มาเปลี่ยนโรงจอดรถว่างๆ สร้างให้เป็นรายได้กันดีกว่าจ้า !!

สำหรับใครที่ชอบทำอาหาร กำลังมองหาทำเลเพื่อเปิดร้านเล็กๆ ในสไตล์ของตัวเองสักร้านแล้วละก็ ลองเริ่มจากจุดเล็ก โรงจอดรถว่างๆ ที่ไม่ค่อยได้ใช้ประโยชน์มากมายนักนอกจากใช้จอดรถ มาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้เป็นร้านอาหารกิ๊ปเก๋ยูเรก้า กันดีกว่านะคะ

เราอาจจะไม่ได้ทำให้เป็นร้านอาหารที่ใหญ่โต แต่ก็เป็นที่ฝากท้องเพื่อนบ้าน เป็นที่พบปะของคนในชุมชนใกล้เคียงได้ และยังเป็นการเพิ่มรายได้ให้เราอีกทาง เมื่อธุรกิจเริ่มเติบโตไปได้ดี ค่อยมาหาวิธีขยับขยายกันอีกครั้ง เริ่มจากจุดเล็ก ๆ นี่แหละคะ Save สุดในยุคปัจจุบัน

จะทำอย่างไรเราลองมาค่อย ๆ ดูกัน

1.สำรวจพื้นที่ใช้สอย

สิ่งแรกเลยคะ เรามาดูกันก่อนว่าพื้นที่ใช้สอยทั้งหมดเป็นยังไง เราจะใช้โรงจอดรถวางอะไรบ้าง ครัวจะอยู่มุมไหน อุปกรณ์เครื่องครัวจะวางตำแหน่งใด เพื่อสะดวกในการทำอาหารและหยิบอุปกรณ์

คุณต้องวางสิ่งเหล่านั้นอยู่ในตำแหน่งที่สอดคล้องกัน อย่างเช่น วางเตาครัวไว้ตำแหน่งตรงกลาง ณ.จุดที่คุณจะทำครัว มุมขวาของเตาควรวางเครื่องปรุงอาหาร เพื่อสะดวกรวดเร็วในการทำอาหาร ควรมีภาชนะใส่เครื่องปรุงพร้อมที่ตวง มุมซ้ายควรวางหม้อน้ำสต๊อก ถ้าพื้นที่ไม่พอ คุณสามารถวางตำแหน่งเครื่องปรุง ตรงข้ามตำแหน่งเตาได้คะ

โดยคุณอยู่ระหว่างกลางเวลาทำอาหาร ต่อมาตำแหน่งวางเคาน์เตอร์อาหาร เมื่อเข้าร้านมา ตำแหน่งที่เหมาะกับวางเคาน์เตอร์อาหาร  คือด้านขวา และ ด้านซ้ายคือทางเดิน หากคิดไม่ออกก็ดูร้าน7-11เลยคะ

ทีสำคัญ ร้านคุณขายอะไร ต้องโชว์สิ่งนั้น การจัดวางโต๊ะสำหรับลูกค้าก็เช่นเดียวกันกับวางเคาน์เตอร์ ร้านอาหารขนาดเล็กและมีพื้นที่จำกัด สามารถจัดวางโต๊ะในทิศทางเดียวกันได้คะ

2.ออกแบบ

ด้วยงบประมาณและพื้นที่ ที่จำกัดของร้านอาหารขนาดเล็ก การออกแบบตกแต่งร้านควรเน้นวัสดุที่หาง่าย ราคาไม่แพง สิ่งสำคัญคือ เราจะเปิดร้านขายอะไร ควรตกแต่งร้านให้สอดคล้องกับชนิดนั้น อย่างที่เราเห็นกันทั่วไป  เช่น ร้านก๋วยเตี๋ยว หน้าร้านก็จะมีตู้ก๋วยเตี๋ยวตั้งโชว์พร้อมกับวัตถุดิบ ร้านข้าวมันไก่ ก็จะมีไก่แขวนอยู่ในตู้กระจกโชว์หน้าร้านเช่นเดียวกัน

วันนี้จะมาแนะนำการตกแต่งร้านอาหารอีสานแบบง่ายๆคะ อุปกรณ์การตกแต่งร้าน ต้องเน้นไปทางอีสาน

