นักเขียน” ต้องบอกว่าเป็นอีก 1 อาชีพหรือ ธุรกิจ ที่ตัวผมเองก็เพิ่งค้นพบตัวตนเมื่อปี 2557 ในครั้งนั้นผมมีโอกาสได้เข้าสัมมนาเกี่ยวกับการเป็นนักเขียน และนั่นมันคืออีกหนึ่งวันที่ “ปลุก” ผมให้ตื่น ขึ้นมา “เขียน”

คุณอ้อ ผมมีโอกาสได้รู้จักบนโลกออไลน์ เจอกันในงานสัมมนาครั้งหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้มีโอกาสพูดคุยอะไรกันมาก

ผมทราบเพียงว่าคุณอ้อ คือนักเขียน ท่านหนึ่ง

วันเวลาผ่านไปครับ ผมติดตามผลงานคุณอ้อ คุณอ้อติดตามงานเขียนผม

จนผมบอกตัวเองว่า “อยากรู้จัก” นักเขียนท่านนี้มากยยิ่งขึ้น

นี่คือเรื่องราวของ นักเขียนรุ่นพี่ ที่ให้โอกาสนำเรื่องราวประสบการณ์ชีวิต

กว่าจะมาเป็นนักเขียนในวันนี้ครับ…คุณอ้อ โรสรินทร์

แนะนำตัวกับเพื่อน ๆ เลยครับ

สวัสดีค่ะ อ้อ หรือโรสรินทร์ พุมฤทธิ์นะคะ

ชีวิตของอ้อ วนๆ เวียนๆ อยู่กับตัวหนังสือ เรียกได้ว่ามีความฝันตั้งแต่เด็กเลยก็ว่าได้ คืออยากมีหนังสือเป็นชื่อตัวเองสักเล่ม…

จากความฝัน แล้วทำอย่างไรต่อเพื่อให้ถึงฝันนั้น

หลังจากจำความได้รู้สึกว่าชอบอ่านกลอนในหนังสือขวัญเรือนในห้องสมุด…และเป็นด่านแรกที่จุดประกายความฝัน อยากมีผลงานตีพิมพ์แบบนี้บ้าง …

ด้วยความกระหาย..ไม่พอความกระสันมันกระเพื่อม

จับดินสอดฝึกปรือเขียนด้วยตัวเอง ถูกๆ ผิด ๆ ก็ขอได้ลองเขียน

และรวบรวมความกล้า ส่งผลงานลายมืออันระเหี่ย..แต่งแบบมั่วๆ เขียนส่งไป

สุดท้าย..ถูกปฏิเสธการตีพิมพ์ เพราะขาดความสัมผัส และวรรคตอนไม่ถูก จนก้าวเข้าสู่รั้วมัธยมศึกษา ด้วยแรงฮึดยังไม่เหือดหาย..ใจกล้า..(หน้า…สวย55) ส่งไปอีก คราวนี้ไม่ต่างอะไรกับครั้งแรกเลย โดนปฎิเสธพร้อมกับได้คำแนะนำดีๆ จาก บก. สำนักพิมพ์

                ส่งไปส่งมาอยู่ 5 ครั้ง คอมเม้นต์ปรับปรุงอยู่เรื่อย ๆ จนสวรรค์มีตา…

งานเขียนกลอนผ่านอนุมัติแล้วจ้า…ได้ตีพิมพ์มีหนังสือกลอนภายใต้ชื่อ “ความรู้สึกดี..ที่เรียกว่ารัก” ดีใจจนเก็บซ้อนหนังสือเล่มนั้นเอาไว้ จนหาย55

ได้รางวัลแล้วยังไงต่อ เป็นนักเขียนเลยไหม

หลังจากนั้นเรียนจบรั้วมัธยม เดินหัวฟู ตัวอ้วนเข้ามาศึกษาต่อที่กรุงเทพฯ

เอ..จะเรียนอะไรดีนะ..คำถามงงๆ ยังอยู่ในหัว

จึงเอ่ยปากพร้อมเสียงอันหนักแน่น ถามพี่ที่ดูแลการกรอกใบสมัครว่า “ เรียนอะไรหางานง่ายหรือค่ะพี่”

เสียงใสๆ พร้อมใบหน้าอันเป็นมิตร “ บัญชีไง หางานง่าย”

อ่ะ..งั้นหนูสมัครอันนี้ …

ไหนๆ ขอดูเกรดเฉลี่ยซิ “โอ้วแม่เจ้า..เธอไม่ต้องเรียนหรอก คณิต 1 แบบนี้ เรียนไม่จบแน่”

งั้นมีอะไรอีกพี่ หางานง่าย “ การโรงแรมไง”

อ่ะ..งั้นเรียนอันนี้..

