วันนี้ผมได้มีโอกาสมาพูดคุยเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจซึ่งมีหลายประเด็นที่น่าสนใจจากโค้ชกวาง SME Secret  ผู้มีประสบการณ์ในการทำธุรกิจและมีความรู้ความสามารถที่จะมาถ่ายทอดในเชิงพูดคุยให้กับเถ้าแก่ใหม่ทุกท่านเพื่อเป็นไอเดียในการทำธุรกิจที่มีประโยชน์ทำให้มองเห็นแนวทางและวิธีคิดมากมายหลายประเด็น โดยเฉพาะเรื่องของการสร้างแบรนด์ การตลาด และการขาย โดยมีแก่นที่สำคัญดังนี้ครับ

 

1.การขายของออนไลน์อาจไม่ใช่ธุรกิจ

อ้าว…จริงหรอ ซึ่งโค้ชกวางให้แนวคิดว่าธุรกิจจริง ๆ จะต้องมีการจ้างคน การขายอย่างเดียว ดูจะไม่เป็นธุรกิจเท่าไรนัก ธุรกิจเริ่มต้นจากที่คนเราอยากค้าขาย คนที่ชอบเล่นฟุตบอล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นนักฟุตบอล คุณจึงต้องกลับมาดูที่ตัวเองก่อนว่าเป็นนักธุรกิจหรือเปล่า หรือแค่อยากทำงานหาเงิน อยากเปลี่ยนมาขายของ โดยที่ตัวเองยังไม่ใช่นักธุรกิจ

 

2.นักธุรกิจที่แท้จริงต้องเริ่มจากการบริหาร

อาจเป็นการบริหารเล็ก ๆ ถึงแม้จะทำในครอบครัวแต่ก็ต้องมีแพลน คือต้องคิดมากกว่าเรื่องที่เราขายของ อย่างเช่น อยากขายน้ำออกซิเจนออนไลน์ ก็ต้องคิดเรื่องของคู่แข่ง เราต้องดูว่าเราอยู่ตรงไหนของธุรกิจต้องมีการพัฒนาสินค้า อย่างน้อยก็ต้องมีความคิดเหล่านี้

 

3.ถ้าคุณอยากขายของมาก ๆ คุณเป็นนักธุรกิจไม่ได้

ถ้าคุณต้องการขายให้ได้เดือนละ 30,000 แล้วลาออกจากงานประจำ คิดว่าไปรอดแน่ขอบอกว่าตายแน่ ๆ ครับ ไม่รอดครับกับการอยากขายของมาก ๆ เพราะต้องมีปัจจัยอื่นมาเสริมเพื่อให้ธุรกิจคุณอยู่ได้ ซึ่งต้องใช้เวลาและศึกษาทำความเข้าใจให้ลึกซึ้งกว่านี้

 

4.ลงเรียนคอร์ส เรียนแล้วได้ผลไหม

ปัจจุบันมีคอร์สมากมายเกิดขึ้นและคำถามของผู้เข้าอบรมคงหนีไม่พ้นที่จะถามว่าเรียนไปแล้วได้ผลหรือไม่ คงต้องตั้งคำถามใหม่ว่า สิ่งที่เราไปสอนคุณนั้นเราทำได้ผลหรือเปล่า อย่างเราสอนเรื่องการคอนเท้นท์ให้กับคุณเนื้อหาการสอนของเราดีมากและคุณก็ไปทำคอนเท้นท์แต่สินค้าของคุณห่วยอย่างนี้ก็ต้องดูว่าแท้จริงเกิดจากอะไรกันแน่

 

5.ความสำเร็จที่แท้จริงเกิดจากอะไร

ความสำเร็จจริง ๆ แล้วเกิดจากอะไร ซึ่งสามารถสรุปได้เป็น 3 ข้อคือ

1.ความรู้ คุณไปเรียนในคอร์สคุณได้ความรู้ โดยตัวของคอร์สมีข้อดีที่จะให้กับคุณอยู่แล้ว

2.ความสามารถ เกิดได้จากคุณนำความรู้ไปใช้บ่อย ๆ ต้องใช้ไม่อย่างนั้นธุรกิจไม่เกิด ก็แค่รู้อย่างเดียว อย่างสูตรอาหารคุณเปิดสูตรดูรู้หมด แต่ปัญหาคือทำไม่เป็น การสอนผู้สอนไม่ได้กั๊กแต่อย่างใด แต่คนเรียนรู้ได้ไม่เท่ากัน ที่สำคัญต้องเข้าใจตรรกะก่อน ถ้าใครมีมากก็จะเรียนรู้ได้ไว ตรรกะคือความเข้าใจในด้านนั้น ๆ พอไม่มีตรรกะไปเรียนความรู้เลยได้น้อย

