นิยามจำกัดความที่สุดของคอนเทนต์ก็คือพนักงานขายออนไลน์ ผู้ที่เป็นสื่อกลางระหว่างพ่อค้าแม่ค้าและลูกค้า ทำหน้าที่ชักจูงดึงดูดความสนใจและอธิบายรายละเอียดสินค้าของเราให้แก่ลูกค้า ในบางครั้งคอนเทนต์ก็ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาแก่ลูกค้า ตอบคำถามและปัญหาต่าง ๆ แก่ลูกค้าโดยที่เจ้าของสินค้าไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ

“อยากขายของออนไลน์ แต่ไม่รู้จะขายอะไรดี” นี่คือคำถามเริ่มต้นสำหรับใครสักคนที่อยากเริ่มต้นขายของ แต่เชื่อเหอะหากคิดว่า “จะขายอะไร” ว่ายากแล้ว คำถามที่มักจะโอดครวญมากกว่าคือ “ทำอย่างไรให้ขายดี”, “เพิ่มยอดขายอย่างไรดี”, “ยอดขายตกช่วยด้วย ๆ”, “กลุ้มใจจังโว้ยของขายไม่ได้” หากคำถามและคำบ่นเหล่านี้กำลังเกิดขึ้นกับคุณแล้วล่ะก็… ขอแสดงความยินดีด้วย คุณคือคน “ส่วนใหญ่” ที่เจอปัญหาเดียวกัน

ถ้าคุณคิดว่าที่ขายไม่ได้เพราะสินค้าเราดีไม่พอหรือเปล่า มันก็อาจจะเป็นไปได้ทั้งดีและไม่ดีพอ แต่ถ้าคุณมั่นใจในคุณภาพแล้วล่ะก็ แสดงว่ามีสิ่งสำคัญที่คุณกำลังมองข้ามมันไป สิ่งที่ชี้ชะตาธุรกิจของคุณหากยังคิดไม่ออกว่ามันคืออะไร เรามีคำตอบ… ขอต้อนรับคุณเข้าสู่โลกของ “คอนเทนต์” แล้วคุณจะรู้ว่า “คอนเทนต์” มันสำคัญอย่างไร

คอนเทนต์…พนักงานขายในยุคออนไลน์ นางกวักในยุคไซเบอร์

“เร่เข้ามา สองมือล้วงกระเป๋า สองเท้าก้าวเข้ามา วันนี้เรามีสินค้าดี สินค้าโดนมานำเสนอ” ถ้าคุณเข้าไปในตลาดนัดหรือตามบูธขายสินค้า คุณอาจจะได้ยินเสียงเชื้อเชิญให้คุณสนใจเข้ามาดูสินค้า นี่เป็นวิธีการแบบดั้งเดิมของการตลาดออฟไลน์ เมื่อคุณสนใจเดินเข้ามาดู หน้าที่ต่อไปก็จะอยู่ที่พนักงานขายที่จะโชว์สินค้าและแสดงสรรพคุณจนคุณเคลิบเคลิ้มและยินดีที่จะจ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้าเหล่านั้น

แต่เมื่อก้าวเข้าสู่ยุคออนไลน์ที่การซื้อขายอยู่บนโลกอินเทอร์เน็ต เราจะจ้างพนักงานขายที่จะดึงดูดความสนใจ เชื้อเชิญให้ลูกค้าเข้ามาแวะชมร้านค้าออนไลน์ของคุณได้อย่างไร และที่สำคัญพนักงานคนนั้นจะบรรยายสรรพคุณของสินค้าได้อย่างไร และจะทำอย่างไรให้ลูกค้ามีความเชื่อมั่นและไว้วางใจเรา เพราะทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกออนไลน์มันจับต้องไม่ได้ ตัวอย่างก็ไม่มี อย่างดีที่สุดคือ “ได้เห็นภาพ” ของสินค้าเท่านั้น นี่คือยุคที่พนักงานขายที่มีเลือดมีเนื้อไม่อาจตอบโจทย์ได้อีกต่อไป และถึงเวลาที่เราจะต้องใช้พนักงานขายที่ไม่มีชีวิตกันแล้ว พนักงานขายที่เก่งกาจที่สุดในยุคออนไลน์ก็คือ “คอนเทนต์”

