เมื่อความเชื่อเป็นลบ ทุกอย่างก็ลบ

บังทองเมินคำเตือนขงเบ้ง

ครั้งหนึ่ง สุมาเต๊กโช เคยบอกกับเล่าปี่ว่า
หากได้มังกรหลับ (ขงเบ้ง) หรือหงส์ดรุณ (บังทอง)
การใหญ่ของแผ่นดินก็่ลุล่วง
วาสนาเล่าปี่ได้ทั้งสองคนเป็นกุนซือ

เล่าปี่ยกทัพบุกเสฉวนโดยมีบังทองเป็นเสนาธิการ
ส่วนขงเบ้ง เล่าปี่มอบหมายให้ดูแลเมืองเกงจิ๋ว
บังทองสร้างความชอบเอาไว้มาก
สามารถยึดด่านโปยสิก๋วน โดยไม่ต้องเสียไพร่พล
และกำลังเคลื่อนพลเข้าตีเมืองลกเสีย
ซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านของเซงโต๋ เมืองหลวงของเสฉวน

ทว่าขงเบ้งที่อยู่เกงจิ๋วได้ส่งจดหมายด่วนEMS มาให้เล่าปี่มีใจความว่า
“ได้พิเคราะห์ดาวบนฟ้าเห็นดาวดวงหนึ่ง
ปรากฎขึ้นทางประจิมด้านเมืองลกเสีย เห็นว่าจะเสียแม่ทัพนายกอง
ขอให้เดินทัพอย่าประมาท”

เล่าปี่รีบปรึกษาบังทองทันที
พร้อมทั้งจะให้ฮองตงหรืออุยเอี๋ยนอยู่รักษาด่านโปยสิก๋วน
บังทองได้ฟังเช่นนั้น
ก็รู้สึกริษยาขงเบ้ง ที่เล่าปี่เชื่อถือและให้ความเคารพมากกว่าตนเอง

ภายใต้ความริษยาทำให้บังทอง”เมิน” คำเตือนของขงเบ้ง
ทั้งยังคิดว่าขงเบ้งไม่ต้องการให้ตนได้สร้างผลงาน
จึงใช้วิธีโหราศาสตร์ “สกัดดาวรุ่ง” เพื่อให้เล่าปี่ยกทัพกลับเกงจิ๋ว
เพียงเท่านี้เขาก็ไม่สามารถ “สร้าง” ผลงานที่ยิ่งใหญ่ได้
เพราะหากเล่าปี่กลับเกงจิ๋ว
ก็ไม่แน่ว่าขงเบ้งอาจจะมาปฎิบัติหน้าที่แทนเขา

ด้วยเหตุนี้บังทองจึงกล่าวกับเล่าปี่ว่า
ขงเบ้งอยู่ไกล เขาจะมารู้สถานการณ์แนวหน้าได้อย่างไร
เรื่องโหราศาสตร์ก็อย่าได้กังวล
เพราะหากตีความอีกด้านก็จะทำนายว่า
นายท่านจะยึดลกเสียทำการใหญ่สำเร็จ
ว่าแล้วก็โน้มน้าวเล่าปี่ให้เคลื่อนทัพ

การบุกเมืองลกเสียมี 2 เส้นทาง
เล่าปี่ไปทางหนึ่ง
บังทองไปอีกทาง
ทว่าม้าของบังทองพยศ
เล่าปี่จึงเปลี่ยนม้ากับบังทอง

ปรากฏว่าเส้นทางที่บังทองไปนั้น
ต้องผ่านเนินเขาที่ชื่อ “ลกห้องโห” หรือเนินหงส์ร่วง
ปรากฎว่าเตียวหยิมแม่ทัพฝ่ายศัตรู
ซุ่มวางกองทัพเอาไว้บนภูเขา
เมื่อเห็นม้าของเล่าปี่ (แต่บังทองขี่)
จึงรุมยิงจนหงษ์กลายเป็นเม่น
ปิดฉากยอดกุนซือระดับตำนาน

คุณผู้อ่านครับ
ความเชื่อกำหนดความคิด
ความคิดกำหนดการกระทำ
การกระทำกำหนดพฤติกรรม
พฤติกรรมจะเป็นตัวกำหนดชะตากรรม

เมื่อชะตากรรมแย่
ชะตากรรมก็จะไปกำหนดความเชื่อ
แล้ววนเข้าวัฎจักรเดิม

หากคุณเชื่อว่ามีคนกลั่นแกล้งคุณ
วงจรนี้ก็จะทำงานทันที
เหมือนที่บังทองเชื่อว่า ขงเบ้ง ต้องการสกัดดาวรุ่ง
จากความหวังดีก็กลายเป็นประสงค์ร้าย

ที่ผ่านมาบังทองวางแผนไม่เคยพลาด
ตั้งแต่เข้าเสฉวนเขายึดด่านโปยสิก๋วน
โดยไม่ต้องเสียชีวิตไพร่พล
พร้อมทั้งกำจัดเอียวหวยและโกภาย
2 ขุนทหารผู้คุมด่านอย่างง่ายดาย

พิชิตเหลงเปาและเตงเหียน 2 ขุนพลเอกเสฉวนอย่างรวดเร็ว
ส่งผลให้เล่าเจี้ยงผู้ครองเสฉวนถึงกับอึ้ง
ทว่ายอดกุนซืออย่างบังทอง
กลับมาพลาดท่าเสียชีวิตอย่างง่ายดาย

เหตุที่ทำให้เขาตายก็เพราะจิตริษยาของตนเอง
ที่มองว่าขงเบ้งต้องการกลั่นแกล้งตนเอง
หากบังทองตีความคำเตือนหรือความหวังดีของขงเบ้ง
อย่างเถรตรงหรือปราศจากอคติ
ย่อมทำให้การวางแผนบุกเมืองลกเสีย
มีประสิทธิภาพมากกว่านี้
ไม่ใช่เป็นการวางแผนแบบรีบสร้างผลงาน
หรืออย่างน้อยเขาอาจไม่ต้องพบจุดจบอย่างอนาถ

ชีวิตจริงก็เช่นเดียวกันครับ
หลายคนตัดสินใจโดยใช้ความรู้สึกมากกว่าเหตุผล
เมื่อฐานคิดมาจากความหวาดระแวง
การมองโลกก็เต็มไปด้วยความระแวง
กลัวว่าคนนั้นจะมาแย่งผลงาน
กลัวคนนี้จะมีผลงานดีกว่า

มองคำเตือนหรือความหวังดี
เป็นการประสงค์ร้าย
ใครพูดอะไรออกมาก็ถูกตีความว่าเขาจะกลั่นแกล้ง
หรือมองว่าคนอื่นมีใจอิจฉาริษยา

นักบริหารหรือหัวหน้างานที่มีมุมมองแบบนี้
จะไม่เคยทำอะไรเพื่อส่วนรวมหรือคนส่วนใหญ่
ในสมองจะมีแต่การสร้างความชอบเพื่อตนเอง

ฉะนั้นต่อให้เก่งกล้าสามารถ
มีสติปัญญาล้ำเลิศขนาดไหน
ก็ไม่มีทางยกระดับจิตใจตนเองให้สูงกว่าที่เป็นอยู่
ทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของภาวะความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด

บทความโดย : คิดถึงสามก๊ก นึกถึงเปี่ยมศักดิ์