แล้วเกรดล่ะ “ เฮ้ย..อังกฤษได้ 2 ไม่น่าจะรอด”

งั้นเรียนอะไรดีพี่ ไม่มีเลขไม่มีอังกฤษ  “เรียนนิเทศฯ ไง”

อืมนิเทศก็นิเทศฯ…”จะเรียนแขนงไหน..วิทยุโทรทัศน์ ..วารสาร..โฆษณา”

ความฝันเดิมๆ ฉายไอเดียขึ้น อันนี้ล่ะ นิเทศศาสตร์วารสาร

เรียนไปเรียนมาสักพัก ข้อสอบปรนัย ไม่ต้องถามข้ามเส้นนิดก็ดีใจเวอร์ แต่ถ้าอัตนัยนี่เถอะสู้ขาดใจเบย..สองสามหน้าก็เขียนได้ ..ระหว่างศึกษาอยู่นั้นมีโครงการปิดภาคเรียนให้นักศึกษาทั่วประเทศส่งผลงานเข้าประกวด..

ส่วนหญิงอ้อตอนนั้น..โน้นไปขายชุดชั้นในอยู่ในห้าง..

ได้อาจารย์ใจดี..ฉุดกับมา

“เอ็งมาเรียนเพื่อไปขายชุดชั้นในเหรอ..มีสนามให้แข่งขันลาออกแล้วมาทำโปรเจคนี้ซะ”

เฮ้ยมันใช่อ่ะ..โดนเลยตอนนั้น  เงินก็อยากได้ แต่ไปตามล่าหาความฝันก่อน ลาออกซะ ถ้าอยากเขียน55

ส่งโปรเจคเข้าประกวด..ภายใต้ธีมชูความเป็นมหาวิทยาลัย และความเป็นท้องถิ่น..ลงพื้นที่สัมภาษณ์ถ่ายรูป เขียนกับกลุ่มเพื่อน สนุกสนานลั้นลาดี

จนผ่านเข้ารอบ 10 ทีมสุดท้ายทั่วประเทศ ดีใจจน…ดีใจนั่นล่ะ

สุดท้าย ได้แค่รางวัลชมเชย แพ้ไอเดีย เด็กม. บูรพาไปนิด แต่ก็ได้มีผลงานตีพิมพ์นิตยสารเผยแพร่ไปทั่วประเทศ

เรียกว่าพยายามตั้งแต่เด็ก จนเข้ารั่วมหาลัยกันเลยทีเดียวครับ

จากนั้นจบออกมาทำงาน สายข่าวการศึกษา..และกระโดดมาทำงานโรงพิมพ์ งานจ้างพิมพ์และ ศาลาคนเศร้ารวมถึงทะลึ่งมินิ และมาต่อด้วยทำงาน สนพ. ก่อนที่จะออกมาทำฟรีแลนซ์

และมีผลงานแล้วกว่า 20 เล่ม จากการได้โอกาสดีๆ จาก บก. ใจกว้าง เขียนไม่เป็นก็สอนให้เขียน

 

จากวันนั้นจนวันนี้..

ยอมรับเลยว่า..ชีวิตมาไกลเหนือเกินฝัน ได้พบคนเก่งๆ ดีๆ มีความรู้ มีฐานะเป็นคนดังของสังคม

และยังได้ฝึกตนเอง ได้มีงานเขียนที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นงานบทความ SEO งานเขียนสารคดี งานข่าว เรื่องสั้น จากการได้ลองผิดลองถูก ลองเขียนและกล้าส่งผลงานให้ บก.พิจารณา มันทำให้ชีวิตได้ “ก้าว”

อะไรคือสิ่งที่ทำให้คุณอ้อก้าวมาถึงวันนี้

จากเด็กบ้านนอกธรรมดา ..ที่ดูจะเพ้อฝัน..

วันนี้มีอาชีพ หาเลี้ยงตัวเองด้วย งานเขียน..มันคุ้มมากกับชีวิตนี้

เชื่อว่าทุกคนต่างมีความฝัน..แต่ไม่ได้ลงมือทำจึงไม่เกิด..

อย่างตอนนี้..ณ จุดที่อ้อยืนตรงนี้ เชื่อว่าหลายๆ คนก็อยากเข้าสู่วงการนักเขียน

บางคนเรียนแล้วเรียนอีก ..เสียเงินไปคอร์สโน้นคอร์สนี้ แต่เขากลับไม่ลงมือทำ..ไม่ลงมือเขียน งานเขียนจึงไม่เกิด..

กลายเป็นคนรู้มากรู้เยอะ แต่ไม่ลงมือเขียนสักที

ด้วยจุดนี้เองที่เราเคยผ่านมาแล้ว..เคยมีความฝันอย่างพวกเขา ถูกใครๆ มองหัวเราะเหมือนตัวตลก “เพ้อ”

จึงทำให้ในทุกๆ วันที่ว่างเว้นจากงานเขียน..หรือพักสมอง อ้อเลยจะนำความรู้ที่ตัวเองมีมาแบ่งปันผ่าน FB

เพื่อส่งต่อคนมีฝันเหมือนกัน..ถามว่าได้อะไร..ก็ได้ “ให้” ไง จากเมื่อก่อน ลองผิดลองถูกมาก่อน จึงรู้สึกว่าจริงๆ มันไม่ยากเท่าไรนะ ถ้าลงมือเขียน..

