ผ่านร้อนผ่านหนาวมา 66 ปี สำหรับชีวิตของอดีตดาวตลกแถวหน้าชื่อดัง “เทพ โพธิ์งาม” ที่เชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จัก หรือที่ใคร ๆ ในวงการต่างพากันเรียกว่า ป๋าเทพ ที่ช่วงหลังผันตัวออกมาจากการเป็นตลก เพื่อมาจับธุรกิจอยู่หลายอย่าง แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะเจ๊งไม่เป็นท่า

ทำให้เห็นถึงสัจธรรมเลยว่า แม้จะเป็นดารา นักแสดง ตลก หรือคนมีชื่อเสียง หากแต่การบริหาร ธุรกิจที่ไม่มีการวางแผนด้วยแล้ว ก็ทำให้ไม่ประสบความสำเร็จได้เช่นกัน

อย่างป๋าเทพนี่ล้มลุกคลุกคลานมาไม่น้อย แม้ว่าที่ผ่านมาจะไม่ประสบความสำเร็จในธุรกิจที่ทำมากมาย แต่ป๋าเทพก็ไม่ย่อท้อ พร้อมกลับลุกขึ้นฮึดสู้ใหม่อีกครั้ง

ล่าสุดได้เปิดร้านข้าวต้มเล็กๆ ริมถนน แต่กลับโด่งดังเรื่อง “ขนมเปี๊ยะขั้นเทพ” รวมถึง ซาลาเปา และปาท่องโก๋ ที่ป๋าเทพลงมือนวดแป้งเองทุกวัน โดยร้านนี้เปิดอยู่แถวคลองโยง จ.นครปฐม

ป๋าเทพไม่ได้เทพแค่ชื่อ เพราะแกออกจากบ้านมาทำงานเผชิญชีวิตตั้งแต่อายุ 12 ขวบ เรียกได้ว่า ชีวิตของป๋าเทพมีแต่การเดินทางและการผจญภัยที่ไม่สิ้นสุด

และเมื่อประสบความสำเร็จในการเล่นตลกคาเฟ่ ซึ่งต่อยอดทำให้มีชื่อเสียงต่อในวงการบันเทิงด้วยการเป็นนักแสดงตลก ทั้งทางหนังและละคร ด้วยความที่ป๋าเทพเป็นคนชอบลองและชอบทำอะไรแปลกๆใหม่ ๆ อยู่เสมอ

ด้วยแนวคิดหลากหลาย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ป๋าเทพจะทำมาแล้วหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอู่ซ่อมรถ ขายอะไหล่รถ เปิดร้านขายเครื่องเซรามิก ทำร้านเสริมสวย และธุรกิจร้านอาหาร แม้แต่ซาเล้งขายก๋วยเตี๋ยว หรือร้านหมูกระ ทะร้านใหญ่อลังการที่ลาดพร้าวและรามอินทรา น้ำนมข้าวโพดอันโด่งดัง และผลิตภัณฑ์จากข้าว ที่เป็นทั้งแบบวัตถุดิบและสำเร็จรูป

ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ป๋าเทพเคยลองทำมาแล้วทั้งสิ้น ถึงขนาดที่ว่าให้บอกชื่อร้านอาหารร้านแรก ป๋ายังบอกจำไม่ได้ด้วยซ้ำ ทั้ง ๆ ที่ผ่านการทำธุรกิจมากมาก บวกกับประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ป๋าเทพทุ่มทุนไปแล้วเป็นหลักล้าน บางครั้งโชคชะตาก็ชอบเล่นตลกกับชีวิตคน เพราะทุก ๆ ธุรกิจที่เอ่ยมาทั้งหมดได้ปิดกิจการหรือ “เจ๊งไปหมดแล้ว”

แม้จะผ่านการเจ๊งของธุรกิจมานับไม่ถ้วน ล่าสุดป๋าเทพได้กลับมาเดินทางบนธุรกิจสายร้านอาหารอีกครั้งกับร้าน “ครัวคุณเทพ” ที่พึ่งเปิดใหม่สดๆร้อนๆ  ซึ่งทุกๆ วัน ป๋าเทพจะตื่นตั้งแต่ตี 3 เช้าตรู่ มาทำแป้งสำหรับทอดปาท่องโก๋ พอนวดเสร็จ ตอนที่ปล่อยให้แป้งพัก ก็จะทำหน้าที่สั่งของจากตลาด หลังทอดปาท่องโก๋เสร็จ ป๋าเทพก็เริ่มตวงของเพื่อตีแป้งขนมเปี๊ยะต่อ

