ปัญหาสินค้าขายไม่ได้ ขายไม่ดี เพราะเกิดจากการทำ Content Marketing ที่ไม่ดี !!!

ส่วนสินค้าที่ขายดีอย่างต่อเนื่องและยาวนานนั้นเกิดจากการสื่อสารกับลูกค้าด้วยการวางแผนการทำ Content Marketing มาเป็นอย่างดี

องค์ประกอบของการสื่อสารโดยใช้คอนเทนต์มีอะไรบ้าง ?

1.ข้อมูลหรืข่าวสาร

ที่ต้องการส่งผ่านไปยังกลุ่มเป้าหมายว่าต้องการให้เขารับทราบข้อมูลอะไร

2.Media หรือ สื่อ

ที่นำข้อมูลเหล่านั้นไปใส่ เช่น เป็นรูปภาพ ตัวอักษร บทความ คลิปเสียง คลิปวีดีโอ เหล่านี้คือ Media หรือสื่อ เพื่อที่จะทำให้ลูกค้ารับสาร Content ที่เราส่งไป การเลือกสื่อจึงเป็นเรื่องสำคัญรองลงมาจาก ข้อมูลที่จะส่งให้กับกลุ่มเป้าหมาย

3.Channel หรือช่องทาง

ที่จะนำสื่อเหล่านั้นไปให้ลูกค้าได้มีโอกาสได้เห็น ได้อ่าน ได้ดู ไม่ว่าจะเป็น เว็บไซต์,Facebook,Youtube ฯ กลุ่มเป้าหมายเราเสพสื่อจากช่องทางไหน เราก็ต้องส่งผ่านไปยังช่องทางนั้น หากเราไม่รู้ ก็จะเป็นการส่งสื่อไปผิดช่อง ผู้รับก็รับไม่ได้ ธุรกิจก็ไม่เกิด ยอดขายมันก็ไม่มา

ปัญหาใหญ่ที่ทำให้หลายคนไม่สามารถสร้างยอดขายได้เพราะ ไม่รู้จักลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายว่าเขาต้องการอะไรกันแน่ ไม่รู้ว่าเขามีปัญหาอะไร จึงไม่สามารถสื่อสารสร้าง Content ไปช่วยกลุ่มเป้าหมาย ไม่สามารถตอบปัญหาหรือช่วยแก้ไขปัญหาของเขาได้

ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่หลายคนพยายามทำคือการ Sale All Time หรือ ขาย ๆ ตลอดเวลา ไม่หยุดจังหวะคอยฟังความต้องการของลูกค้าเลย ไม่มีการสร้างสายสัมพันธ์กับลูกค้าต่อ ทำให้หลายคนท้อ และยอมแพ้ไปในการทำธุรกิจค้าขายออนไลน์

เริ่มทำ Content Marketing อย่างไรดี ?

1.สร้างเว็บหรือ Blog สำหรับธุรกิจของเรา

สิ่งแรกที่ต้องทำสำหรับเส้นทางของ Content Marketing คือการที่เราต้องสร้างสำนักงานใหญ่ของเราเอง บนโลกออนไลน์เราต้องมีเว็บไซต์ มีโดเมน เป็นของเราเอง ไม่หวังพึ่งคนอื่น เพราะทรัพย์สินที่เป็น Content ที่เราสร้างขึ้นมานี้มันควรจะถูกเก็บไว้ในที่ของเรา และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเราได้ในอนาคต

หาโดเมนที่ชอบ หา Host ที่ให้บริการโดนใจ แล้วเริ่มทำเว็บแบบง่าย ๆ อาจจะเริ่มต้นด้วย CMS อย่าง WordPress ก็เป็นสิ่งที่หลายๆ คนก็ทำกัน

2.ค้นหาปัญหาความต้องการของกลุ่มเป้าหมายโดยใช้ Keyword เป็นเกณฑ์เบื้องต้น

ลูกค้าเรามีปัญหาอะไร เขามีความต้องการอะไร ? เป็นสิ่งที่เราจะต้องทำการวิจัยตลาด เพื่อค้นหาความต้องการที่แท้จริงมาให้ได้