บางคนรอให้พร้อมทุกองค์ประกอบ โน้นนี่นั่น..ขาดความมั่นใจบ้างล่ะ

แต่กับอ้อนะ..ภาษาไทยก็ไม่แข็งแรงเขียนผิดเขียนถูก..แต่ใจอยากเขียน ก็เขียนทั้งๆ ที่ภาษาไทยอ่อนแอนี้ล่ะ

นอกจากมีผลงานส่วนตัวแล้วยังมีบทบาท เป็นนักเขียนไร้เงา และ บก. 

ในเมื่อใจมันแข็งแกร่งกว่า กล้ากว่า…จนทำให้เขียนได้

แถมยังได้โอกาสดี ๆเข้ามาในชีวิตอีกมากมาย..เมื่อได้มาจับงานโกรสไรเตอร์

ได้สัมผัสไอเดียวิถีทางคนที่ประสบความสำเร็จ..ได้ฟังแนวคิด ได้เข้าเรียนฟรี สิ่งที่เหนือกว่าค่าเล่ม ค่าต้นฉบับ

คือไอเดีย “ไอเดียต่อยอดความคิด” ที่สามารถนำไปหากินได้ทั้งชีวิต

คุณก็ควรเหมือนกัน ฝันอย่างเดียวไม่พอ เราต้องลงมือทำ

ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นแค่ ฝันเพ้อละเมอฝัน อย่าให้ใครต้องตาหน้าว่าเราเป็นนักฝันเลย

ลองลงมือทำ โฟกัสอะไรสักอย่าง อย่างจริงจัง เชื่อเถอะว่า..เราทำได้ ศักยภาพคนเรามันมีเหนือกว่าที่เราคิด

และสิ่งหนึ่งเลยที่ขาดไม่ได้ คือ รู้จักให้..เราจะได้รับสิ่งดีๆ กลับมาหลายร้อยพันเท่าจริงๆ

กล้าบอกเพราะทำมาแล้ว…

และอีกอย่างหนึ่ง

CONNECTION!! สำคัญไม่ว่าคุณจะทำธุรกิจหรือทำอะไรก็ตาม

มีเพื่อนเยอะ..มีคนรู้จักเยอะ..มีมิตรดีๆ เยอะ

ได้เปรียบ..

และสิ่งสำคัญเลย..

อย่าหวัง..เข้าไปพบปะ..หรือคบใครเพื่อหวังผลประโยชน์

เพราะสิ่งที่คนเรารับรู้..เมื่อแรกพบมันต่างกัน

สมองจะจดจำ..มองมุม..มุมหนึ่งของคนคนนี้

ในด้านที่ดำ..ติดลบ..

แต่เมื่อไรก็ตามที่คุณ รู้จักให้ ..ให้ใจด้วยความบริสุทธิ์

สร้างความประทับใจแก่กัน..

ความคิดทุกอย่างจะเป็น บวก..

มองเห็นมุมกว้าง..ของคนคนนั้นเป็นด้านขาว

และคุณก็จะได้ “ใจ”เขากลับมา

ยิ่งให้ ..ยิ่งได้รับ

คำ..คำนี้ยังคงศักดิ์สิทธิ์เสมอ

วันนี้คุณ “ให้” อะไรกับใครแบบบริสุทธิ์ใจหรือยัง??

ฝากแนวคิดให้เพื่อน ที่สนใจเป็นนักเขียนครับ

สำหรับคนที่รักงานเขียนไม่รู้จะเริ่มเขียนอย่างไร

ลองเริ่มจากตัวเองดูนะคะ ถามตัวเองและหาคำตอบให้ได้ ว่าเรามีความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านใด

และลองกลั่นมันออกมา เป็นสารบัญ แบ่งความรู้ที่มีให้เป็นสเต๊ป จับประเด็นของเรื่องราว

แล้วนำมาเล่าเรื่องตามลายเส้น ..ตามสำนวนที่เรามี ปรุงให้มันกลมกล่อม..ผสมกับคลังคำที่มี และเพิ่มน้ำหนักความน่าเชื่อถือของเนื้อหา ด้วยสถิติ คนดัง คนมีชื่อเสียง คนประสบความสำเร็จ หน่วยงานวิจัย..อะไรก็ได้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เราเขียน จะทำให้งานเขียนมีน้ำหนักและน่าอ่านขึ้นเยอะ

สู้ๆ นะคะ เป็นกำลังใจให้เสมอสำหรับคนมีฝันเช่นกันค่ะ

สำหรับช่องทางการติดต่อ

Facebook: www.facebook.com/ross5566

Line ID: Rossaor

โทร : 084 697 6274

Website: http://www.book-dd.com/

www. Dslow.com/ www.tawanban.com