ท่ามกลางกระแสการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงหลัง ปลุกกระแสให้บริษัทและธุรกิจหลายประเภทตื่นตัวและเริ่มที่จะออกเหรียญโทเคนเป็นของตนเองภายใต้วัตถุประสงค์ใดวัตถุประสงค์หนึ่ง ซึ่งเหรียญคริปโตที่ชื่อ Jfin ก็เป็นหนึ่งในนั้น และยิ่งไม่กี่วันที่ผ่านมาที่เกิดเหตุการณ์ที่สะเทือนวงการคริปโตของเมืองไทยขึ้น ชื่อของเหรียญ Jfin จึงได้รับการพูดถึงอีกครั้งทั้งในมุมมองของนักวิเคราะห์และนักลงทุนถึงเสถียรภาพและความมั่นคงของเหรียญคริปโตชนิดนี้ เหรียญ Jfin ดีจริงไหม และมีอนาคตเป็นอย่างไรบทความนี้เรามีข้อมูลดี ๆ มาฝากกันอีกเช่นเคย

 เหรียญ Jfin คืออะไร ?

ก่อนที่เราจะไปพูดถึงอนาคตของเหรียญ Jfin เราควรทำความรู้จักกับเหรียญคริปโตชนิดนี้กันให้มากขึ้นกว่าเดิมเสียก่อน โดยเหรียญ Jfin ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ในปี 2561 เป็นสกุลเงินดิจิทัลสัญชาติไทยประเภท Unity coin ที่เกิดขึ้นจากบริษัทในกลุ่ม Jaymart ทั้ง 3 แห่งซึ่งประกอบไปด้วย

  1. Jaymart โดยเราจะรู้จักกันดีในฐานะของบริษัทที่ขายอุปกรณ์มือถือรวมถึงอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ แต่ในปัจจุบันมีการแปรสภาพไปเป็น Holding Company ที่มีบริษัทลูกในเครืออยู่ด้วยกันหลายบริษัท
  2. JFintech หรือ KB J Capital ในปัจจุบันเป็นบริษัทลูกที่ทำธุรกิจหลักในการปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้ารายย่อย โดยมีการนำทุนที่ได้จาก Jfin มาพัฒนาระบบ Decentralized Digital Lending Platform (DDLP) ซึ่งเป็นการให้ลูกค้าทำการกู้เงินดิจิทัลผ่านมือถือ
  3. J Ventures หรือ JVC เป็นบริษัทลูกที่ถูกก่อตั้งในปี 2560 เพื่อมีวัตถุประสงค์ในการสร้างกระบวนการ digital transformation ให้บริษัทในเครือและเป็นบริษัทที่เปิดให้มีการระดมทุนด้วยวิธี ICO โดยออกเหรียญดิจิทัลโทเคนในชื่อของ Jfin coin

ซึ่งเราอาจกล่าวได้ว่าเหรียญดิจิทัลโทเคนที่ชื่อ Jfin ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นการระดมทุนผ่านการเสนอขายผ่านระบบ Blockchain และในปัจจุบัน Jfin อยู่ในเน็ตเวิร์คของ Blockchain 3 ระบบได้แก่

– Ethereum (erc20) ที่ใช้อยู่บน Exchange  Bitkub.com และ Satang.pro

– Stellar โดยเป็นการใช้งานภายในแอปพลิเคชั่น JID

– Binance Smart Chain เป็นการใช้งานสำหรับ Decentralized Finance (Defi) บนแพลตฟอร์ม JREPO.IO

ข้อดีของเหรียญ Jfin ก็คือมูลค่าของเหรียญจะไม่ถูกกร่อนจากการซื้อ ขาย และแลกเปลี่ยนเหมือนกับการทำธุรกรรมต่าง ๆ ผ่านระบบของธนาคารหรือตลาดหลักทรัพย์ที่ทุก ๆ ธุรกรรมจะถูกหักค่าธรรมเนียมเพราะธุรกรรมเกิดขึ้นของ Jfin จะเกิดขึ้นบนระบบ Blockchain นั่นเอง

เหรียญ Jfin ดีไหม  ? ใช้ทำอะไร ใช้ที่ไหนบ้าง

ขั้นตอนสมัคร Bitkub

กดปุ่มด้านล่างเพื่อสมัคร

ขั้นตอนสมัคร Bitkub

เหรียญ Jfin ในปัจจุบันนี้สามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย โดยเราสามารถแบ่งกิจกรรมที่สามารถนำเหรียญ Jfin ไปใช้ได้ทั้งหมดดังต่อไปนี้

– ใช้ Jfin เพื่อซื้อสินค้าในร้าน Jaymart ในช่วงกิจกรรม โดยเป็นการใช้เหรียญ Jfin เพื่อใช้ซื้อสินค้าที่ทางร้านกำหนดเอาไว้ โดยมีการกำหนดจำนวนเหรียญที่ชัดเจน แต่ด้วยมูลค่าที่มีความผันผวนจึงทำให้ลูกค้าบางคนสามารถซื้อสินค้าได้ในราคาที่ถูกกว่าการใช้เงินสกุลปกติแต่ลูกค้าบางรายกลับต้องซื้อในราคาที่ใกล้เคียงกับการใช้เงินในสกุลปกติ

– ใช้ Jfin เพื่อซื้อ Coupon เช่น CASA LAPIN (Gift Voucher), Totem Kingdom(Ticket), แอเรียภายในแอปฯ JID เป็นต้น

