ตลาดออนไลน์ที่การแข่งขันมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ ผลักดันให้หลายธุรกิจสนใจช่องทางนี้อย่างจริงจัง มองหากลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อขยายโอกาสที่ลูกค้าจะมองเห็น แต่ด้วยสถานการณ์ในช่วงนี้ที่ต้องปรับตัวให้ธุรกิจอยู่รอด เตรียมพร้อมให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต สร้างความกังวลให้ผู้ประกอบการไม่น้อย มาดูกันว่า ทิศทางการตลาดในปีนี้เป็นยังไง ขายออนไลน์ต้องปรับตัวอย่างไรในปี 2022  จากมุมมองและประสบการณ์ของคุณ ชัยยุทธ์ เจนวิริยะโสภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โทมาโต้ ไอเดียส์ จำกัด และ KetShopWeb  ผู้ให้บริการเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซสำเร็จรูปแบบครบวงจร

ขายออนไลน์ให้ปัง 2022 ใช้สื่อหลากหลายช่องทางในการติดต่อสื่อสารและซื้อขาย

ขายออนไลน์ให้ปัง 2022

คุณชัยยุทธ์ให้ความเห็นว่า แนวทางการทำการตลาดออนไลน์ในปี 2022 ผู้ประกอบการเน้นไปที่การลดต้นทุนทางการตลาด แต่ต้องได้ประสิทธิภาพสูงสุด ในช่วงปีแรกของสถานการณ์โควิด-19 หลายคนเริ่มตื่นตัวกับการขายออนไลน์มากขึ้น แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีบางกลุ่มที่ใช้เครื่องมือนี้อยู่แล้วทำให้ไปได้เร็ว บางกลุ่มอยู่ในช่วงเริ่มต้นเรียนรู้ เพิ่งปรับตัวเข้าสู่ออนไลน์ต้องใช้ระยะเวลาในการลองผิดลองถูก ช่วงโควิดปีแรกจึงมีแต่กลุ่มคนที่ขายออนไลน์อยู่ก่อนแล้วที่เติบโต ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่ยาวนานกว่าที่คาดไว้ อาจเป็นตัวกระตุ้นให้คนที่เริ่มขายออนไลน์ต้องปรับตัวให้เร็วขึ้น เรียนรู้ให้ไวขึ้น ส่งผลให้การขายออนไลน์ในช่วงปีที่ผ่านมาเติบโตสูงขึ้นตามไปด้วย แม้แต่แบรนด์ขนาดเล็กก็เริ่มเน้นการทำออนไลน์มากขึ้น

การตลาดหลังจากนี้คุณชัยยุทธ์มองว่า จะเป็นการผสมผสานหลายเครื่องมือ เป็นการตลาดแบบเฉพาะกลุ่มมากขึ้น อยู่ที่การปรับตัวของผู้ประกอบการว่าจะสามารถปรับตัวให้ทันต่อสถานการณ์ในตอนนี้ได้หรือไม่ เห็นได้ชัดว่าหลายแพลตฟอร์มมีการอัพเดตอยู่เรื่อยๆ อย่างล่าสุดที่ Facebook ได้เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น “Meta” สะท้อนแนวทางการดำเนินธุรกิจในอนาคตที่เน้นสร้าง “Metaverse” (สภาพแวดล้อมเสมือนจริง) ในส่วนของผู้ประกอบการเองก็เริ่มทำการตลาดในหลายแพลตฟอร์มเช่นกัน

