ร้านกาแฟ หนึ่งในธุรกิจยอดฮิตและยังเป็นธุรกิจในฝันของใครหลายคน เราจึงได้เห็นร้านกาแฟถือกำเนิดขึ้นมากมาย แต่ละร้านมีสไตล์การตกแต่งและบรรยากาศที่แตกต่างกันไป ใครที่อยากทำธุรกิจร้านกาแฟ แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน ต้องใช้อุปกรณ์อะไรบ้าง ต้องเตรียมเงินลงทุนประมาณเท่าไหร่ และทำอย่างไรให้ขายดี บทความนี้ได้รวมรวบเรื่องที่มือใหม่ควรรู้ เพื่อเป็นแนวทางในการเตรียมตัวก่อนเปิดร้านกาแฟ

ขายกาแฟสดลงทุนเท่าไหร่

เปิดร้านกาแฟต้องใช้เงินลงทุนมากน้อยแค่ไหน? ขึ้นอยู่กับรูปแบบธุรกิจที่เราเลือก สามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ คือ

  • ร้านกาแฟแบบเคาน์เตอร์เล็กๆ เริ่มต้นที่หลักหมื่น มักตั้งอยู่ข้างทาง อาคารสำนักงาน รถไฟฟ้า สถานศึกษา
  • ร้านกาแฟแบบมุมกาแฟ เริ่มต้นที่หลักแสน ลักษณะคล้ายเคาน์เตอร์บาร์ อาจมีโต๊ะเล็กๆ เพื่อให้ลูกค้านั่งรอกาแฟ มักจะอยู่ภายในห้างสรรพสินค้า Community Mall
  • ร้านกาแฟแบบ Stand Alone ร้านแบบนี้ลงทุนค่อนข้างสูง ตั้งแต่หลายแสนบาทไปจนถึงหลักล้าน ลักษณะเป็นร้านเดี่ยวๆดัดแปลงจากที่พักอาศัย อาคารพานิชย์

มีเงินลงทุนอยู่ก้อนหนึ่ง แบ่งสัดส่วนค่าใช้จ่ายอย่างไร?

  • เงินสำหรับค่าใช้จ่ายภายในร้าน ใช้สำหรับซื้ออุปกรณ์เข้าร้าน ค่าเช่า ค่าจ้างพนักงาน ค่าออกแบบตกแต่งร้าน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ
  • เงินทุนหมุนเวียนภายในร้าน สำหรับซื้อวัตถุดิบที่ต้องใช้ประจำวัน
  • เงินสำรองฉุกเฉิน เตรียมไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉินที่จำเป็น เช่น ซ่อมแซมปรับปรุงร้าน อุปกรณ์เกิดการชำรุดเสียหาย

ต้นทุนอุปกรณ์ร้านกาแฟ

  1. เครื่องชงกาแฟ ควรเลือกให้เหมาะกับขนาดธุรกิจและกลุ่มลูกค้า ตัวเครื่องจะต้องมีประสิทธิภาพที่สามารถรองรับปริมาณการขายในแต่ละวัน ราคาจะสูงตามคุณภาพของเครื่อง เครื่องชงกาแฟคุณภาพดีจะช่วยให้การชงกาแฟได้มาตรฐานในทุกๆ แก้ว
  • เครื่องชงกาแฟขนาดเล็ก ราคาเริ่มต้นที่ 30,000 – 60,000 บาท
  • เครื่องชงกาแฟขนาดกลาง ราคาเริ่มต้นที่ 50,000 – 80,000 บาท
  • ครื่องชงกาแฟขนาดใหญ่ ราคาเริ่มต้นที่ 100,000 – 300,000 บาท เหมาะกับร้านขนาดใหญ่ที่รองรับลูกค้าจำนวนมาก
  1. อุปกรณ์อื่นๆ ที่ใช้สำหรับการชงกาแฟ ประมาณ 15,000 – 20,000 บาท
  • อุปกรณ์ในการชง เช่น เครื่องบดเมล็ดกาแฟ เครื่องตีฟองนม แก้วชง แก้วตวง
  • อุปกรณ์เบ็ดเตล็ดอื่นๆ เช่น แก้วพลาสติก หลอด ที่เปิดฝากระป๋อง กระปุกใส่วัตถุดิบ
  1. วัตถุดิบที่ใช้ทำเครื่องดื่ม ขึ้นอยู่กับเมนูภายในร้าน งบโดยประมาณ 3,000 – 5,000 บาท เช่น เมล็ดกาแฟ นมสด น้ำตาล ผงชาเขียว ผงโกโก้ ไซรัปรสชาติต่างๆ ซึ่งเมล็ดกาแฟมีให้เลือกหลายสายพันธุ์ ทั้งในไทยและจากต่างประเทศ ราคาตั้งแต่หลักร้อยขึ้นไป