– ใช้ Jfin เพื่อได้รับส่วนแบ่งค่าธรรมเนียมจากการปล่อยกู้ในแอพพลิเคชั่นป๋า โดยต้องใช้ในเมนู Stake ภายในแอพลิเคชั่น JID

– ใช้ Jfin เพื่อปล่อยกู้หรือเพื่อการค้ำประกันในแพลตฟอร์ม JREPO.IO

และล่าสุดก็คือเมื่อ BTS มีการจับมือร่วมกับ Jaymart ในการเพิ่มช่องทางการชำระเงินผ่านทาง JFin  สำหรับบัตรเติมเงินในแรบบิทเพื่อใช้ชำระค่าเดินทางหรือจะใช้ในการซื้อสินค้าต่าง ๆ ด้วยบัตรแรบบิทอีกด้วย

เหรียญ Jfin ดีไหม  ? อนาคตจะเป็นอย่างไร

เหรียญ Jfin ดีไหม 

หลังจากที่เกิดเหตุการณ์เหรียญ Jfin ถูกเทขายอย่างหนักในช่วงไม่กี่วันก่อนจนทำให้ราคาร่วงลงมาอย่างรุนแรงจนทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลใจต่อทิศทางของเหรียญ Jfin ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไปในอนาคต ซึ่งเมื่อเราได้ย้อนกลับไปดูนโยบายของคุณธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด (JVC) ที่ได้กล่าวเอาไว้ในอดีตเกี่ยวกับเหรียญ Jfin เราจะพบความน่าสนใจอยู่ที่ทางบริษัทเองก็ได้มีการพัฒนาระบบต่าง ๆ ให้สอดคล้องและกระตุ้นให้คนทั่วไปหันมาใช้เหรียญ Jfin ให้มากขึ้น กระบวนการนี้จำเป็นต้องอาศัยระยะเวลาในการสร้างให้เกิดความต้องการใช้เหรียญ Jfin ในการทำธุรกรรมต่าง ๆ เหมือนกับการใช้เงินในสกุลปกติ และหากบริษัทสามารถจัดหาพาร์ทเนอร์ที่สนใจและยอมรับการนำเหรียญ Jfin ไปใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการได้ก็ย่อมจะส่งผลให้เหรียญ Jfin มีโอกาสที่จะปรับราคาสูงขึ้นได้เช่นกัน

นอกจากนี้คุณธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ ได้กล่าวเอาไว้ว่าหากสามารถที่จะทำให้เหรียญ Jfin มีมูลค่าเพิ่มขึ้นได้ก็มีความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบของเหรียญจากรูปแบบของ Utility coin ให้กลายมาเป็น Stable coin ซึ่งเป็นรูปแบบเหรียญที่มีสินทรัพย์อ้างอิงได้

และหากเหรียญ Jfin สามารถปรับเปลี่ยนไปอยู่ในรูปแบบของ Stable coin ได้ก็จะส่งผลดีต่อตัวของ Jfin ได้เพราะในอนาคตก็มีแนวโน้มที่เงินดิจิทัลในรูปแบบของ stable coin จะมีบทบาทเพิ่มมากขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน

จากข้อมูลทั้งหมดนี้จึงอาจกล่าวได้ว่าเหรียญ Jfin ยังมีอนาคตที่สดใสรออยู่จากการที่ทางบริษัทเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจและพยายามผลักดันให้มีพาร์ทเนอร์เข้ามาร่วมธุรกิจกับการผลักดันให้เกิดกิจกรรมต่าง ๆ ที่กระตุ้นความต้องการในการใช้เหรียญ Jfin เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนนี้ เพียงแต่ว่าในระยะสั้นเมื่อไม่กี่วันมานี้ที่ราคาเหรียญร่วงลงมาอย่างหนักก็เป็นสิ่งที่นักลงทุนจำเป็นต้องเรียนรู้ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นและพัฒนากลยุทธ์ในการลงทุนของตนเองให้เป็นระบบมากยิ่งขึ้น โดยไม่มุ่งเน้นเพียงแค่การวิ่งตามกระแสเพราะกลัวจะตกรถเพียงอย่างเดียวเท่านั้น หากนักลงทุนสามารถทำได้อย่างที่กล่าวมาดังข้างต้นนี้ การลงทุนในเหรียญ Jfin เองก็ยังคงน่าสนใจและมมีอนาคตที่ดีรออยู่เช่นกัน

 

ก่อนที่เราจะลงทุนในสินทรัพย์อะไรก็ตาม เราควรที่จะทำความเข้าใจสินทรัพย์นั้น ๆ ให้ละเอียดเสียก่อน นอกจากนี้หากคุณสามารถเรียนรู้หลักการในการจัดการกับอารมณ์ของตนเองได้และไม่ตื่นตระหนกกับสถานการณ์แปลก ๆ ที่เกิดขึ้น การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลยังคงเป็นสิ่งที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยเพราะในอนาคตสินทรัพย์ดิจิทัลจะยิ่งมีบทบาทที่สำคัญมากขึ้นการที่คุณปรับตัวในเรื่องนี้ก่อนคุณจะกลายเป็นหนึ่งในผู้ที่จะไม่ตกกระแสเมื่อการเปลี่ยนแปลงนี้มาถึงในอนาคตอย่างเต็มตัว

หมายเหตุ บทความนี้ไม่ได้เป็นการชี้นำการลงทุน เป็นเพียงนำเสนอข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณาการลงทุนเท่านั้น นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเหรียญ และ ศึกษาหาความรู้ให้ครบถ้วนก่อนการลงทุน