3.ความตั้งใจ ถ้าคุณมีความรู้และนำความรู้ไปพัฒนาทักษะจนเกิดเป็นความสามารถขึ้นมา แต่ไม่มีความตั้งใจ ทำ ๆ   หยุด ๆ ไม่ตั้งใจทำไม่ต่อเนื่องโอกาสที่ความสำเร็จจะหลุดลอยก็มีมากครับ

 

6.พื้นฐานของการการทำสินค้า

การทำสินค้าสิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือ

1.ต้นทุนสินค้าจะต้องไม่เกิน 1 ใน 4 ของเงินที่มีจะเกินนี้ไม่ได้ และจะต้องมีมีเดียด้วย เช่น รถยนต์ฮอนด้าซีวิคออกมาจะต้องมีโฆษณาชุดนึงของฮอนด้าซีวิค เขาเตรียมแพลนแล้วออกโฆษณามาทีละตัว ซึ่งเขายังไม่ได้จ่ายค่าโฆษณา แต่เขามีมีเดีย มีเดียจะเป็นตัวสร้างความเข้าใจในตัวสินค้าที่โปรโมท ถ้าพูดให้เห็นชัด มีเดียก็คือ คลิป รูปภาพ โบชัวร์ เสื้อพนักงาน ฯลฯ มันจะออกมาคู่กับตัวของสินค้านั่นเอง

2.ค่าโฆษณา

หลายคนไม่กล้าจ่ายค่าโฆษณา มักจะพยายามจ่ายให้ได้น้อยที่สุดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์มากที่สุด ซึ่งก็สามารถทำได้เหมือนกันแต่คุณต้องมีความสามารถ คุณต้องอยู่บริษัทเอเจนซี่มาก่อน ต้องเคยขับเคลื่อนธุรกิจสำเร็จมาแล้วโดยที่มาจากคุณเป็นตัวขับเคลื่อนนะ

 

7.ความรู้ที่เขาสอนกัน เราเรียนก็เพื่อเป็นตรรกะ

อย่างหากคุณลงทะเบียนเรียนเฟซบุ๊คเมื่อสองปีที่แล้ว และจะนำมาใช้เหมือนเดิมขอบอกว่ามันอาจใช้ไม่ได้ เพราะมีหลายอย่างที่มันพัฒนาเปลี่ยนไปแล้ว อย่างผมทำธุรกิจสิ่งพิมพ์ ผมทำออนไลน์เก่งไหม ต้องถามว่าเก่งแบบไหน ทำให้คนรู้จักทำให้คนเชื่อและไว้วางใจ เราจะใส่เงินไปตามสัดส่วนที่คนอื่นเขาบอกว่าดีไม่ได้นะครับ เช่น เห็นเขาโฆษณาวันละ 1,000 บาท แล้วทำตามเขา และคุณมานั่งคิดว่าทำไมไม่ได้เหมือนเขา คุณต้องรู้ก่อนว่าเขาสร้างธุรกิจมาใหญ่กว่าคุณนานกว่าคุณนะ หากคุณยังปรับแอดไม่เป็นก็ต้องลง 2-300 บาท ไปก่อน เริ่มจากน้อยไปหามากนั่นเอง ทำให้เรารู้ก่อน ถ้าไปโยนเงินในแอดเลยโดยไม่ต้องมีความสามารถ ไม่ต้องรู้สถิติ ไม่ได้นะครับ คุณต้องจ่ายร้อยนึงแล้วต้องดูให้เป็น พอเป็นแล้วก็เพิ่มเป็น 300 บาท ช่วงแรกคือคนที่ยังไม่เป็นต้องหัดให้เป็นก่อน การลงแอดต้องรู้ก่อนว่าจะเอาอะไร ถ้าไม่รู้ก็ไปเรื่อย ๆ  เราลงโฆษณาก็เพราะเราต้องการขาย การเลือกกลุ่มเป้าหมายจะทำให้งบไม่บานปลายและได้ผล แต่ถ้าเราลงร้อยนึงแล้วขายได้นั่นคือเราเริ่มเก่งล่ะ แต่เราต้องมีวินัย ถ้าเราบอกว่าขายของออนไลน์เดือนละ 6,000 ไม่ใช่บอกว่าขายของเดือนละหกพันไม่ถึงเลยไม่โฆษณาละ หรือไปเพิ่มก็ไม่ถูก 6,000 บาท ขายไม่ได้ไปเพิ่มเป็น 60,000 บาท มันก็ไม่ถูก แต่ถ้าเรารู้ตรรกะเราก็จะเข้าใจรู้ว่าอะไรเป็นอะไรต้องบริหารแบบไหน

 

