SEO คือสร้างคอนเทนต์ให้ Google ค้นหาได้ง่าย  ค้นหาได้เจอได้ง่าย พูดง่ายๆ ก็คือการทำให้ติดอันดับดีๆ ซึ่งถ้าหาเจอได้ง่าย เมื่อเจอได้ง่ายก็ทำให้มีผู้เข้าชมเพิ่มมากขึ้นนั้นเอง

ในโลกที่อินเตอร์เน็ตเข้าอยู่เป็นส่วนหนึ่งในชีวิต เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกอย่างย่อมมีการเกี่ยวของและยิ่งในงานคอนเทต์นั้นยิ่งต้องอาศัยการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตมากยิ่งขึ้น อินเตอร์เน็ตเป็นโลกที่กว้างไกลและใหญ่เกินกว่าเราจะออกค้นหาเองได้ ดังนั้นจึงมีเครื่องมือในการค้นหาข้อมูลต่างๆจากอินเตอร์เน็ตที่เรียกกันว่า search engine  เป็นตัวช่วย ในการค้นหาเพื่อประหยัดเวลาและสะดวกมากขึ้น

ปัจจุบัน search engine  ที่ได้รับความนิยมอันดับหนึ่ง คือ Google  ทำให้การทำการตลาดออนไลน์ การทำธุรกิจออนไลน์ ต้องการให้ search engine  นั้นค้นหาในคอนเทนต์ของตนเองให้เจอและเห็นได้ก่อนใคร ดังนั้นวันนี้เรามีเทคนิคในนำคอนเทนต์ของเราให้อยู่กับการจัดอันดับของ Google  โดยเราต้องอาศัย SEO (Search Engine Optimization)

SEO คือสร้างคอนเทนต์ให้ Google ค้นหาได้ง่าย  ค้นหาได้เจอได้ง่าย พูดง่ายๆ ก็คือการทำให้ติดอันดับดีๆ ซึ่งถ้าหาเจอได้ง่าย เมื่อเจอได้ง่ายก็ทำให้มีผู้เข้าชมเพิ่มมากขึ้นนั้นเอง ยิ่งเข้าชมมากก็ทำให้จุดประสงค์ของการทำคอนเทนต์สำเร็จได้ง่ายขึ้นตามมา และที่สำคัญไม่ต้องลงทุนมากเพื่อโฆษณาคอนเทนต์ของเราเพื่อให้มีคนเข้าชม

วิธีการทำให้ Google ค้นหาเจอใน

 1.บทความต้องมีคำสำคัญหรือคำค้นหา

คำสำคัญ คำค้นหา หรือเรียกว่า “Keyword” เป็นสิ่งที่เราอยากให้คนเจอเรา เวลาค้นหาด้วยคำสำคัญนี้ การเขียนบทความหรือคอนเทนต์ นักเขียนจะคิดแค่เขียนให้จบตามโครงสร้าง แต่พอมาเขียนคอนเทนต์บนโลกออนไลน์ทุกสิ่งก็เปลี่ยน เพราะการเขียนคอนเทนต์บนโลกออนไลน์นั้นต้องคิดเลยไปถึงสิ่งที่เราเขียนอยู่นั้น คนที่เข้ามาชมจะใช้คำสำคัญไหนค้นหาจาก search engine  ให้มาเจอคอนเทนต์ของเรา มีวิธีง่ายๆดังนี้

-เขียนเรื่องอะไร เลือกใช้คำสำคัญนั้น เช่น เขียนเกี่ยวกับธุรกิจ SMEs ก็ใช้คำว่า SMEs เป็นเป็นคำสำคัญ

-คิดกลับทางเมื่อเราเป็นผู้อ่าน คิดว่าในทางกลับกัน ถ้าเราเป็นผู้อ่านจะค้นหาด้วยคำใด ใช้ประโยคไหน วลีใด

-ศึกษาคำสำคัญที่เราใช้ ในกรณีนี้เราต้องหาข้อมูลของคำสำคัญของเรามี 2 ปริมาณการค้นหามาแค่ไหน อันนี้อาจจะต้องใช้ฟังก์ชั่นของ Google ที่ชื่อว่า Google Keyword Planner เพื่อช่วยวิเคราะห์ให้

2.วางคำค้นหาให้ตรงจุด

การใส่คำสำคัญ คำค้นหานั้นต้องมีการวางให้ตรงกับที่ Google ต้องการค้นหามีทั้งหมด 5 จุดได้แก่

-Title หมายถึงชื่อคนเทนต์

– URL คือชื่อลิงก์ของคอนเทนต์  แนะนำควรเป็นภาษาอังกฤษ

-Description คือ คำบรรยายคอนเทนต์

– Headings คือ หัวข้อต่างๆ

– Name image และ Alternative Text  คือชื่อภาพและ ข้อความอธิบายรูปภาพ

3.กระจายคำค้นหาในคอนเทนต์

คำค้นหานั้นไม่เพียงแต่เราใส่ลงไปใน 5 จุดเท่านั้นแต่ต้องใส่ลงไปในเนื้อหาของบทความด้วย แต่อยู่ในจำนวนไม่มากจนมาก โดยไม่เกิน 2.5% เมื่อเทียบกับปริมาณคำทั้งหมดของคอนเทนต์ เราควรใส่คำสำคัญในประโยคแรกของคอนเทนต์ จากนั้นก็กระจายคำลงทั่วทั้งคอนเทนต์แบบหลวมๆ

4.คุณภาพคือ SEO ที่ดี

เราจะรู้ได้ยังไง ว่าบทความไหนมีคุณภาพ เราสามารถสรุปได้ดังนี้

-ความยาวของคอนเทนต์  ความยยาวของคอนเทนต์จะเป็นตัวชี้ได้ว่าคอนเทนต์นั้นมีแนวโน้มจะเป็นบทความที่มีคุณภาพ คำแนะนำขั้นต่ำคือ 500 คำ หรือถ้าเป็นไปได้ก็ประมาณ 1000 คำ กำลังดี

-ความสดใหม่ คำว่าสดใหม่ในที่นี้หมายถึง การ เขียนขึ้นเอง เขียนก่อนคนอื่น

-Engagement ยิ่งมีมากยิ่งดี โดยถ้าคอนเทนต์ของเราได้รับการแชร์ออกไปมากจะมีผลต่อ ก็จะมีผลต่อการทำ SEO ด้วย ยิ่งมาก SEO ยิ่งสูง

 

นักสร้างคอนเทนต์ ทำอย่างไรให้คนชอบและแชร์มันนั้นเป็นโจทย์ที่สำคัญ ในการทำคอนเทนต์แต่ละครั้งเราต้องมองไปถึงการเขียนที่ทำให้ Google ทำงานได้อย่างดี  ใครเขียนก่อน และคนอ่านแชร์มากแค่ไหน คือสิ่งสำคัญที่หลายๆคนตั้งเป้าหมายไว้ ในความเป็นจริงมันเป็นไปได้ยากที่เราจะเป็นคนเขียนออกมาเป็นคนแรก แต่ไม่ยากเกินกว่าที่เราจะทำได้

ถ้าเราเขียนได้ดีมากว่าคนอื่น  และถ้ายิ่งเราผสมผสานกับการเลือกคำค้นหาลงในคอนเทนต์ได้ดี มันจะทำให้ การจัดอันดับของ Google ดีขึ้นตามมาด้วย” ตอนนี้อย่ารอช้าเราเริ่มทำกันเลย