ศึกษาเทคโนโลยีที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว

จากเว็บบอร์ด โซเชียลมีเดีย การไลฟ์สด สู่สินทรัพย์ดิจิทัล แนวทางของเว็บไซต์ในอนาคตที่มีการพัฒนาจากเว็บไซต์ในยุคเริ่มต้นราวปี 1990 – 2000 ที่เรียกว่า Web 1.0 ทำหน้าที่ให้ข้อมูลข่าวสารในรูปแบบสื่อสารทางเดียว ได้พัฒนาเป็น Web 2.0 สามารถทำได้ทั้งอ่านและเขียนเพื่อโต้ตอบกันได้อย่างอิสระเป็นการสื่อสารสองทาง ผู้ใช้งานสามารถเป็นได้ทั้งผู้สร้างสรรค์ Content ต่างๆ และผู้บริโภค รูปแบบของเว็บไซต์ที่กำลังจะพัฒนาขึ้นมาในอนาคตอย่าง Web 3.0 เทคโนโลยีการใช้งานถูกขับเคลื่อนด้วย AI (Artificial Intelligent)    อย่างกระแสของคริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) ที่ได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ผู้ประกอบการหันมาศึกษาทำความเข้าใจเทคโนโลยี Blockchain เพิ่มขึ้น เพื่อนำไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจในอนาคต แต่ก็ต้องดูรูปแบบการใช้งานกันอีกทีอย่างช่องทางการชำระเงินในยุคนี้มีหลายรูปแบบ เริ่มมีการใช้สกุลเงินดิจิทัลในการชำระสินค้า ธุรกิจออนไลน์ก็ควรศึกษาไว้เพื่อรองรับรูปแบบการชำระเงินที่หลากหลายเช่นกัน ในส่วนของ NFT ส่วนตัวคุณชัยยุทธ์มองว่า เป็นการสร้างโอกาสให้กับสินทรัพย์ที่มีลิขสิทธิ์

เว็บไซต์เป็นอีกช่องทางการขายออนไลน์ให้ปัง 2022

โซเชียลมีเดีย และแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เป็นช่องทางในการขายออนไลน์ที่ผู้ประกอบการมือใหม่ใช้เพื่อโปรโมทร้านค้าหรือแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก อย่างไรก็ตามคุณชัยยุทธ์มองว่า เว็บไซต์มีความสำคัญเช่นกัน เปรียบเหมือนนามบัตรของร้าน ทำให้ลูกค้าค้นหาเจอ เป็นการตลาดแบบตั้งรับ เว็บไซต์ย่อมมาคู่กับแบรนด์ เป็นจุดเชื่อมต่อกับหลายช่องทางออนไลน์ สามารถจัดการข้อมูลและเก็บฐานข้อมูลลูกค้าได้ เพื่อนำมาวิเคราะห์การตลาดต่อไป การขายผ่านช่องทางเดียวอาจจะเสี่ยงเกินไป หากช่องทางนั้นเกิดปัญหาต้องใช้เวลาในการจัดการ ทำให้เสียโอกาสในการขายได้

Sale page อีกหนึ่งตัวช่วยในการปิดการขาย รูปแบบการทำการตลาดเชิงรุก มีผู้ให้บริการ Sale Page ที่น่าสนใจมากมาย ซึ่ง Sale page คือ หน้าเว็บไซต์ที่แสดงข้อมูลต่างๆ ของสินค้าอยู่ในหน้าเดียว เช่น รายละเอียดสินค้า รูปภาพ วิดีโอ รีวิวจากลูกค้า โปรโมชั่น และราคาสินค้า ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ไม่ชอบอ่านอะไรยาวๆ ช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อสินค้าได้เร็ว ทั้งเว็บไซต์และ Sale page  ต่างมีข้อดีแตกต่างกัน อย่างเว็บไซต์เป็นการสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์ ต้องให้ความสำคัญกับการทำคอนเทนต์ และอาศัยเวลากว่าที่ลูกค้าจะค้นหาเราเจอ ส่วน Sale page  อาจจะต้องลงทุนด้านสื่อกับการทำโฆษณา เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ลูกค้าหาเราเจอ มียอดขายเพิ่มขึ้น ต้องผสมผสานการตลาดสองรูปแบบนี้ควบคู่กัน

