางแผนอนาคตไว้อย่างไร

“ไอทีแม่บ้าน” มุ่งมั่นพัฒนาคอร์สอบรมการตลาดออนไลน์อย่างต่อเนื่องทุกคอร์ส และพยายามสรรหาความรู้และระบบใหม่ๆ มาเปิดสอนตลอดเวลา “ไอทีแม่บ้าน”

เน้นความรู้ที่สามารถใช้ได้จริง ที่นักเรียนเรียนแล้ว เอากลับไปใช้ได้จริง และพยายามอย่างสุดความสามารถ ที่จะนำเอาความรู้ดีด้านไอทีๆ ความรู้ด้านการตลาดออนไลน์ การตลาดดิจิตอล มาออกแบบคอร์สการเรียน การสอน ทุกคนที่เรียนแล้ว ต้องเข้าใจและนำกลับไปทำตามได้ง่าย คอร์สออกแบบมาให้เรียนง่าย ไม่เครียดและสนุกกับการเรียน ที่สำคัญ ทุกคนต้องได้ประโยชน์สุงสุดกลับไป

ยุคดิจิตอล ไม่จะธุรกิขขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ หรือค้าขายเล็กๆ น้อยๆ อยู่ที่บ้าน ธุรกิจ

เราต้องทำให้ธุรกิจของเราถูกค้นเจอบนระบบกูเกิ้ล Google  และหากเราซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจสามารถทำเองได้ โดยไม่จ้าง ไม่ต้องพึ่งคนอื่น หากเรามีความรู้ที่ดีและชัดเจน เราจะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ เลย ไม่ต้องจ้าง และไม่ต้องซื้อโฆษณา Ads.

ทุกอย่างเจ้าของธุรกิจสามารถทำเองได้นะคะ หากมีคนสอนที่สอนได้ดีและละเอียดพอ

“โฆษณาธุรกิจของคุณ…ด้วยตัวคุณเอง” ซิคะ

ความฝันของเรา คือการเปิดโรงเรียนสอนการตลาดออนไลน์อันดับ 1 ของไทย มีขนาดและพื้นที่กว้างขวาง สามารถสอนได้หลากหลายคอร์ส เพื่อพัฒนาเจ้าของธุรกิจรุ่นเก่า รุ่นใหม่ คนที่อยากเรียนรู้แต่ไม่กล้าที่จะเรียนรู้ ด้รับรู้สิ่งใหม่ๆ และมีโอกาสพัฒนาทั้งตัวเอง และธุรกิจให้ดีขึ้น

มีสถานที่ให้กลุ่มพ่อบ้านและแม่บ้าน ที่ใส่เสื้อยืด กางเกงขาสั้น ลากแตะมาเรียนได้อย่างสบายใจ

แม่บ้านธรรมดา ก็สามารถมีรายได้ง่ายๆ เล็กๆ น้อยจากที่บ้านได้ โดยการทำงานผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ที่สำคัญ สามารถวางระบบโฆษณาสินค้าเองได้ โดยไม่ต้องลงทุนสักบาท สิ่งเหล่านี้จะเกิดไม่ได้เลย ถ้าทุกคนขาดความรู้เฉพาะด้าน และไม่ได้เรียนกับมืออาชีพที่ชำนาญด้านระบบโดยตรง คนสอนต้องตั้งใจสอน และคนเรียนต้องตั้งใจเรียน ไม่ย่อท้อ ไม่ล้มความตั้งใจไปก่อน

ฝากข้อคิดให้กับเพื่อนๆ เถ้าแก่ใหม่หน่อยครับ

ยุดดิจิตอลเข้ามาแล้วนะคะ อย่ากลัวว่า จะหาลูกค้าไม่ได้ ลุกค้ามีอยู่มากมาย ยุคนี้ มือถือคนละเครื่องก็สามารถค้นข้อมูลได้ทุกระบบ คงไม่ดีแน่ หากลูกค้าค้นหาข้อมูลของธุรกิจของคุณไม่เจอบนระบบกูเกิ้ลเลย และร้ายไปกว่านั้น ลูกค้าอาจเจอแต่ข้อมูลของคู่แข่ง…อันนี้ท่านต้องคิดแล้วนะคะ ยุคใหม่ โลกใหม่ ก้าวเข้ามาเรื่อยๆ AEC เปิด คนทั้งโลก ประเทศหลายประเทศจะเชื่อมกันและร่วมเป็นพันธมิตรทำธุรกิจร่วมกัน เจ มั่นใจว่า หากคู่ค้าของเราจากประเทศลาวค้นหาพันธมิตรที่ไทย สิ่งแรกที่เค้าจะใช้ในการค้นหา หรือหลายๆ คนใช้ คือการค้นหาจากระบบกูเกิ้ล หากเค้าเจอข้อมูลเราก่อนก็ดี…แต่หากเจอของคู่แข่งก่อนละคะ เจ้าของธุรกิจ