นิยามจำกัดความที่สุดของคอนเทนต์ก็คือพนักงานขายออนไลน์ ผู้ที่เป็นสื่อกลางระหว่างพ่อค้าแม่ค้าและลูกค้า ทำหน้าที่ชักจูงดึงดูดความสนใจและอธิบายรายละเอียดสินค้าของเราให้แก่ลูกค้า ในบางครั้งคอนเทนต์ก็ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาแก่ลูกค้า ตอบคำถามและปัญหาต่าง ๆ แก่ลูกค้าโดยที่เจ้าของสินค้าไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ

เจ้าของธุรกิจคนใดที่มีคอนเทนต์เจ๋ง ๆ อยู่ในมือมากพอ น่าสนใจพอ และดีพอที่จะดึงดูดลูกค้าแล้วล่ะก็ คอนเทนต์จะเป็นยิ่งกว่า “นางกวัก” ที่เรียกแขกและทำหน้าที่ “โกย” ลูกค้าและเงินของลูกค้ามาไว้ในบัญชีของคุณ ทำให้คุณคอยนับเงินจนเวียนหัวเลยทีเดียว

คอนเทนต์(ไม่)ปัง ยังไงก็(ไม่)โดน

แต่ก็ใช่ว่าคอนเทนต์ทุกอันจะเป็นนางกวักคอยช่วยเรียกแขก ถ้าเราไม่ใส่ใจในการสร้างคอนเทนต์ เมื่อนั้นคอนเทนต์ที่คิดว่าดีมันจะทำในสิ่งตรงกันข้าม นั่นก็คือ “ไล่แขก”

คอนเทนต์ไม่ปังเป็นอย่างไร เราพอจะมีตัวอย่าง ตามมาดูกัน

1.ชื่อเรื่องไม่ดึงดูด

คุณเคยไหมเวลาที่เปิดเจอบทความบนหน้าฟีด หรือตามเว็บไซต์แล้วได้แต่คิดในใจว่า “อืม…นะ” จากนั้นคุณก็เลื่อนผ่านมันไปเลย เพราะชื่อเรื่องมันไม่โดนใจให้เข้าไปอ่านเลย ทั้ง ๆ ที่ส่วนนี้น่าจะเรียกแขกและเป็นไฮไลท์แรกสุดสำหรับคอนเทนต์ที่จะดึงและดูดคนแท้ ๆ ถ้าชื่อเรื่องไม่มีแรงดึงดูด ลองเปลี่ยนแนวเรียกแขกดูครับ ใช้คำสั้น ๆ แต่สะเทือนตรงใจและสื่อความหมายหรือปัญหาให้ตรงจุด เพียงเท่านี้แขกที่มาหาคุณก็จะไม่เลื่อนผ่านคอนเทนต์ของคุณอีกต่อไป

2.เนื้อหา…น่าเบื่อ

อุตส่าห์เรียกแขกเข้ามาได้แล้วเชียว ถ้าเนื้อหาของคุณทำให้รู้สึกว่ากำลังนั่งอ่านหนังสือเรียน รับรองได้ว่าใครก็ตามที่เข้ามาอ่านคงได้ร้อง “ยี้” แล้วรีบออกไปอย่างรวดเร็ว จงอย่าทำให้เนื้อหาของคุณเป็นวิชาการจ๋าจนราวกับว่ากำลังอ่านหนังสือเตรียมสอบ เปลี่ยนให้เป็นเรื่องสนุกแต่มีสาระดูสิ แล้วคนจะติดกันตรึม จำไว้นะคอนเทนต์ไม่ใช่หนังสือเรียน และคนอ่านก็ไม่ได้จะนำไปใช้สอบ

3.ยัดเยียดการขาย

แม้เป้าหมายของคอนเทนต์จะอยู่ที่ว่าทำอย่างไรให้ปิดการขายได้สำเร็จ แต่ถ้าเราคิดแต่จะขาย ขาย และขาย เพียงอย่างเดียว คอนเทนต์ของคุณก็จะหมดความน่าสนใจไปเลย แม้เราจะอยากให้คนอ่านซื้อของเราเพียงใด เราจะแสดงออกอย่างโจ่งแจ้งมิได้ คุณจะต้อง “เนียน” ให้เป็น แนะนำประโยชน์แล้วขายของแฝงไม่ให้น่าเกลียด แล้วลูกค้าจะลืมตัวซื้อของจากคุณเอง เชื่อเถอะว่าไม่มีใครชอบการถูกยัดเยียดนักหรอก