แม้ที่เห็นผิวเผินอาจเป็นงานสบาย เพราะแค่ใส่ทุกอย่างเข้าเครื่องมิกซ์เซอร์อันใหญ่ เพียงแค่กดปุ่มตีก็เป็นอันเสร็จ แต่บางวันป๋าเทพลงมือนวดแป้งเองกับมือ ตั้งแต่ผสมวัตถุดิบไปจนถึงการนวดแป้ง ให้เนื้อเนียนเป็นก้อนเดียวกัน

หลังจากที่มีคนทราบข่าวก็ทำให้มีลูกค้ามาอุดหนุนเรื่อย ๆ แม้แต่หลานสาวอย่างหญิง รฐา ที่ไปโพสต์เรื่องขนมเปี๊ยะขั้นเทพ ทำให้ทุกวันนี้ ขนมเปี๊ยะของป๋าเทพ เป็นสินค้าขายดีที่สุดในร้าน และมีชื่อเสียงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

ป๋าเทพได้ผ่านร้อนผ่านหนาวในการทำธุรกิจมามากมาย เป็นแบบอย่างของคนสู้ไม่ย่อท้อและสามารถให้กำลังใจตนเองครั้งแล้วครั้งเล่าในการทำธุรกิจ ผมจึงอยากพาทุกท่านมาค้นหาแนวคิดในการทำธุรกิจของป๋าเทพกันเพื่อสร้างแรงบันดาลใจและสามารถนำไปต่อยอดธุรกิจของทุกคนได้ มาดูกันเลยครับ กับ

15 แนวคิด “ป๋าเทพ” – เทพ โพธิ์งาม

1.การทำร้านอาหาร มันเหมือนกับได้ทำอะไรใหม่ๆ

เพราะการทำร้านอาหารตามแนวคิดของป๋าเทพ ที่บอกว่าก็สนุกดี มันแปลกกว่าอยู่บนเวที  เพราะการทำร้านอาหาร มันเหมือนกับได้ทำอะไรใหม่ๆ  ตอนนวดแป้งแค่คิดว่าต้องทำให้ได้

2.One-Man-Show

กับแนวคิดที่ว่าจะต้องเป็น One-Man-Show เพราะจะต้องทำคนเดียวทุกอย่างเองหมด  ตอนทำยังต้องมารับแขกที่กำลังทยอยเข้ามาเรื่อย ๆ ด้วยรอยยิ้มและเป็นกันเองสุด ๆ ซึ่งจะทำให้เข้าถึงลูกค้าได้ง่าย อย่าไปคิดว่าเราเป็นคนดัง คิดว่าเราก็เป็นแค่พอค้าคนหนึ่ง

3.มีอะไรอยู่ติดตัว เราก็ต้องใช้มัน

ทุก ๆ สิ่งที่ป๋าเทพทำก็ขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อม  กับแนวคิดที่ว่าตอนนั้นเราอยู่กันที่ใด… และมีอะไรอยู่ติดตัว เราก็ต้องใช้มันให้คุ้มค่า และต้องลองทำสิ่งใหม่ ๆ หากปล่อยไว้เฉย ๆ มันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

4.สิ่งที่เขาเจอก็จะสอนตัวของเขาเอง

ไม่เพียงแต่แนวคิดเรื่องการทำร้านอาหารเท่านั้น หากแต่การสร้างบุคลากรของร้าน“ครัวคุณเทพ” ก็จำเป็นต้องมีทีมที่แข็งแกร่งเช่นกัน กับแนวคิดที่จะสร้างบุคลากรคุณภาพรุ่นใหม่ ๆ ก็ใช่ว่าจะทำกันได้ง่ายๆ “เด็ก ๆ แถวบ้านรักสนุกไม่ค่อยเอาอะไรเท่าไหร่ ในเมื่อเขาอยากจะเป็นอะไรก็เรื่องของเขา สิ่งที่เขาเจอก็จะสอนตัวของเขาเอง เด็กยุคนี้เขาไม่ค่อยเชื่อหรอก ต้องให้เขาได้เจอเองบ้าง สิ่งที่เขาไม่เคยเจอก็ค่อยให้มันเป็นบทเรียนต่อไป ซึ่งเขาจะได้ระวังตัวของเขาเอง  เพราะหากของทุกอย่างถ้าเราไประวังให้เขา ต่อไปเขาก็จะไปไหนไม่ได้ ต้องจูงมือเขาไปตลอด”

5.แก้เคล็ดด้วยการตั้งชื่อร้านว่า ครัวคุณเทพ

ป๋าเทพบอกว่าไม่ใช้แล้วคำว่าป๋าเทพ  เพราะที่ผ่านมาทำธุรกิจอะไรก็มีแต่ชื่อแบรนด์คือ ป๋าเทพ  ทำให้เจ๊งไม่เป็นท่า เลยขอแก้เคล็ด ด้วยคำว่า ครัวคุณเทพ

