ส้มตำมาแล้วจ้า” เสียงแม่ค้าตะโกน ขณะเข็นรถผ่านหน้าบ้านหลังหนึ่งที่ผมกำลังนั่งทำงานอย่างเคร่งเครียด เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ผมรีบลุกพรวดพราดออกไปหาแม่ค้าด้วยความสดชื่น

“เหมือนเดิมครับป้า” ผมส่งจานให้ป้าพร้อมสั่ง “น้ำตกหมูและข้าวเหนียวเยอะๆ นะป้า”

ผมกลับเข้ามานั่งกินในบ้านอย่างเอร็ดอร่อย กินหมดทุกอย่างไม่เหลือ แม้แต่น้ำซุปติดก้นจาน ผมก็เอาข้าวเหนียวจิ้มกินจนหมด

นี่เป็นอาหารที่วิเศษสุด ที่ผมพอจะหาซื้อได้ด้วยเงินที่จำกัดที่ต้องใช้ในแต่ละวัน ลาบน้ำตกหมู แกล้มด้วยน้ำตาที่มันไหลออกจากผู้ชายอกสามศอก ข้าวเหนียวกำแน่นจิ้มกับรอยแผลความผิดหวังจากธุรกิจ มีอยู่บ่อยครั้งที่ผม ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปในโลกนี้

ข้าวเหนียวน้ำตกหมู มันเป็นความทรงจำเป็นช่วงเวลาที่แสนขมขื่น แต่กระนั้นมันก็ยังมีสิ่งดี ๆ ที่พอให้ผมมีชีวิตมาได้จนทุกวันนี้

ตอนนั้นผมทำธุรกิจขาดทุนหนักมาก เหลือเงินติดตัวนิดเดียว ผมจึงต้องกินข้าววันละมื้อ ให้ผมอยู่รอดได้ตั้งแต่เช้ายันเที่ยงคืนช่วงเวลานั้น ผมเป็นคนนึงที่เข้าใจคำว่า “มืดแปดด้าน” ดีที่สุด ไม่รู้ว่าชีวิตจะเดินไปทางไหน มืดมนจนมองไม่เห็นทาง ยิ่งตอนกลางคืนที่ไร้แสงสว่างแล้ว ผมนอนร้องไห้หลับไปบ่อยครั้ง

พูดไปเหมือนละครน้ำเน่า….แต่จะบอกว่า ชีวิตจริงมันเน่ากว่าในละครครับ เล่นจริง เจ็บจริง และ เจ๊งจริง ๆ

ย้อนเวลา หาอนาคต

ย้อนเวลากลับไปก่อนหน้านี้ ในปี 2543 ดูเหมือนเรื่องราวมันเพิ่งผ่านไปเมื่อวานนี่เอง

ผมเพิ่งเรียนจบ ม.หัวเฉียวฯ สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ ตอนนั้นหางานทำยากมาก เพราะเป็นช่วงฟื้นฟูวิกฤตต้มยำกุ้ง ผมใช้เวลานานอยู่หลายเดือนจนได้ทำงานในโรงงาน ด้วยตำแหน่งโปรแกรมเมอร์ เงินเดือน 8,000 บาท ดูแลเครื่องคอมพิวเตอร์ประมาณ 100 เครื่อง มีผมเป็นไอทีอยู่คนเดียวทำงานที่นี่ได้ไม่นาน รู้ตัวว่างานแบบนี้ไม่เหมาะกับผมเท่าไหร่ จึงตัดสินใจลาออกไปทำธุรกิจพัฒนาเว็บไซต์ของตัวเอง