ไม่ว่าจะขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ คงต้องเริ่มเตรียมตัว วางระบบ ทำข้อมูลของธุรกิจให้ค้นหาเจอบนระบบค้นหาของกูเกิ้ลก่อน Google หากเราไม่มีความรู้ เราต้องจ้าง ค่าจ้างก็แสนแพง

เจ ว่า เราทุ่มเงินสักก้อน และเวลาสัก 4-5 วัน มาเรียนเอาความรู้อย่างจริงๆ ดีกว่านะคะ

เจ้าของธุรกิจ ควรโฆษณาธุรกิจของตัวเองให้เป็น อย่าไว้ใจลูกน้อง อย่าไว้ใจบริษัทรับจ้างนะคะ เพราะเราเท่านั้น ที่รู้ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจของเรา

  ช่องทางติดต่อธุรกิจ

รับปรึกษา/สอนการตลาดออนไลน์

คุณเจ

โทร. 098-469-9593, 090-970-2251

Facebook : ไอทีแม่บ้าน คุณเจ

Fan Page : สอนการตลาดออนไลน์ By ไอทีแม่บ้าน

Line: japanjah

Line : tel.tukky

แจ้งว่ามาจาก “เถ้าแก่ใหม่” มีส่วนลดพิเศษให้

หรือสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

www.ไอทีแม่บ้าน.com

ขอบคุณค่ะ

ท่านที่สนใจติดต่อปรึกษาธุรกิจ ท่านสามารถแวะมาที่ออฟฟิตได้ทุกวัน

ออฟฟิตอยู่ที่ชั้น 1 คอนโดไดมอนด์สุขุมวิท บนถนนสุขุมวิท ระหว่างซอยสุขุมวิท 48/3 และ 48/4 ใกล้ๆรถไฟฟ้าอ่อนนุช

ไอทีแม่บ้าน ยินดีต้อนรับและรอสอนอยู่นะคะ รับรองไม่ดุ

สอนดีเหมือนหน้าตาเลยค่ะ ขอฟันธง !!!

เถ้าแก่ใหม่วิเคราะห์ธุรกิจ

 ธุรกิจขายความรู้ ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาถือว่าเป็นยุคที่บูมมากครับ มีสัมมนาทั้งปีแทบทุกวัน ทั้งเฉพาะทาง แรงบันดาลใจ วิทยากรทั้งในและต่างประเทศหลากหลายครับ

การจะแข่งขันในธุรกิจนี้ได้ต้องมี 2 ปัจจัยพื้นฐานครับ

1.วิทยากรต้องเป็น  “ตัวจริง” ในศาสตร์แขนงนั้น ๆ

2.มีความต่าง ในความเหมือนที่เป็นอยู่

ไอทีแม่บ้าน จับตลาดที่เป็น “รากหญ้า” เข้าถึงอีกกลุ่มคนที่เป็น ตลาดจำเพาะ แค่ชื่อก็เข้าถึงได้แล้ว

คอร์สทางด้านการตลาดออนไลน์แม้จะมีมากหลายสำนัก แต่ไอทีแม่บ้าน ก็แทรกเข้าไปได้เพราะมีกลุ่มคนที่เป็น “แม่บ้าน พ่อบ้าน” ที่ไม่กล้าจับ กล้าทำ ตลอดจนกล้าเรียน กับที่อื่นเพราะอาจจะลึกเกินไป หรือใช้ภาษาที่ยากเกินไป

คนวัยเดียวกัน…สื่อสารกันได้ง่ายกว่า

ตลาดของ ไอทีแม่บ้าน ยังสดใสอีกมากครับ ทราบเท่าที่ยังยืนอยู่ในจุดที่ตัวเองมั่นใจ และทำมา ไม่หลุดออกจากตำแหน่งธุรกิจที่ได้วางเอาไว้ตั้งแต่ต้น

ว่าแล้ว “พ่อบ้าน” อย่าง “เถ้าแก่ใหม่” ขอไปสมัครเป็นลูกศิษย์ ไอทีแม่บ้าน แบ่งปันความรู้ประสบการณ์กันดีกว่า จะได้ช่วยกันพัฒนาธุรกิจกันต่อไป