ร้านอาหารอีสานหลายๆแห่งนิยมใช้รูปปั้นไก่มาตั้งหน้าร้าน เพื่อบ่งบอกว่าร้านฉันขายไก่ย่างน๊า ซึ่งรูปปั้นไก่มันมีความหมายอยู่ในตัวของมันเอง ถ้านึกถึงไก่ย่าง ก็ต้องนึกถึงส้มตำด้วยใช่ไหมคะ และสิ่งที่ลูกค้าจะจินตนาการต่อไปคือ ต้องมีอาหารอีสานด้วยแน่นอน เพราะร้านอาหารอีสาน ก็ต้องมีอาหารที่เน้นไปทิศทางเดียวกันขายควบคู่

มาดูภายในร้านว่าเราจะออกแบบยังไงกันดี

1.เคาน์เตอร์อาหาร

ควรวางตู้ใส่ไก่ย่างเพื่อโชว์ไก่ที่ย่างเรียบร้อยแล้ว และเพื่อเรียกน้ำย่อยให้ลูกค้าชวนอยากจะทานส้มตำมากขึ้น ควรจัดวัตถุดิบสำหรับตำส้มตำใส่โหลแก้วโชว์ย้ำเลยนะคะว่า วัตถุดิบส้มตำที่โชว์ต้องสด ควรจัดให้เต็มโหลแก้ว คัดลูกที่เน่าหรือสีไม่สวยออก มันเป็นศาสตร์อีกอย่าง ที่ทำให้ลูกค้าอยากจะทานส้มตำมากขึ้นคะ โหลแก้วนี้หาซื้อได้ที่แมคโครหรือตลาดสดก็มีขาย ใบละ120บาท ถ้าหาโหลแก้วไม่ได้ แนะนำให้ใช้ครกใบเล็กขนาดความสูง15เซนติเมตร ไม่ต้องซื้อใบใหญ่กันนะคะ เพราะมันจะเปลืองวัตถุดิบในการจัดโชว์

และถ้าเอามาโชว์เยอะ อายุวัตถุดิบจะสั้นเร็ว

2.ผ้าปูโต๊ะ

ถ้าหาผ้าขาวม้าได้จะดีทีเดียวคะ  บ่งบอกถึงเอกลักษณ์อีสาน ถ้าไม่มีก็เป็นไร ไม่ต้องใช้ก็ได้คะ

3.โคมไฟ

สำหรับประดับใช้แบบสุ่มดักปลา  ถ้าหาไม่ได้ก็หาวัสดุที่ลักษณะใกล้เคียงกัน

หาสุ่มดักปลาไม่ได้เลยใช้โคมไฟลักษณะคล้ายสุ่มแทนคะ หาซื้อได้ที่โฮมโปร รูปทรงมันก็จะคล้ายๆกัน แต่จะออกแนวโมเดิร์นสักหน่อย

4.ไซรับทรัพย์

ประดับไซดักปลาสักอัน จะวางหรือจะแขวนก็ได้ โดยหันปลายที่เป็นทางเข้าของปลา ออกนอกร้าน ที่นิยมอีกอย่างเห็นจะเป็นปลาตะเพียบพับ

5.กระด้ง

ใช้ประดับข้างผนังหรือบนเพดาน อันนี้จะใช้ตกแต่งหรือไม่ก็ได้คะ เพราะคุณต้องดูพื้นที่ร้านของคุณด้วย ถ้าติดเยอะไปมันก็จะดูรก จากจะดูมีเสน่ห์กลับทำให้ดูแย่ลงไปทีเดียว หลักๆ ก็ประมาณนี้คะร้านอาหารอีสาน ลองปรับดูนะคะ

3.การเลือกซื้อวัสดุ

วัสดุหาซื้อได้ทั่วไปตามห้างขายอุปกรณ์ก่อสร้าง อยากเห็นแบบเยอะๆ แนะนำโฮมโปร โกลบอลล์เฮ้าส์

หรือจะเป็นฮาร์แวร์เฮ้าส์ก็มีให้ดูคะ ร้านอาหารกลางวัน ไม่ควรใช้โทนสีสว่าง ยกตัวอย่างสีเหลือง เพราะจะทำให้ลูกค้ารู้สึกไม่ผ่อนคลาย เร่งรีบ จนเกินไป ดังนั้นแนะนำแต่งร้านด้วยสี Earth Tones ซึงเป็นสีที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น และเป็นกันเอง