“ธุรกิจของตัวเอง” ฟังดูเท่ชะมัด แต่เอาเข้าจริง ผมแทบไม่รู้อะไรที่เกี่ยวกับธุรกิจเลย ผมรู้จักแต่การสร้างสินค้าและบริการที่ดีแต่ไม่สามารถสร้างยอดขายและกำไรให้อยู่รอดได้ ขาดสภาพคล่องรุนแรง เงินที่เก็บมาทั้งชีวิตหมดลงอย่างรวดเร็ว ผมต้องขายทรัพย์สินส่วนตัวไป จนเหลือเงินติดตัวไม่กี่บาท กินน้ำตกหมูข้าวเหนียวประทังชีวิตมื้อเดียวเกือบเดือน

ระหว่างที่ต้องจองจำตัวเองอยู่กับความผิดพลาด ผมเฝ้าโทษตัวเอง ว่า ทำไม ๆๆ แต่ก็ไม่มีคำตอบอะไรเลยนอกจากคำว่า “โชค” คงยังไม่เข้าข้างเรา

            แอบน้อยใจในวาสนาบ้าง แต่ชีวิตยังคงต้องลุกขึ้นมาสู้ใหม่เพราะได้กำลังใจจากครอบครัว ผมบอกตัวเองว่าคงต้องหางาน หาเงินมาประทังชีวิตต่อ ได้เวลากลับไปเป็นลูกจ้างอีกสักครับ ผมร่อนจนหมายไปหลายที่ วันไหนที่ต้องไปสัมภาษณ์งานก็ต้องใช้วิธีการเดินทางที่ประหยัดที่สุด เดินได้เป็นเดิน เดินจนเหงื่อท่วมตัว และแล้ว “สวรรค์” ก็ยังเห็นใจผม หยิบยื่นงานใหม่ให้ผมได้พอมีเงินมาปะทังชีวิต ผมใช้เวลาเรียนรู้ พัฒนา ทำให้ผมมีทักษะมากขึ้น กว่า 10 ปี

ผมได้โอกาสทำงานกับบริษัทชั้นนำของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทด้านการเงินส่วนบุคคลหรือ บริษัทค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยก็ตาม แต่หัวใจยังคงเต้นเรียกร้องให้ออกจาก วงจรนี้ตลอดเวลา ผมยังนึกถึงวันที่ผมเป็นเจ้า ของกิจการตอนนั้นได้ ผมรู้แล้วหละว่าทำไมตอนนั้นถึงได้เจ๊ง ถ้ามีโอกาสอีกครั้งผมจะไม่ทำให้มันพลาดอีกอย่างแน่นอน

จนกระทั่งปี 2010 ผมบอกว่าตัวเองพร้อมแล้ว กระดาษ A4 พิมพ์ข้อความอย่างดี พร้อมกับซองขาว ผมยื่นให้กับหัวหน้างาน ใบประกาศอิสรภาพครั้งใหม่ ผมพร้อมที่จะก้าวออกมาผจญภัยโลกธุรกิจส่วนตัวอีกครั้งหนึ่ง ผมเปิดบริษัทรับพัฒนาซอฟต์แวร์ เว็บไซต์ และให้บริการที่ปรึกษาด้านไอที โดยปีแรกล้มลุกคลุกคลาน จึงต้องเปลี่ยนโมเดลธุรกิจใหม่ สร้างรายได้หลายทาง จนทำให้ผลประกอบการดีขึ้น

จากอาคารร้างสร้าง ตำกุ๊กไก่ & สีลมสเปซ

ธุรกิจหลักเริ่มตั้งตัวได้ ผมก็พยายามมองหารู้แบบการลงทุน  รูปแบบธุรกิจใหม่ ๆ เพิ่ม และธุรกิจหนึ่งที่ติดใจผมตลอดเวลาคือ ลาบ น้ำตก ข้าวเหนียว ส้มตำ ที่ทำให้ผมมีชีวิตมาถึงวันนี้ ถ้ามีโอกาสผมจะทำธุรกิจนี้เพื่อเป็นการระลึกถึงความหลัง และต้องการถ่ายทอดประสบการณ์ดี ๆ ให้กับเพื่อน ๆ ผ่านความเข้าใจใส่ในรสชาติอาหาร และบริการ ที่ผมจะทำมันด้วยหัวใจ