8.หลักคิดในการสร้างแบรนด์

เมื่อพูดถึงธุรกิจก็ต้องมีการสร้างแบรนด์เข้ามาเกี่ยวข้อง โดยแบรนด์นั้นมันต้องมีทัศนคติที่เรียกว่ากว่า  เช่น เราดีกว่า ถ้าเป็นนักบอลอย่างเมสซี่เจ เขาก็ยิงได้เยอะกว่า ถ้าเป็นนักธุรกิจคนขายของก็สร้างรายได้มากกว่าคนอื่น ถ้าคุณเพิ่งเริ่มธุรกิจใหม่อย่าเพิ่งคิดสร้างแบรนด์ ถ้าคุณยังไม่พร้อมอย่าเพิ่งเริ่มทำ เพราะการสร้างแบรนด์ต้องทำเป็นสปิริต คือคุณแค่อยากดัง อยากให้คนเข้าใจว่าคุณเจ๋งอยากมีแบรนด์แล้วไปเรียนขอบอกเลยว่าอย่าทำ มันไม่ใช่สปิริต การสร้างแบรนด์คือการสร้างความนับถือให้กับคน การสร้างแบรนด์คือสร้างให้คนนับถืออย่างโค้กเขาไม่ได้สร้างแล้วบอกว่ากินดี แต่เขาบอกว่ากินแล้วมันสดชื่น อย่างคนไปกินแมคโดนัลด์ บางคนบอกเป็นจังก์ฟู๊ด แต่เขาบอกว่าไปกินของกินเล่นมันดีกว่าของกินเล่นแบบอื่น คุณไปกินมันฝรั่งดีกว่าคุณไปสูบบุหรี่ เป็นต้น

 

ในการสร้างแบรนด์เริ่มแรกคุณต้องสร้างการยอมรับ เราต้องสร้างการยอมรับให้กับคนในองค์กรให้ได้ก่อน หมายความว่าหากมีที่อื่นมาจ้างงานพวกเขาจะไม่ไป เขาอยากอยู่ที่องค์กรนี้ เราต้องสร้างกับคนภายในก่อน ให้คู่แข่งศรัทธาเรามากที่สุด ถ้าใครมองเห็นเราเป็นคู่แข่งคือเขาต้องศรัทธาเรา เราต้องสร้างในวงการให้ได้ อย่างเราทำสิ่งพิมพ์ คนที่ทำสิ่งพิมพ์ต้องเห็น บางคนต้องกลัว บางคนต้องอยากร่วมงาน เราต้องทำให้เกิดสิ่งนี้ นี่คือการสร้างแบรนด์ให้เขารู้สึกว่าเรามีอะไรบ้างถ้าเป็นตลาดสิ่งพิมพ์คนในกรุงเทพต้องมาใช้ของผมบ้าง การสร้างแบรนด์มันเริ่มจากข้างในออกข้างนอก เริ่มจากเรา ถ่ายทอดให้คนข้างในให้ศรัทธาในเราในแบรนด์ ทำให้เขามีความรู้สึกอยากไปบอกคนอื่นว่าฉันอยู่องค์กรนี้นะ แบรนด์คือแก่นแท้ของสิ่งที่เราทำได้ดี แบรนด์อยู่นานเราตายก็ยังอยู่

 

9.นิยามของการตลาด

การทำการตลาดคือการทำให้เราอยู่ในกระแส ให้คนเห็น ให้คนจำได้เช่นการออกแบบ ให้คนยอมรับ ให้คนอยากมีส่วนร่วมอยากเม้นท์อยากแชร์ อยากใช้ อยากให้คนมาซื้อของกับเรา อยากให้เพื่อนฝูงคนใกล้ชิดมาใช้ การดูแลลูกค้าหลังการขายถือเป็นการตลาดไม่ใช่การขาย

 

10.การขายคืออะไร?

การขาย คือคุณต้องขายให้ได้จะเกี่ยวกับการลงโฆษณาให้คนเห็น จะขายช่องทางไหน ขายแล้วใครจะตอบ ปิดการขายยังไง เรื่องเหล่านี้ล้วนเป็นการขายทั้งสิ้น แต่ถ้ามากกว่านั้นจะเป็นการตลาด และขั้นสูงกว่านั้นจะเป็นการสร้างแบรนด์

 

ได้เรียนรู้การทำธุรกิจที่มีความเกี่ยวข้องกับการสร้างแบรนด์ การขาย และการตลาด รวมถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ กันไปแล้ว ผมหวังว่าทุกท่านจะนำไปปรับใช้เป็นไอเดียและต่อยอดความสำเร็จทางธุรกิจของทุกท่านให้ประสบความสำเร็จไปด้วยกันครับ