4.เป็นบอท

แม้คอนเทนต์จะเป็นการสื่อสารเพียงทางเดียว แต่คงไม่มีใครอยากรู้สึกว่าฉันกำลังติดต่ออยู่กับหุ่นยนต์ คอนเทนต์ที่ถูกวางบริบทเป็น pattern สำนวนแข็งทื่อไร้ลูกล่อลูกชน แม้ว่าจะน่าสนใจแต่มันไม่ มีเสน่ห์น่าดึงดูด คนอ่านก็จะแค่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ลองปรับเปลี่ยนการสร้างคอนเทนต์ให้เหมือนเป็นคนที่กำลัง “เล่าเรื่อง” ให้คนอ่านรู้สึกว่าฉันกำลังคุยอยู่กับคน แล้วคอนเทนต์นั้นจะมีเสน่ห์ที่น่าติดตาม

5.ไม่ตอบโจทย์คนอ่าน

คงไม่ดีแน่ถ้าชื่อเรื่องและเนื้อหาไม่สัมพันธ์กัน การที่ใครสักคนจะเข้ามาหาหรืออ่านอะไรก็ตาม เขาต้องมีธงตั้งอยู่ในใจแล้วว่าอยากได้อะไรจากเรื่องนี้ แต่ถ้าเข้ามาแล้วต้องเกาหัวพลางอุทานว่า “อะไรวะเนี่ย” นั่นแสดงว่าคอนเทนต์นั้นไม่ตอบโจทย์เสียแล้ว ก่อนที่จะสร้างคอนเทนต์สักเรื่องควรตั้งธงรอเลยว่า เราจะให้ประโยชน์อะไรแก่คนอ่าน นั่นแหละสิ่งที่ทำจึงจะมีคุณค่า

6.หว่านแหมากเกินไป

อย่าโลภมาก การสร้างคอนเทนต์ก็ไม่ควรจะโลภมากเช่นกัน จะทำคอนเทนต์สักชิ้นก็ควรกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้จำเพาะไปเลย ไม่ใช่หว่านแหดักไปหมดทุกกลุ่ม ถ้าทำแบบนี้คอนเทนต์นั้นจะไม่ช่วยอะไรคุณเลย นอกจากจะไล่แขกที่คุณอยากได้แล้ว มันก็อาจจะเรียกแขกที่ไม่น่าอภิรมย์มาให้คุณก็เป็นได้ นอกจากนี้มันยังลดทอนคุณค่าของสินค้าของคุณโดยไม่รู้ตัว

7.นั่งเทียน ไม่ตรวจสอบข้อมูล ใช้แต่ข่าวลือ

ถ้าทุกข้อที่กล่าวมานั้นจะทำให้คอนเทนต์ของคุณ “แป๊ก” แล้ว ข้อนี้จะยิ่งทำให้คอนเทนต์ของคุณ “พังพินาศ” ไปเลย การที่จะนำข้อมูลใดมาใช้ควรจะตรวจสอบที่มาที่ไปให้ถี่ถ้วนเสียก่อน การนำข้อมูลที่ผิด ๆ มาใช้หรืออาจเป็นเพียงแค่ข่าวลือ นอกจากคุณจะเสื่อมเสียแล้ว ใครที่มาเสพข้อมูลของคุณแล้วไม่ได้ตรึกตรอง นั่นเท่ากับว่าคอนเทนต์ของคุณกำลังทำร้ายคนอื่นอย่างคาดไม่ถึง

แล้วคอนเทนต์ปัง ๆ เขาทำกันอย่างไร

ถึงตรงนี้หลาย ๆ คนคงจะอยากรู้แล้วว่าคอนเทนต์โดน ๆ ที่จะช่วยเสริมยอดขายของเราให้เติบโตต้องทำอย่างไร ตามมาดูกันฉันจะบอกให้

1.กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ใช้ Key message แค่เรื่องเดียว

อย่างที่บอกไปแล้วว่าทำคอนเทนต์อย่าหว่านแห แต่กำหนดไปเลยว่าเราจะส่งสารไปถึงใคร เราอยากให้ใครเป็นคนอ่านเรื่องนี้ และที่สำคัญแก่นของเรื่องหรือ Key message ควรมีเรื่องเดียว การมีแก่นของเรื่องมากไปคนอ่านจะสับสนว่าตกลงแล้วคุณต้องการจะสื่อเรื่องอะไรกันแน่ ถ้าคุณทำได้ดังนี้ คุณอยากส่งคอนเทนต์ให้ใคร คอนเทนต์ก็ไปถึงมือเขา คุณอยากบอกอะไร เขาก็จะเข้าใจคุณ