ช่วงปลายปี 2014มีคนแนะนำให้ผมมาดูทำเลอาคารพาณิชย์ 7 ชั้น ใจกลางสีลม แม้ว่าอาคารนี้จะถูกปล่อยร้างมานานกว่า 10 ปีแต่ผมก็สนใจมาก เนื่องจากทำเลอยู่ในย่านเศรษฐกิจจึงรีบเข้าไปสำรวจทำเลทันทีจากนั้นจึงวางแผนและออกแบบโมเดลธุรกิจ เพื่อขอเสนอเช่าพื้นที่กับเจ้าของบ้าน หลังจากที่เจ้าของบ้านอนุมัติให้เช่า ผมจึงรีบดำเนินการปรับปรุงและตกแต่งสถานที่ทันที จากนั้นไม่กี่เดือน เราจึงเปิดให้บริการร้านอาหาร “ตำกุ๊กไก่” ในบริเวณชั้นล่าง และ “Silom Space” อยู่ด้านบนตั้งแต่ชั้น 2 ถึงชั้น 7 ครับ

ทุกซอกทุกมุมของร้านผมสร้างมันมากับมือครับ วันแรกที่เปิดร้าน น้ำตาผมแทบทะลัก มันเอ่อล้นออกมาจากหัวใจ “ข้าวเหนียว น้ำตก” จากวันนั้น วันนี้ผมทำสำเร็จแล้ว ผมอยากให้ทุกคนได้มีโอกาสสัมผัสความรู้สึกนี้เหมือนกับที่ผมได้สัมผัส และส่งมอบมันออกมาจากหัวใจ สู่อาหาร

ตำกุ๊กไก่” เกิดจากด้วยความที่ผมผูกพันและชอบทานอาหารอีสาน รวมทั้งอยากให้คนสีลมได้สัมผัสและรับประทานอาหารอีสานที่อร่อยและสะอาดจริงๆ ผมจึงเปิดร้านอาหารไทย-อีสาน “ตำกุ๊กไก่” ขึ้นมาด้วยแนวคิด อร่อย สะอาด บรรยากาศดี คุณภาพระดับเดียวกับโรงแรม ในราคาไม่แพง

“Silom Space”เกิดจากไอเดียที่ผมอยากช่วยเหลือสนับสนุนผู้ที่ต้องการเริ่มต้นทำธุรกิจ หรือ Startup ให้เค้าใช้เงินลงทุนน้อยแต่มีอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วนในการทำงาน ด้วยแนวคิดGood Place & Best Friends

ตำกุ๊กไก่ ใส่ใจทุกขั้นตอน

ผมและภรรยามีเงินลงทุนร้านตำกุ๊กไก่ไม่มากนัก ตรงไหนที่เราตกแต่งเองได้ เราก็ลงมือทำเองเลยโดยเน้นการใช้ไอเดียเป็นหลัก และพยายามหาวัสดุและอุปกรณ์ที่ราคาไม่แพงมาตกแต่ง เช่น เราใช้สติ๊กเกอร์กระดานดำ มาแปะผนังแทนวอลเปเปอร์ แล้วใช้ปากกาเขียนกระดานดำแบบไร้ฝุ่น มาวาดรูปแทน ทำให้ประหยัดเงินการตกแต่งได้มาก

อีกตัวอย่างนึง ตอนแรกสถาปนิกออกแบบให้เคาน์เตอร์แคชเชียร์เป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้ซึ่งมีราคาสูงมาก เราเลยออกแบบใหม่ ให้ช่างปูนก่อเคาน์เตอร์ปูนเปลือยทำให้งานเสร็จเร็วและประหยัดเงินได้มากอีกด้วย

