เทคโนโลยีบล็อกเชนเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่กำลังจะมีอิทธิพลและส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกใบนี้ หลาย ๆ คนเริ่มตื่นตัวกับการนำเทคโนโลยีใหม่นี้มาใช้ประโยชน์และเริ่มที่จะมีคำเรียกสินทรัพย์ที่เกิดจากการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้งาน โดยสินทรัพย์ดังกล่าวถูกเรียกว่า สินทรัพย์ดิจิทัลหรือ Digital asset ซึ่งข้อดีของเทคโนโลยีบล็อกเชนที่ถูกพัฒนาขึ้นมานี้ก็คือการเปิดโอกาสให้ผู้ที่มองเห็นประโยชน์สามารถที่จะสร้างสรรค์ผลงานต่าง ๆใหม่ ๆ ขึ้นมาได้อย่างไร้ขีดจำกัด และรวมไปถึงก่อกำเนิดเป็น Business model ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจเพิ่มมากขึ้น จริง ๆ แล้วเทคโนโลยีบล็อกเชนคืออะไรกันแน่และมีคุณสมบัติที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ในอนาคตได้อย่างไร บทความนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับเทคโนโลยีเปลี่ยนโลกนี้กันให้มากขึ้น

เมื่อตัวกลางในการทำธุรกรรมต่าง ๆ ในปัจจุบันนั้นยังไม่ตอบโจทย์ เราจึงมองหาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหานี้

ในทุก ๆ ธุรกรรมบนโลกใบนี้จำเป็นต้องอาศัยตัวกลางในการเข้ามาช่วยดำเนินการบางอย่างเพื่อให้ทุก ๆ ธุรกรรมสามารถดำเนินการจนแล้วเสร็จ แต่เชื่อไหมว่าหลาย ๆ ครั้งตัวกลางที่เข้ามาช่วยทำธุรกรรมให้เรานี้เราเองก็แทบไม่รู้เลยด้วยซ้ำถึงการมีอยู่ของพวกเขา ตัวอย่างเช่นหากเราต้องการผลิตบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาโดยที่เราต้องการที่จะยืนยันสถานะความเป็นเจ้าของสิ่งที่เราสร้างขึ้น สิ่งที่เราต้องไปทำก็คือการตรงไปที่หน่วยงานที่เขารับจดทะเบียนเพื่อยืนยันสิทธิ์ในความเป็นเจ้าของสิ่งที่เราสร้างขึ้นมานั้น เพื่อให้เขาทำหน้าที่มอบความคุ้มครองให้เราถึงสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของเพื่อไม่ให้ใครเอาผลงานของเราไปแอบอ้างหรือใช้ประโยชน์โดยที่เราไม่ยินยอมได้ หรือหากเรามีเงินเก็บหรือทรัพย์สินจำนวนหนึ่งก็คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ที่เราจะเก็บทรัพย์สินของเราเอาไว้กับตัวตลอดเวลาหากทรัพย์สินนั้นมีมูลค่าสูง เราจำเป็นต้องนำทรัพย์สินนั้นไปฝากไว้กับแหล่งที่รับฝากที่เราไว้ใจได้ซึ่งก็อาจเป็นธนาคารต่าง ๆ เป็นต้น

โดยสิ่งที่จะเข้ามาช่วยเสริมความน่าเชื่อถือให้กับการรับฝากสินทรัพย์ที่เรามีก็คือข้อกฎหมายต่าง ๆ ที่ออกมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของเรานั่นเอง นี่ก็คือความหมายของตัวกลางนั่นเอง หากเรามีตัวกลางที่ดีก็ทำให้การดำเนินการต่าง ๆ ของเรามีแต่ความราบรื่นและในทางตรงกันข้ามการมีตัวกลางที่ไม่ดีก็สร้างปัญหาให้กับเราไม่น้อยเช่นกันเพราะเราไม่สามารถที่จะเลือกได้ว่าเราต้องการตัวกลางแบบไหน มีความยืดหยุ่นพอที่จะตอบสนองความต้องการของเราอย่างไรหรือจะช่วยลดปัญหาความผูกขาดของพวกเขาได้อย่างไร ปัญหาเหล่านี้เองที่ทำให้มีผู้ที่ต้องการค้นหาเทคโนโลยีบางอย่างที่จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวและกลายเป็นที่มาของการสร้างเทคโนโลยีบล็อกเชนนั่นเอง

ความน่าเชื่อถือคือสิ่งสำคัญที่ตัวกลางต้องมี

หากพูดถึงตัวกลาง สิ่งที่ทำให้ตัวกลางสามารถดำเนินการได้อย่างราบรื่นและสามารถเป็นตัวกลางในการทำทุก ๆ ธุรกรรมได้ก็คงต้องบอกว่าสิ่งที่ตัวกลางต้องการมากที่สุดก็คือความน่าเชื่อถือหรือ Trust เพราะความน่าเชื่อถือคือคุณสมบัติรวมทั้งในเรื่องของความสามารถในการให้บริการ เทคนิคและวิธีการในการให้บริการ ดังนั้นความน่าเชื่อถือจึงเป็นสิ่งราคาแพงและมีต้นทุนที่สูงมากทีเดียว และไม่ใช่เป็นสิ่งที่ใครก็ได้จะมีได้ นี่คือโจทย์ใหญ่มากที่เทคโนโลยีบล็อกเชนจะต้องสร้างความน่าเชื่อถือให้เกิดขึ้นให้ได้หากต้องการผลักดันการทำธุรกรรมต่าง ๆ บนบล็อกเชนโดยไม่อาศัยตัวกลางให้เกิดขึ้นให้ได้

บล็อกเชนคืออะไรและมีความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด

บล็อกเชนคืออะไร

ลองนึกถึงการทำธุรกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นหรือการสร้างสรรค์ผลงานใหม่ ๆ ออกมา ทุก ๆ ธุรกรรมหรือผลงานต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเราจะต้องนำไปแจ้งต่อตัวกลางซึ่งจะมีหน้าที่ในการจดบันทึกสิ่งที่เกิดขึ้นมานั้น เราเรียกการจดบันทึกนี้ว่า Ledger ซึ่งในสมัยก่อนการจดบันทึกนี้จะต้องใช้สมุดเป็นเครื่องมือ แต่เมื่อคอมพิวเตอร์ถือกำเนิดขึ้นมาเราก็โยกย้ายการบันทึกนี้ลงไปไว้ในคอมพิวเตอร์แทน และเมื่อใดที่ข้อมูลที่จดบันทึกเต็มหน้ากระดาษเราก็จะต้องขึ้นหน้าใหม่และเริ่มบันทึกข้อมูลใหม่ ๆ ลงไปเรื่อย ๆ เมื่อข้อมูลมีปริมาณมากขึ้นเราจะเริ่มมองเห็นภาพรวมของข้อมูลทั้งเก่าและใหม่เป็นยูนิตย่อย ๆ มากมายโดยตัวยูนิตย่อยของชุดข้อมูลในแต่ละหน้าที่เราทำการบันทึกไปนี้แหละที่เขาเรียกกันว่า Block” โดยบล็อกต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนั้นมีการผูกสายต่อเนื่องกันเรื่อย ๆ เราจึงเรียกทั้งหมดทั้งมวลนี้ว่า Blockchain” ซึ่งเป็นวิธีการในการเก็บข้อมูลในรูปแบบหนึ่งนั่นเอง

ขั้นตอนสมัคร Bitkub

กดปุ่มด้านล่างเพื่อสมัคร

ขั้นตอนสมัคร Bitkub

สิ่งสำคัญของบล็อกเชนอยู่ที่ลำดับของการบันทึกข้อมูลต่าง ๆ ลงไปซึ่งจะมีการนำเทคโนโลยีที่เรียกว่า Cryptography มาใช้เพื่อช่วยการันตีว่าจะไม่มีใครสามารถเข้าไปแก้ไขข้อมูลต่าง ๆ ที่ถูกบันทึกเหล่านี้ได้จึงทำให้บล็อกเชนถือว่ามีความปลอดภัยที่สูงทีเดียว

แต่กระนั้นระบบเองก็ยังคงต้องการผู้ที่จะเข้ามาทำหน้าที่ในการตรวจสอบหรือที่เรียกว่าเข้ามาทำหน้าที่เป็นตัวกลาง แต่ระบบเองก็ไม่ได้ต้องการตัวกลางที่มีอำนาจมากเกินไปและเข้ามาผูกขาดการทำงานของระบบ ระบบจึงออกแบบการทำงานในการตรวจสอบขึ้นมาใหม่ซึ่งเรียกว่า Distributed คือการที่ทุกคนที่เข้ามาใช้งานร่วมกันเข้ามาทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการตรวจสอบข้อมูลต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบนบล็อกเชนโดยไม่มีการผูกขาดจากใครคนใดคนหนึ่งนั่นเอง ด้วยระบบเช่นนี้จึงทำให้เกิดเป็นคุณสมบัติที่โดดเด่นของบล็อกเชนก็คือ

Data Immutability หรือการที่ไม่สามารถเข้าไปแก้ไขข้อมูลที่เกิดขึ้นได้

Transparency คือทุกคนสามารถเห็นข้อมูลทั้งหมดได้จึงทำให้บล็อกเชนมีความโปร่งใสและตรวจสอบได้

Availability มีความพร้อมในการใช้งานที่แม้ผู้ตรวจสอบหรือ Node จะหายไปครึ่งหนึ่งระบบก็ยังสามารถทำงานต่อไปได้

โดยการตรวจสอบนี้ทุกคนที่เข้ามาเป็นตัวกลางหรือที่เรียกว่า Node จะใช้คอมพิวเตอร์ของตนเองในการตรวจสอบและช่วยรันระบบทำให้เกิดความน่าเชื่อถือ และNode เหล่านี้จะได้รับค่าตอบแทนที่เรียกว่าค่า Gas เป็นสิ่งตอบแทน

ทั้งหมดนี้ก็คือความหมายของคำว่าบล็อกเชนเทคโนโลยีที่จะเข้ามามีส่วนสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงโลกในอนาคตอันใกล้นี้ที่เราไม่อยากให้คุณพลาด การที่เรายิ่งรู้ก่อนและปรับตัวได้ไวจะทำให้เราทันรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่จะถึงนี้และเตรียมพร้อมสำหรับการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเปลี่ยนโลกนี้นั่นเอง

อ้างอิง: https://academy.cea.or.th/course/52/playlist/429

สั่งซื้อ Ebook NFT 101 ก้าวแรกสู่โลก NFT