เก็บข้อมูลลูกค้ายังไง และนำไปใช้ประโยชน์อย่างไร

หนึ่งในปัจจัยที่ช่วยให้ธุรกิจเติบโตคือ ข้อมูลลูกค้า ผู้ประกอบการบางรายขายออนไลน์หลายช่องทาง แต่ไม่มีการเก็บข้อมูลลูกค้าไว้เลย ซึ่งเครื่องมือในการเก็บข้อมูลมีให้เลือกใช้มากมาย แต่ต้องรู้จักวิธีการใช้งาน ใช้ช่องทางใดในการขายก็ควรเลือกให้เหมาะกับช่องทางนั้น หลายคนคิดว่าเว็บไซต์ไม่สามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ได้ (Target Audiences)  ในส่วนนี้คุณชัยยุทธ์ให้ความเห็นว่า เว็บไซต์สามารถสร้างกลุ่มเป้าหมายให้ตรงกับธุรกิจได้เช่นกัน แต่อาจไม่แม่นยำเท่ากับโซเชียลมีเดีย อย่างพฤติกรรมการซื้อสินค้าข้ามแพลตฟอร์มของลูกค้าก็น่าสนใจเช่นกัน เช่น ลูกค้าซื้อครั้งแรกจากแพลตฟอร์ม A ซื้อครั้งที่สองจากแพลตฟอร์ม B  ถ้าไม่มีการเก็บข้อมูลลูกค้าไว้ เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเป็นลูกค้าคนเดียวกัน ผู้ประกอบการบางรายเน้นปิดการขายเป็นหลัก อยากได้ยอดขายเพิ่ม ซึ่งการที่เรารู้ว่าลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ ช่วยเรื่องการทำการตลาดไปได้มากเมื่อเทียบกับการหาลูกค้าใหม่

เป็นเรื่องที่ดีหากรู้ว่าลูกค้าเคยซื้อผ่านช่องทางไหนบ้าง หรือเข้ามาดูแล้วแต่ไม่ซื้อช่องทางไหนบ้าง ทำให้รู้ว่ากลุ่มลูกค้าของเรานิยมซื้อสินค้าผ่านช่องทางไหน สามารถวางแผนการตลาดเชิงรับได้แม่นยำมากขึ้น แต่การเก็บข้อมูลของลูกค้าเองจากหลายช่องทางแล้วนำมารวมกัน ไม่ว่าจะเป็น Line Official Facebook SHOPEE  LAZADA และอื่นๆ เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยุ่งยาก รูปแบบการทำงานของ OmniChannel ที่รวมข้อมูลลูกค้าแต่ละช่องทางไว้ในที่เดียว สะดวกต่อการจัดเก็บและใช้ข้อมูล รู้ว่าลูกค้าคนใดกลับมาซื้อซ้ำ ควรจะทำโปรโมชั่น หรือให้สิทธิพิเศษอะไรดี อย่าง Ketshopweb เป็น Omnichannel Platform ที่ใช้งานง่าย เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มได้หลากหลายประเภท ตอบโจทย์ร้านค้าออนไลน์อย่างครบครันและมีประสิทธิภาพ สร้างความประทับใจในบริการแก่ลูกค้า เพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้กับแบรนด์

ในส่วนของการลงโฆษณาต้องยอมรับว่าในยุคนี้ทำได้ยากขึ้น และค่าโฆษณาแพงขึ้น คุณชัยยุทธ์แนะนำว่า ถ้าจะให้คุ้มค่าต้องวัดผลได้ เช่น ยิงโฆษณาด้วยมูลค่าเท่านี้ มีคนเข้ามาเท่าไหร่ ยอดซื้อเท่าไหร่ หากยิงแอดไปแต่วัดผลไม่ได้ก็ควรพักก่อน คุณชัยยุทธ์มองว่า โฆษณาเป็นเพียงตัวช่วยที่ทำให้ลูกค้ารู้จักเรามากขึ้น สำคัญคือ ต้องรู้ว่าใครคือกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ลูกค้าต้องการอะไร ทำไมอยากได้สินค้า และทำอย่างไรให้ลูกค้ารู้จัก ถ้าตอบคำถามเหล่านี้ได้ ก็จะเริ่มเห็นแนวทางในการทำการตลาด เพื่อให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำหรือบอกต่อ

สำหรับแนวทางในการปรับตัวปี 2022  สิ่งสำคัญคือ พยายามรักษาลูกค้าเก่าไว้ให้มากที่สุด เพราะการหาลูกค้าใหม่มีต้นทุนที่สูง ขณะเดียวกันต้องเรียนรู้เทรนด์การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีที่กำลังจะเกิดขึ้น ศึกษาเครื่องมือทางการตลาดที่เหมาะสม เพื่อนำไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