ผมเลือกเพื่อนร่วมงาน หลายคนอาจจะเรียกว่าพนักงาน แต่สำหรับ “ตำกุ๊กไก่” ทุกคนคือเพื่อนร่วมงานผม ทุกคนเป็นเหมือนหุ้นส่วนที่จะมาช่วยกัน สร้างความสุขเล็ก ๆ ให้กับผู้คนในละแวกสีลม เชฟของเราทั้งหมดเป็นผู้มีความสามารถ และมีประสบการณ์ในร้านอาหารระดับโรงแรม รวมถึงร้านส้มตำชื่อดังด้วยนอกจากมีการทดสอบฝีมือของทีมงานแล้ว เรายังพิจารณาถึงทัศนคติ ความร่วมมือกันทำงาน และการให้บริการลูกค้าด้วย นอกจากนี้เรายังเลือก Supplier ส่งอาหารสดเกรดเดียวกับโรงแรม ทำให้อาหารของเราสดใหม่ มีคุณภาพสูงด้วยครับ

ตำกุ๊กไก่ กับทิศทางในอนาคต

วันนี้เราพูดได้เต็มปากว่า “ตำกุ๊กไก่” ประสบความสำเร็จในขั้นแรกแล้ว เนื่องจากที่เปิดร้านมาได้ 3 เดือนลูกค้าให้การตอบรับดีเกินความคาดหมาย เวลาลูกค้ามาทานที่ร้าน เค้าก็ทานอาหารอย่างอร่อยและมีความสุข นี่แหละครับคือความสุขของเรา แต่ยังมีเรื่องให้เราต้องพิสูจน์ตัวเองอีกมากโดยเฉพาะผลประกอบการ หากผลงานเป็นที่น่าพอใจ เราจะขยายสาขาออกไปทั่วกรุงเทพมหานคร ทั้งในรูปแบบ Casual diningและรูปแบบ Kiosk ต่อไปในอนาคตครับ

ตำกุ๊กไก่ ขอขอบพระคุณ

เราเชื่อว่า ถ้าเราตั้งใจส่งมอบสิ่งดีแก่ผู้อื่นแล้วเราจะได้รับสิ่งดีตอบกลับมา สิ่งนั้น คือ “ความสุข”

ในฐานะผู้ก่อตั้งร้าน “ตำกุ๊กไก่” ผมขอใช้โอกาสนี้ ขอขอบพระคุณ คุณลูกค้าทุกท่าน ทั้งที่สนับสนุนอุดหนุน และให้กำลังใจพวกเรากันมาอย่างสม่ำเสมอ

เราจะ “เสิร์ฟความสุข บนจานแซ่บ” ให้ดีที่สุดครับ

เพจร้านอาหาร ตำกุ๊กไก่ กำลังรอคุณสนับสนุนอยู่ครับ

www.facebook.com/TumGoogai

ความเห็นเถ้าแก่ใหม่

ผมรู้จักกับคุณบอนเจ้าของกิจการเป็นการส่วนตัว กว่า 1 ปีครับ รับรู้เรื่องราวเหล่านี้มาตลอด จนคุณบอนได้มีโอกาสมาแบ่งปันเรื่องคราวในหนังสือ “เถ้าแก่ใหม่ใจถึง แนวคิดสร้างธุรกิจเงินล้าน” และนั่นเป็นครั้งแรกที่ผมได้รับรู้เรื่องราวของ “น้ำตก ข้าวเหนียว”

ตอนนั้นคุณบอนเพียงแค่พูด เล่าให้ฟัง แต่ยังไม่มีร้าน ตำกุ๊กไก่ และแล้ววันนี้ คุณบอน ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า

ต่อให้ล้มสักกี่ครั้ง หากเรายังสู้ต่อ ชีวิตเรายังเดินต่อ

ความผิดพลาดในวันวาน มันก็คือ แรงผลักดันอย่างดีที่จะทำให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้น

ดังเช่น ข้าวเหนียวน้ำตก วันละมื้อที่ทำให้คุณบอน ก้าวมาถึงวันนี้