การตั้งราคาขาย จุดคุ้มทุน กำไร

สำหรับการเปิดร้านกาแฟ การเลือกทำเลที่ตั้งเป็นเรื่องสำคัญ ทำเลที่ดีจะต้องเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของร้านเรา ซึ่งมีผลต่อการตั้งราคาขายเช่นกัน แล้วต้องขายกาแฟแก้วละเท่าไหร่ ถึงจะได้กำไร? บางคนคิดว่าขายกาแฟ กำไรดี แต่รู้หรือไม่ว่า กาแฟ 1 แก้ว ต้นทุนไม่ได้มีแค่เมล็ดกาแฟ นม น้ำตาลเท่านั้น แต่ยังมีต้นทุนแฝงอย่างอื่น เช่น ค่าเช่า ค่าแรง ค่าน้ำค่าไฟ ค่าเสื่อมของอุปกรณ์ จึงต้องคำนวณต้นทุนให้ดีก่อนตั้งราคาขาย รวมไปถึงระยะเวลาในการคืนทุนที่ค่อนข้างนาน อาจมาจากสัดส่วนต้นทุนคงที่ที่ค่อนข้างสูง ทำให้ช่วงแรกของการเริ่มต้นธุรกิจ อาจมีกำไรไม่มากนัก

ก่อนจะคำนวณว่าควรตั้งราคาขายเท่าไหร่ แต่ละเดือนควรขายได้กี่แก้ว ลองมาดูในส่วนของต้นทุนกันก่อน ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภท

  1. ต้นทุนคงที่ คือ ต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะมียอดขายหรือไม่ เช่น ค่าเช่าสถานที่ ค่าจ้างพนักงาน ค่าเสื่อมราคา ค่าเครื่องชงกาแฟและอุปกรณ์ต่างๆ
  2. ต้นทุนแปรผัน คือ ต้นทุนที่เพิ่ม หรือลดผันแปรไปตามยอดขาย หากไม่ได้ขาย ต้นทุนตรงนี้ก็จะไม่เกิด เช่น ค่าวัตถุดิบ ค่าบรรจุภัณฑ์ ค่าน้ำ ค่าไฟ

ตัวอย่าง คำนวณหาระยะเวลาในการคืนทุน

ลองวางแผนธุรกิจร้านกาแฟคร่าวๆ สมมติว่าเงินลงทุนค่าเช่าและอุปกรณ์เท่ากับ 300,000 บาท เงินทุนหมุนเวียน 100,000 บาท เท่ากับ 400,000 บาท ทั้งหมดนี้คือเงินลงทุนในการเตรียมเปิดร้านกาแฟ ประมาณการณ์ว่าจะขายกาแฟได้ 100 แก้ว/วัน

  • หากขายกาแฟแก้วละ 40 บาท ยอดขายต่อเดือนเท่ากับ (40×100) x30 = 120,000 บาท
  • ต้นทุนต่อแก้วเท่ากับ 12 บาท ต้นทุนต่อเดือนเท่ากับ (12×100) x30 = 36,000 บาท

ดังนั้นกำไรขั้นต้น ก่อนหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินการต่างๆ เท่ากับ 84,000 บาท

ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ

  • ค่าเช่ารายเดือน 30,000 บาท
  • ค่าจ้างพนักงาน 2 คนๆ ละ 15,000 บาท เท่ากับ 30,000 บาท
  • ค่าน้ำค่าไฟเดือนละ 5,000 บาท

รวมค่าใช้จ่ายดำเนินการ 30,000 + 30,000 + 5,000 = 65,000 บาท

ดังนั้น กำไรเท่ากับ 84,000 – 45,000 = 19,000 บาท คิดเป็น 15.8% ของยอดขายต่อเดือน เงินลงทุน 300,000 บาท (ไม่รวมเงินทุนหมุนเวียน) หารด้วยกำไรสุทธิ 19,000 บาท เท่ากับว่าระยะเวลาคืนทุนประมาณ 16 เดือน

ทำธุรกิจร้านกาแฟให้รอด ต้องพิจารณาจุดคุ้มทุน (Break Even Point) ซึ่งก็คือ จุดที่รายได้เท่ากับต้นทุนพอดี เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการวางแผนธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ รู้ว่าจะต้องมียอดขายเท่าไหร่ต่อเดือน แต่ละวันควรขายได้กี่แก้ว จึงจะไม่ขาดทุน ตรงนี้ช่วยให้พิจารณาเรื่องการกำหนดราคาขายได้ด้วย

มาดูกันว่า ต้องมียอดขายต่อเดือนเท่าไหร่? จึงจะคุ้มทุน

จุดคุ้มทุน = ต้นทุนคงที่ + ต้นทุนแปรผัน = ยอดขาย

จากกรณีศึกษาเดิม สมมติว่าเราลงทุนทำร้านกาแฟ 300,000 บาท ค่าใช้จ่ายดำเนินการ 65,000 บาท

