อีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่ได้รับอานิสงค์จากการถือกำเนิดของบล็อกเชนและเหรียญคริปโตก็คืออุตสาหกรรม Decentralized Finance (DeFi) หรือระบบการเงินที่ไร้ตัวกลาง โดยปัจจุบันนี้มีแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมนี้มากมายหลายแพลตฟอร์ม และแต่ละแพลตฟอร์มเองต่างก็สร้างเหรียญคริปโตขึ้นมาใช้ภายในแพลตฟอร์มของตนกันมากขึ้นตามไปด้วย ในบรรดาแพลตฟอร์ม DeFi ที่น่าสนใจก็มีชื่อของ AAVE Protocol ที่มาพร้อมเหรียญ AAVE กำลังเป็นที่ถูกพูดถึงในแวดวงของนักลงทุนคริปโตกันมากขึ้น สำหรับแพลตฟอร์ม AAVE Protocol และเหรียญ AAVE มีความน่าสนใจอย่างไรบทความนี้เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับแพลตฟอร์มและเหรียญคริปโตของแพลตฟอร์มนี้กันให้มากขึ้น

เหรียญ AAVE คืออะไร

เหรียญ AAVE ดีไหม

เหรียญ AAVE เป็นเหรียญดิจิทัลในรูปแบบของ Governance token ที่ให้สิทธิ์ของผู้ถือครองในการกำหนดนโยบายต่าง ๆ ของแพลตฟอร์ม โดยเหรียญนี้มีชื่อเดิมว่า Lend ซึ่งเป็นเหรียญที่ทำงานอยู่บนระบบ AAVE Protocol โดยระบบนี้เป็นระบบการปล่อยกู้ยืมแบบกระจายอำนาจหรือที่เรารู้จักกันในชื่อของ DeFi ซึ่งผู้ใช้สามารถนำเหรียญดิจิทัลมาฝากไว้ใน Pool เพื่อแลกเปลี่ยนเป็นผลตอบแทนในรูปแบบของสินทรัพย์ของ AAVE ได้

AAVE Protocol ยังถือเป็นแพลตฟอร์ม DeFi หนึ่งที่มีจำนวนของผู้เข้าใช้งานมากที่สุด นั่นจึงส่งผลให้เหรียญ AAVE เป็นอีกหนึ่งเหรียญคริปโตที่ได้รับความนิยมในตลาดโลก การทำงานของ AAVE Protocol คือผู้ใช้งานสามารถนำเหรียญคริปโตอะไรก็ได้ไปแลกบนแพลตฟอร์มนี้แต่จะต้องเป็นเหรียญบน Ethereum เท่านั้น โดยเหรียญต่าง ๆ ที่ถูกฝากเข้าไปจะถูกนำไปรวมไว้ใน Pool ซึ่งเป็นศูนย์รวมที่รวบรวมเหรียญดิจิทัลจากผู้ใช้งานอื่น ๆ เช่นกัน จากนั้นหากมีผู้ที่ต้องการจะกู้เหรียญใน Pool ไปใช้งานก็สามารถทำได้โดยจะต้องนำเหรียญดิจิทัลอื่น ๆ มาเป็นตัวค้ำประกัน

ชื่อเดิมของ AAVE Protocol คือ ETHLend ซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถกู้ยืมเหรียญหรือเป็นผู้ปล่อยกู้โดยมีโทเคนที่ชื่อ LEND เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนเหรียญ แต่ในปี 2017 เมื่อตลาดของ Ethereum อยู่ในช่วงขาลงจึงทำให้แพลตฟอร์ม LEND มีผู้ใช้ลดลงอย่างชัดเจนทำให้ความคล่องตัวต่ำส่งผลให้ทีมงานผู้สร้างตัดสินใจที่จะปฏิรูประบบใหม่และเปลี่ยนชื่อเป็น AAVE Protocol ในปี 2020 ที่ผ่านมา

สิ่งที่ถูกพัฒนาขึ้นมาก็คือผู้ใช้งานสามารถปล่อยกู้หรือขอกู้ยืมเหรียญคริปโตต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น stable coin หรือ Alt coin ผ่านการฝากเหรียญต่าง ๆ ไว้ใน Pool เมื่อผู้กู้จ่ายเหรียญคืนพร้อมค่าธรรมเนียม ผู้ปล่อยกู้จะได้รับค่าตอบแทนเป็นค่าธรรมเนียมการกู้ที่จะกระจายคืนกลับออกไปตามสัดส่วนจำนวนผู้ปล่อยกู้ใน Pool นั้น ๆ โดยอัตราค่าธรรมเนียมของการกู้เหรียญจะขึ้นอยู่กับความต้องการเหรียญจาก Pool นั้น ๆ โดยหากมีเหรียญไม่มากระบบก็จะปรับอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้นเพื่อกระตุ้นให้มีผู้ฝากเหรียญมากขึ้นแต่ถ้ามีเหรียญอยู่จำนวนมากอัตราดอกเบี้ยก็จะถูกปรับลงเพื่อกระตุ้นให้ผู้กู้อยากที่จะกู้เหรียญนั่นเอง

อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญก็คือแพลตฟอร์มนี้ยังสามารถทำธุรกรรมในรูปแบบของ Flash loans ที่เป็นการกู้ยืมเหรียญโดยไม่ต้องวางเหรียญค้ำประกันโดยมีเงื่อนไขที่เหรียญจะต้องถูกนำมาคืนภายในชั่วเวลาในการสร้าง 1 บล็อกหรือราว ๆ 10-12 วินาทีบน Ethereum mainnet พร้อมค่าธรรมเนียมเท่านั้น ซึ่งวิธีการนี้เป็นที่นิยมมากสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสร้างส่วนต่างระหว่าสงอัตราแลกเปลี่ยนใน 2 แพลตฟอร์ม

เหรียญ AAVE ดีไหม ?  ใช้ทำอะไร ใช้ที่ไหนบ้าง

เหรียญ AAVE มีวัตถุประสงค์หลักในการใช้งานดังต่อไปนี้

– ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนระหว่างการทำธุรกรรมบน AAVE Protocol

– เป็น Governance Token คือให้สิทธิ์ผู้ที่ถือครองเหรียญ AAVE สามารถนำเสนอและโหวตนโยบายเพื่อดูแลระบบหรือปรับปรุงระบบต่าง ๆ บนแพลตฟอร์ม รวมถึงสามารถเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ต่าง ๆได้

– ใช้เป็นสื่อกลางในการจ่ายค่าธรรมเนียมคืนพร้อมเหรียญที่กู้ยืมไป รวมถึงใช้เป็นสินทรัพย์เพื่อรับผลตอบแทนจากการให้กู้ยืมเหรียญดิจิทัลอื่น ๆ

– ใช้เป็นส่วนลดค่าธรรมเนียมต่าง ๆได้

เหรียญ AAVE ดีไหม ? อนาคตจะเป็นอย่างไร

อนาคตของเหรียญ AAVE จะเป็นอย่างไรนั้นอาจต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของผู้พัฒนาและการแข่งขันกันในอุตสาหกรรม DeFi ที่มีความร้อนแรงมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมีแพลตฟอร์มที่เป็น DeFi ในอุตสาหกรรมเกิดขึ้นหลายแพลตฟอร์มมาก และผู้ที่นำตลาดในปัจจุบันก็ยังไม่ใช่แพลตฟอร์ม AAVE แต่อย่างใด โดยผู้นำตลาดที่แท้จริงคือแพลตฟอร์มที่ชื่อว่า Maker ในขณะที่ AAVE Protocol ยังมีอันดับที่ขึ้นลงแต่ก็ยังถือเป็นกลุ่มนำในอุตสาหกรรม DeFi เช่นกัน

แต่กระนั้นหากมองในแง่ของจุดเด่นต่าง ๆ ก็ยังคงส่งผลให้เหรียญ AAVE และ AAVE Protocol มีความน่าสนใจไม่น้อยโดยจุดเด่นดังกล่าวมีดังต่อไปนี้

– มีความคล่องตัวที่สูงและสามารถรองรับเหรียญดิจิทัลได้หลายสกุล

– ผลตอบแทนแม้จะไม่ดีที่สุดแต่ก็ไม่ถึงขั้นย้ำแย่ในการทำ Yield Farming หรือ Liquidity mining

– ไม่ค่อยมีปัญหาหนี้เสียเพราะต้องใช้เหรียญค้ำประกันมูลค่าที่สูงกว่าที่จะกู้พอสมควร

– ยังมีความน่าเชื่อถือในเรื่องของความปลอดภัยที่ยังไม่มีประวัติเสียหายออกมา

แม้จะเป็นอีกหนึ่งเหรียญคริปโตที่น่าสนใจและมีพื้นฐานของอุตสาหกรรมที่ดีมารองรับ แต่ด้วยความที่เป็นอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันกันสูงก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่นักลงทุนเองก็ต้องให้ความสำคัญและความสนใจอยู่ไม่น้อยเช่นกัน แต่กระนั้นเมื่อมองในภาพรวมที่ธุรกิจ DeFi ที่กำลังเติบโตแม้จะเผชิญหน้ากับการแข่งขันที่สูงแต่ด้วยความที่เป็นแพลตฟอร์มที่มีความแข็งแกร่งอยู่พอสมควรจึงยังทำให้เหรียญ AAVE จะยังสามารถเติบโตและพัฒนาต่อไปได้ในอนาคต