สีที่จะใช้ในการตกแต่ง Earth Tones

มีสีอะไรบ้างมาดูกันคะ หลักๆ สีส้ม สีส้มอิฐ สีน้ำตาล สีน้ำตาลเข้ม และสีเขียว เป็นการดึงสีจาก รรมชาติรอบ ๆตัวเรามา ซึ่งเป็นสีที่คนเราคุ้นเคยกัน ดูคลาสสิก มองไปไม่มีเบื่อแน่นอน สามารถเลือกใช้ไม้  ฟอร์นิเจอร์ไม้ หรือของตกแต่งลายไม้ มาเป็นส่วนประกอบจะช่วยเพิ่มความหรู คลาสสิกให้กับร้าน แม้จะเป็นร้านอาหารขนาดเล็ก

วิธีการเลือกไม้แท้

ควรเลือกไม้แท้ที่เป็นไม้เก่า ไม่ควรเลือกไม้ใหม่ ไม้เก่าจะผ่านระยะเวลาในการบ่มตัวเองมาแล้ว ฝนตกแดดออกก็จะยังคงรูปเดิมคะ ไม่ใช่ว่าไม้ใหม่ไม่ดี เพียงแต่มันจะเกิดการบวม หด ของตัวมัน พออากาศชื้นมันก็ขยายตัว  พออากาศร้อนมันก็หดตัว และไม้แท้มันมีเสน่ห์ในตัวของมันเอง ไม่ต้องทาสีทับ ใช้สีเดิมของสีไม้เลยคะ จุดเด่นคือเพื่อโชว์ลายไม้ในตัวของมัน

วิธีเลือกกระเบื้องปูพื้น

กระเบื้องรอบบ้านที่ใช้ ควรเลือกลายหรือสีให้เข้ากับ concept อย่างกรณีนี้เลือกรายพื้นหญ้า จะได้ดูเป็นธรรมชาติ และควรเป็นกระเบื้องกันลื่น

4.ลงมือทำลุยกันเลย

          หลังจากเลือกซื้ออุปกรณ์ วัสดุต่าง ๆ จนครบหล่ะ มาเริ่มลงมือทำกันเลยคะ สีทารอบบ้านอยากได้สีอะไรก็เลือกตามใจกันเลย ด้วยความที่ชอบสีขาวเลยเลือกสีบ้านสีนี้ สีขาวจะตกแต่งอะไรลงไปก็สวยก็เด่น

ส่วนผนังบ้าน ถ้าไม่อยากทาสีทึบๆ ก็มีวิธีตกแต่งง่ายๆ คงทน ในอนาคตสีไม่ลอกไม่หลุด ดูเรียบ หรู ราคาย่อมเยาว์ เลือกกระเบื้องสำหรับปูผนัง สีเอิร์ทโทน มีให้เลือกเยอะแยะ มากมายหลายราคาตามทุนทรัพย์และแบบที่โดนใจคุณ

ทำง่ายๆ ผู้หญิงก็ทำเองได้คะ ไม่ต้องง้อช่างมืออาชีพ แต่จะทำได้อย่างน้อยต้องมีพื้นฐานสักนิดนะคะ

อุปกรณ์สำคัญก็ต้องมี อย่างที่ตัดกระเบื้องเอย ระดับน้ำเอย ถ้าไม่มีก็คงต้องจ้างช่างมาทำ  จะลงทุนซื้อมาใช้แค่งานนี้งานเดียว เห็นจะไม่คุ้มค่า

            งบประมาณปูผนังแพงไหม?

ผนังด้านที่ปูกระเบื้อง ลงทุนไม่มากถ้าทำเองไม่ต้องจ่ายค่าช่าง อย่างผนังด้านนี้ 10 ตรม.

1.กระเบื้องกล่องละ 179./ตารางเมตร

ใช้ทั้งหมด 9กล่อง (179×9=1,611 บาท)

2.ไม้ระแนงใช้ไม้เทียม WPC ที่ดูเสมือนไม้จริง

กันเชื้อราทนแดดทนฝนกันปลวกไม่กิน

เส้นละ 129 บาท ใช้13 เส้น (129×13=1,677บาท)

3.ปูนกาวอย่างดี 3 ถุง (สำหรับปูกระเบื้อง)(200×3=600)

4.กาวซิลิโคน 2 อัน(สำหรับติดระแนง)199

รวมๆแล้ว ค่าใช้จ่ายสำหรับผนังนี้(10ตรม.)