6.ต่อยอดธุรกิจจากร้านหมูกระทะเป็นร้านอาหารเล็กๆ

แรก ๆ ป๋าเทพไม่ได้คิดว่าจะทำ แต่มันมีสิ่งของที่เหลือมาจากที่เจ๊งร้านหมูกระทะ ข้าวของที่มันเหลือ มันก็ทำขนมได้

และมีเครื่องอบ  มีเครื่องนวดแป้ง ก็ดีกว่าอยู่เปล่าๆ  ทำให้เกิดแนวคิดว่าจะเอาพวกที่เหลือๆ จากร้านเดิม อย่างพวกโต๊ะ เก้าอี้ ประกอบกับมีเด็ก ๆ อยู่ 3-4 คนที่ตามมาจากร้านหมูกระทะ และบอกว่าอยากจะมีร้านอาหารเล็ก ๆ  ก็เลยคิดว่าถ้า ทำร้านเล็ก ๆ เราต้องมีกาแฟ มีปาท่องโก๋ มีซาลาเปาและขนมเปี๊ยะ

7.ทุกอย่างทำมาขายหน้าร้าน

ป๋าเทพคิดว่าจะทำทุกอย่างมาขายหน้าร้าน ทั้งปาท่องโก๋ ซาลาเปาและขนมเปี๊ยะ ทำให้มีคนมากินและก็ถ่ายรูปแชร์บนโลกโซเชียล ส่วนญิ๋ง รฐา ก็มาถ่ายลงในอินสตาแกรมอีก ทำให้ขนมเปี๊ยะดังขึ้นมาทันที ทั่วประเทศสั่งมาเกือบ 2 พันกว่ากล่อง แต่กลับไม่มีปัญญาจะทำให้เค้า  ป๋าเทพบอกว่าไม่น่าเชื่อว่าลูกค้าจะมากินขนมเปี๊ยะ และไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นจุดขายได้”

8.ขายเหมือนร้านข้าวต้มเล็กๆ

ป๋าเทพไม่ได้นึกว่าจะมีลูกค้าหลั่งไหลเข้ามามากขนาดนี้ เพราะแนวคิดที่ตั้งใจทำคือ จะขายเหมือนร้านข้าวต้มเล็ก ๆ มีอาหารตามสั่ง  ทำในช่วงที่ยังไม่มีอะไรทำในวงการบันเทิง และให้เด็กทำไปด้วย เป็นรายได้เล็ก ๆ น้อยๆ แต่ดูแล้วมันกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาได้

9.ฉันล้มจนไม่รู้จะล้มยังไงแล้ว

แนวคิดที่ได้เปิดร้านอาหาร เพราะไม่กลัวว่าจะเจ๊งอีกต่อไปแล้ว  เพราะป๋าเทพแกบอกว่า ล้มจนไม่รู้จะล้มยังไงแล้ว เรื่องแค่นี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ล้มแบบนี้อีก 10 หนก็ไม่เจ็บปวด  เพราะลงอะไรเยอะๆ ลงไปได้ ไม่กลัวอะไรแล้ว มันไม่ใช่เรื่องที่ยิ่งใหญ่อะไรหรอก

10.ท้อแต่ไม่หยุด

ทุกคนดูพร้อมใจกันมาช่วยป๋า ช่วยอุดหนุน ทำให้มีความรู้สึกว่ามีกำลังใจซึ่งทุกคนให้กำลังใจ ทั้งที่ป๋าเทพเองก็ท้อเหมือน กัน  อะไรบางอย่าง แต่มีแนวคิดที่จะทำร้านให้รอด แม้จะท้อแต่หากถามว่าหยุดมั้ย ป๋าเทพบอกไม่หยุด ท้อแต่ไม่หยุด ทำให้ต้องเดินไปอีกแต่ตอนนี้เขาก็กำลังคิดอยู่ว่าจะเดินอย่างไร  เพราะหลังจากที่เคยเดินครั้งก่อนๆ ผิดพลาด จะเดินอย่างไรดี

11.ต้องเดินไปก่อน พอไปสะดุดถึงจะได้รู้

จะเลือกเดินเองก็ไม่ได้แนวคิดในการทำร้าน มันขึ้นอยู่กับว่าต้องเดินไปก่อน พอไปสะดุดถึงจะได้รู้ ว่าตรงนี้มันเป็นทางที่ไม่ดี  จะให้ไปเลือกมันเลยไม่ได้ ชีวิตมนุษย์มันเลือกไม่ได้ เพราะมันต้องไปเสี่ยงดูก่อน และไปสัมผัสดูก่อนว่าเป็นอย่างไรนั่นแหละคือบทเรียนที่ป๋าเทพมักจะจำไว้เสมอ ก็ใช้มาตลอดชีวิต เมื่อเดินเรื่อย ๆ ไปทุกวัน จะทำให้รู้สึกชินทาง รู้สึกว่าตรงนี้ใช่ ตรงนี้อันตรายหรือไม่อันตราย เพียงแต่ว่าจำเอาไว้ ไม่แน่ต่อไปเราอาจจะกลับมาอีกก็ได้  อาจจะส่งต่อให้ลูกหลาน สอนว่าทางตรงนั้นมันไม่ดี  ตรงนี้มันสะดุดนะ