2.สร้างเรื่องราวให้สินค้า สร้าง story เป็นคอนเทนต์

สิ่งที่จะดึงดูดคนได้มากที่สุดคือ เรื่องราวหรือปูมหลัง เพราะคนชอบและสนใจสิ่งที่มี story อยู่แล้ว ถ้าเราใส่ความเป็นเรื่องราวลงไป มันก็จะช่วยเรียกยอดขาย ยอดติดตามให้คุณได้เป็นจำนวนมาก และเรื่องราวที่มีความน่าสนใจที่สุดคือ เรื่องราวที่เมื่ออ่านแล้วคนอ่านจะต้องได้บางสิ่งบางอย่างกลับไปด้วย

คอนเทนต์ที่มีเรื่องราวน่าสนใจมักอยู่ในขอบเขตเหล่านี้ครับ

  • คอนเทนต์ที่สร้างอารมณ์ร่วมให้คนคล้อยตาม
  • คอนเทนต์ที่ให้ความรู้
  • คอนเทนต์ที่ช่วยแก้ปัญหาให้กับผู้อื่น
  • คอนเทนต์ที่ให้ไอเดียหรือคำแนะนำ
  • คอนเทนต์ที่สร้างแรงบันดาลใจ

ถ้าคอนเทนต์ของคุณเป็นแบบใดแบบหนึ่งดังข้างต้นแล้วก็ขอกล่าวคำยินดีด้วย

3.สร้างความแตกต่าง

สิ่งที่จะทำให้คอนเทนต์ของคุณน่าสนใจคือ คุณต้องสร้างความแตกต่างให้กับคอนเทนต์ของคุณ ในหัวข้อเดียวกันแต่ถ้าคุณนำเสนอมันในมุมมองที่ไม่เหมือนคนอื่นได้ คุณกำลังจะดึงดูดความสนใจของผู้อ่าน ประเด็นเดิมที่ถูกเล่าซ้ำไปซ้ำมาโดยวิธีการเดิมและแนวทางเดิม คือสิ่งที่ผู้อ่านจะเปิดผ่านไปมากที่สุด อย่าลืมว่าเรื่องเดียวกันมันก็ตีความหมายได้หลายมุม ลองตีความในแง่มุมที่ไม่ค่อยมีคนพูดถึงแล้วคอนเทนต์นั้นจะยิ่งน่าสนใจ

4.คอนเทนต์ตามกระแส

บางครั้งเรื่องราวที่อยู่ในกระแสที่คนสนใจก็ช่วยเรียกแขกให้เราได้มาก คอยติดตามข่าวคราวหรือกระแสสังคมในขณะนั้นว่าผู้คนสนใจอะไรกันแล้วนำมาใช้สร้างคอนเทนต์ดู แต่ข้อมูลที่นำมาใช้คุณต้องแน่ใจว่าไม่ผิดพลาดนะ นี่ก็เป็นตัวช่วยชั้นยอดได้ครับ

5.หมั่นทำต่อเนื่อง

ทั้งหมดทั้งมวลที่ได้กล่าวมานั้นมันจะไม่มีคุณค่าอะไรเลยถ้าคุณขาดความต่อเนื่อง จงจำไว้เสมอว่าความสำเร็จนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน แต่ถ้าหากเกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืนเขาเรียกว่า “ฟลุ๊ค” ความสำเร็จที่เกิดขึ้นมักมาจากการสั่งสมที่ยาวนานมากพอที่มันจะผลิดอกออกผล สิ่งนี้แหละคือรางวัลสำหรับความต่อเนื่องของคุณ

        ยอดขายของคุณจะดีหรือไม่นั้น ส่วนหนึ่งมันอยู่ที่คุณภาพของสินค้า แต่ส่วนสำคัญที่ช่วยในการเรียกแขกและเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจของคุณได้อย่างทรงพลังและมีประสิทธิภาพนั่นก็คือ “การสร้างคอนเทนต์ดี ๆ” เพราะคอนเทนต์ที่ปังและโดนมันจะทำให้คุณมีชัยไปกว่าครึ่ง

ปรึกษาการเพิ่มยอดขายออนไลน์ ด้วยการทำคอนเทนต์  !!!

เพิ่มเพื่อน