  • คำนวณหาค่าเสื่อม สมมติว่าอายุการใช้งาน 5 ปี จะได้ค่าเสื่อมปีละ 300,000 หารด้วย 5 ปี = 60,000 เท่ากับ 5,000 บาท/เดือน ดังนั้นต้นทุนคงที่ เท่ากับ 65,000 + 5,000 = 70,000 บาท
  • หารด้วยกำไรส่วนเกิน 28 บาท/แก้ว จะได้ 2,500 แก้ว/เดือน หรือ 84 แก้ว/วัน ถ้าขายได้น้อยกว่านี้จะขาดทุน แต่ถ้ามากกว่านี้จะได้กำไร หรือต้องขายให้ได้ (84×40) x 30 = 100,800 บาท/เดือน จึงจะไม่ขาดทุน

วิธีการทำการตลาดให้ขายดี

ธุรกิจร้านกาแฟเป็นธุรกิจที่มีความท้าทาย มีผู้เล่นหน้าใหม่เกิดขึ้นเรื่อยๆ ในทุกปี อย่างที่รู้กันว่าไม่ใช่ผู้ประกอบการทุกรายที่จะประสบความสำเร็จในวงการนี้ เพราะต้องเผชิญกับการแข่งขันที่สูง นอกจากทำเลที่เป็นปัจจัยสำคัญแล้ว ก็ต้องอาศัยการวางแผนธุรกิจ กลยุทธ์ทางการตลาดทั้งตลาดท้องถิ่นและช่องทางออนไลน์ร่วมด้วย มีเทคนิคการตลาดอะไรบ้างที่ช่วยให้ขายดี

1.เพิ่มการประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางต่างๆ

มองหาช่องทางที่หลากหลายในการโปรโมทร้าน เป้าหมายก็เพื่อขยายฐานลูกค้าหน้าใหม่ ในขณะเดียวกันก็เพื่อดึงดูดลูกค้าเดิมให้เข้ามาใช้บริการอีก รายได้หลักของร้านกาแฟนั้นมาจากลูกค้าประจำในแต่ละวัน ผู้ประกอบการควรที่จะติดตามเทรนด์และแนวโน้มของตลาด เพื่อที่จะสามารถปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและเหมาะสม

2.มีโปรโมชั่นดึงดูดลูกค้าให้กลับมาใช้บริการบ่อยๆ

การจัดโปรโมชั่น เป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยกระตุ้นยอดขาย อาจทำโปรโมชั่นซื้อครบ 10 แก้ว แถมฟรี 1 แก้ว ใช้กลยุทธ์จับคู่สินค้า เช่น จับคู่กับเบเกอรี่ หรือเครื่องดื่มอีกแก้ว ร้านที่เพิ่งเปิดใหม่อาจใช้วิธีเชิญชวนให้ลูกค้าถ่ายรูปแล้วแชร์ลงโซเชียลมีเดีย เพื่อรับส่วนลด หรือทานครบ XX บาท ได้รับสิทธิถ่ายรูปโพลารอยด์ 1 ใบ

3.เพิ่มช่องทางเดลิเวอรี่

หากร้านกาแฟตั้งอยู่ภายในบริเวณอาคารสำนักงาน ซึ่งช่วงบ่ายจะเป็นเวลาที่ลูกค้าต้องทำงาน ไม่สามารถออกมาซื้อกาแฟได้ แนะนำให้เพิ่มบริการจัดส่งถึงหน้าออฟฟิศ หรือเข้าร่วมแอปพลิเคชั่นที่ลูกค้าสามารถสั่งซื้อทางออนไลน์ได้ อย่างในช่วงวันหยุดที่ลูกค้าอยากดื่มกาแฟ แต่ไม่อยากออกจากบ้านหรือเผชิญกับรถติด บริการส่วนนี้ช่วยตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ในขณะเดียวกันทางร้านก็ได้ยอดขายที่เพิ่มขึ้นด้วย

สำหรับใครที่อยากเปิดร้านกาแฟ นอกจากจะเริ่มต้นทำธุรกิจด้วยใจรักแล้ว จะต้องมีการหาข้อมูล ขายกาแฟสดลงทุนเท่าไหร่ และเตรียมเงินลงทุนให้พอกับขนาดของธุรกิจ ควรมีความรู้พื้นฐานทางการเงิน สามารถจัดการบัญชีรายรับ-รายจ่ายได้ และต้องไม่ลืมที่จะวางแผนสำรองให้รัดกุม เมื่อเกิดปัญหาจะได้แก้ไขได้ทัน รวมถึงเพิ่มการประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางใหม่ ทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการบริการที่จริงใจ เพื่อให้ธุรกิจที่เรารักประสบความสำเร็จ


บริการอบรม ให้คำปรึกษาการทำธุรกิจออนไลน์  ฝึกอบรมภายในบริษัท แบบตัวต่อตัว การทำ  Content  Marketing,การโฆษณา  Facebook,การโฆษณา  Tiktok,การตลาด  Line  OA และการทำสินค้าให้คนหาเจอบน Google

บริการดูแลระบบการตลาดออนไลน์ให้ทั้งระบบ 
ขายกาแฟสดลงทุนเท่าไหร่