1,611+1,677+600+199=4,087 บาท

แต่ถ้าจ้างช่างมาทำก็น่าจะเกือบสองหมื่นบาท ถ้าคุณทำไม่เป็นอุปกรณ์ไม่พร้อม ก็ต้องยอมจ่ายให้ช่างมาทำแหละ เป็นการจ่ายค่าวิชาชีพของเขา รวมทั้งช่างเขาต้องไปวิ่งหาซื้อวัสดุให้คุณ วัสดุจะถูกหรือแพง อยู่ที่เลือกเองว่าจะเอาเกรดไหน อยากให้ถูกใจคุณ ตัวคุณต้องไปเลือกเองกับช่างเลยคะ

ผ่างงงงงง…………………………….

กว่าจะเป็นรูปเป็นร่าง ป้ายร้าน ของตกแต่งภายในร้าน จะใช้สีเหลือง สีส้ม  สีเขียวก็ว่ากันไปคะ

เพราะ concept ของสีพวกนี้มีความหมายในตัวมันราคาถูก ไม่แพง สีเขียวสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นธรรมชาติ

มีสีส้มสีน้ำตาลแซมก็ทำให้ร้านดูหรูขึ้น สีน้ำตาลเข้มสื่อถึงอารมณ์ ความลึกลับ ซับซ้อน น่าค้นหา  มีความอบอุ่นอยู่ในตัวของมัน ให้ความรู้สึกที่ผ่อนคลาย

บริเวณที่นั่งภายในร้านควรเป็นแบบเปิด หลังคายกสูง รับลมธรรมชาติ อาศัยแสงแดดทำให้ภายในร้านดูสว่าง เวลานั่งทานอาหารจะได้ไม่รู้สึกอึดอัดเหมือนอยู่ในร้านเล็ก ๆ อยากให้ลูกค้าได้สัมผัสกับธรรมชาติมากขึ้น

ก็ตกแต่งด้วยต้นไม้ที่มีใบเยอะๆหน่อย ที่กำลังนิยมและราคาไม่แพงก็เห็นจะเป็นไทรเกาหลีนี่แหละคะ

ต้นละ 50 บาท ความสูง 70เซนติเมตร เสน่ห์ของต้นไม้ใบเขียวช่วยเพิ่มอรรธรสในการรับประทานอาหาร

ไม่เน้นไม้ดอกนะคะ เพราะลูกค้าบางคนอาจจะแพ้ได้ เพิ่มความมีชีวิตชีวาให้ร้าน ไม่เงียบเหงา หาน้ำตกสีโทนที่ออกแบบมาให้กลมกลืนธรรมชาติ นั่งทานข้าวไป ฟังเสียงน้ำตกไป ได้บรรยากาศเหมือนอยู่ในป่า เผลอๆอาจจะมีเสียงจิ้งหรีด เรไร มาร้องคู่กับเสียงน้ำตก

อยากได้ใจลูกค้ามากขึ้น ก็เปิดเพลงสิคะรออะไร ให้โดนใจลูกค้าทุกกลุ่ม ทุกชนชาติที่แวะมาทานกัน

ทั้งขาใหม่ ขาประจำ ไทยและเทศ แต่อย่าเลือกเปิดเพลงที่เขามีลิขสิทธิ์เชียวน๊า ร้านอาหารเล็ก ๆ แต่บรรยากาศไม่เล็กเหมือนที่เห็นภายนอก ด้วยงบประมาณที่มีน้อย รั้วเลยเลือกแบบง่ายๆ คุณหาตัวอย่างลายที่อยากจะได้

ให้ร้านรับทำป้ายเขาปริ๊นไวนิลให้ ราคาถูกแถมประหยัดอีกต่างหาก ดังที่เห็นนี้ก็ขนาด 10×1.5เมตร ราคา หกร้อยกว่าบาทคะ

ด้วยการตกแต่งภายในร้านที่ดูมีธรรมชาติแอบแฝง บรรยากาศของทีมงานในการทำอาหารด้วยความครึกครื้น ก็เป็นเสน่ห์ดึงดูดใจ และทำให้ลูกค้าที่มาทานรู้สึกสนุกเป็นกันเองมากขึ้น ลองตกแต่งด้วยสีเอิร์ทโทนดูนะคะค่อย ๆ ทำทีละอย่างตามงบประมาณ

บรรยากาศธรรมชาติ อาหารสดสะอาด อร่อย บริการเป็นกันเอง

โดนใจลูกค้าแน่นอนคะ

บทความโดย

ผู้ผ่านรับการฝึกอบรม “ใช้เวลาว่างเขียนบทความสร้างรายได้”

คุณ โนรี โคตรทุม

เจ้าของร้าน แพรวพราว ไก่ย่างเขาสวนกวาง