12.ถ้าไม่ทำเป็นร้านค้าก็เช่าเป็นห้องนอน

ที่ร้านปัจจุบันนี้ป๋าเทพได้เช่า เพราะป๋าบอกว่าไม่มีปัญญาซื้อหรอก เจ๊งจากร้านหมูกระทะไม่มีอะไรเลย เหลือแต่ของมา นิดหน่อย เห็นที่นี่ติดป้ายว่าให้เช่าเดือน 3,000 คงจะดี เลยมีความคิดว่าถ้าไม่ทำเป็นร้านค้าก็เช่าเป็นห้องนอนก็ได้   ซึ่งมีพื้นที่ 50 ตารางวา เด็ก ๆ ก็นอนกันเกลื่อนทั่วไปในร้าน เพราะไม่พิถีพิถันในเรื่องการนอน แต่จะเน้นการทำงาน ตื่นเช้ามาทำงานมากกว่า

13.อย่าไปท้อแท้ เพราะมันทำให้เสียเวลา

แนวคิดของการทำงาน ที่จะทำให้ประสบความสำเร็จ ป๋าเทพบอกไม่รู้ มันบอกยาก แต่สำหรับป๋าแล้วชีวิตมันต้องลุย อย่าไปท้อแท้ เพราะมันจะทำให้เสียเวลาเปล่าๆ เหมือนคนกำลังวิ่งแล้วจะมาหยุดคิด มันไม่ใช่ วิ่งแล้วก็ต้องวิ่งต่อไปอีก ล้มแล้วก็ต้องวิ่งไปอีก เพราะชีวิตยังวิ่งไม่ถึงเส้นชัย  เรื่องการท้อป๋าเทพบอกว่าถ้าลูกผู้ชายต้องใจนักเลง

14.ต้องใจนักเลงกับปัญหาชีวิตหน่อย

ป๋าเทพให้แนวคิดว่า ไม่ต้องกลัวแต่ต้องลุย แม้จะเจ็บปวดก็ต้องลุยต้องลอง ถ้าดีก็ดีไป แต่ถ้าพลาดแล้วถึงตายก็ปล่อยมัน ต้องใจนักเลงกับปัญหาชีวิต กล้าเสี่ยงและกล้าลองกับมัน อะไรที่เป็นอุปสรรคก็ต้องรับ เดี๋ยวมันก็จะต้องแก้ไขได้  พวกปัญหาอย่างนี้ต่อไปมันจะกลายเป็นครูเรา แล้วจะสอนให้เราได้รู้อะไรหลายๆ อย่าง

15.การร้องไห้เสียใจมันไม่ใช่นิสัย

ทำอะไรก็เจ๊ง มันชินแล้ว การร้องไห้เสียใจมันไม่ใช่นิสัยของป๋าเทพ   เพราะเจอมาเยอะ คิดมาบ่อย เมื่อเจออีก มันก็เป็นปกติแล้ว ไม่รู้จะคิดทำไม ปล่อยๆ มันไปดีกว่าหากมันจะดีหรือไม่ดีก็ลองทำดูแล้วค่อยคิดต่อยอด  ปล่อยไปตามวิถีที่เขา ลิขิตมาดีกว่า หากดิ้นมากเกินไปมันจะพลาดได้  ต้องไปตามเวลาที่เขาให้มามันถึงจะลงตัว

หากหัวใจของนักสู้ผู้ชายที่ชื่อ “เทพ โพธิ์งาม” ผู้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยหัวใจอันยิ่งใหญ่ หัวใจของชายคนนี้คงมีเนื้อที่มากกว่าขุนเขาและมหาสมุทรรวมกัน  เพราะชีวิตไม่ได้เกิดมาเพื่อท้อ แต่เกิดมาเพื่อการเรียนรู้ต่อไปนั่นเอง

ได้ฟังแนวคิดของป๋าเทพแล้วผมก็อดทึ่งในความอึด ความพยายาม การไม่ยอมแพ้ในการลุกขึ้นสู้ครั้งแล้วครั้งเล่าของป๋าเทพไม่ได้ เพราะป๋าเทพมีพลังใจที่แข็งแกร่งเกินร้อย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในคุณสมบัติที่สำคัญที่จะช่วยสร้างสรรค์และเสริมสร้างธุรกิจของทุกคนให้ก้าวไปสู่ชัยชนะประสบความสำเร็จสมดังตั้งใจครับ

ขอบคุณเครดิตเรื่อง

http://www.thairath.co.th/

www.wongnai.com/