ขั้นตอนเหล่านี้เราสามารถใช้เครื่องมือง่าย ๆ อย่าง Google ในการสอบถามความต้องการหรือปัญหาพื้นฐานของกลุ่มเป้าหมายของเราได้

Keyword planer คือเครื่องมือฟรี สามารถใช้ในการวิเคราะห์ว่า มีการค้นหา Keyword ในที่นี้เราสามารถบอกเบื้องต้นได้ว่า Keyword คือความต้องการของลูกค้า

เช่น Keyword คำว่า “ขายออนไลน์ยังไงให้ขายดี” เราก็พอจะประมาณได้ว่าคนค้นหาคำนี้กำลังหาวิธีในการขายบนโลกออนไลน์ เราก็สามารถนำ Keyword คำนี้มาเป็นตัวตั้งต้นในการสร้าง Content เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของคนที่ค้นหา

ต้องพยายาม List คำค้นหาหรือ Keyword ที่เกี่ยวเนื่องกับปัญหากลุ่มเป้าหมายที่เราสนใจมาให้ได้มากที่สุด เพราะเราต้องสร้างคอนเทนต์เพื่อตอบปัญหาเขาให้ได้มากที่สุดเช่นกัน

3.ทำ Content Mapping เพื่อสร้าง Content ให้ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย

เมื่อเรารู้ปัญหากลุ่มเป้าหมายจากการใช้ Keyword planer แล้ว สิ่งที่เราต้องทำคือการ Mapping หรือจับคู่ปัญหา ความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย เข้ากับวิธีการแก้ไขปัญหา หรือ สินค้าของเรา

สินค้าเราช่วยตอบโจทย์เขาในข้อไหน เราต้องขาย “วิธีการแก้ไขปัญหา” ก่อน จึงจะขาย “สินค้า” ได้ และก่อนที่จะแก้ปัญหาได้ เราก็ต้องรู้จักปัญหาให้ชัดเจนเสียก่อน

สร้าง Content ที่พูดถึงปัญหาทีละประเด็น แล้วค่อย ๆ โยงเข้าสู่วิธีการแก้ไขปัญหาที่เรามี แล้วค่อยมาจบที่ตัวสินค้า

ปัญหานำ วิธีการการแก้ไขตาม ที่เหลือ กลุ่มเป้าหมายจะถามหา “สินค้า” เอง

4.กำหนด Media ให้ที่จะใช้ในแต่ละ Content

ได้เวลาที่ต้องนำ “ข้อมูล” หรือ “Content” มาใส่ใน Media แล้ว !!! เราต้องกำหนดครับว่า เราจะใช้ Media ไหนบ้างอย่างไร เป็นรูปประเภทไหน การจัดวางเป็นอย่างไร ทำเป็น Info graphic ไหม มีการจัดทำเป็นคลิป VDO ด้วยหรือเปล่า หรือ ทำเป็น Motion VDO การ์ตูนเคลื่อนไหว ให้ได้เห็นภาพ พร้อมความบันเทิง ก็สามารถทำได้

ต้องมาออกแบบกันครับว่าความเหมาะสมอยู่ที่ตรงไหน กลุ่มเป้าหมายของเราเขาจะได้รับชม Content ในรูปแบบ Media แบบไหน

แนะนำว่าพยายามทำให้เป็นแบบ Multimedia หรือ เป็นสื่อหลากหลายรูปแบบนะครับ เพราะเราต้องกระจายสื่อเราไปหลายช่องทาง และแต่ละช่องทางอาจจะมี Platform ที่แตกต่างกัน

5.นำ Media ลงในเว็บไซต์ และแชร์ไปยัง Channel อื่น

เราได้ทั้ง “สาร” และ “สื่อ” ที่จะใช้ในการพูดคุย ส่งไปให้กับกลุ่มเป้าหมายของเราเรียบร้อยแล้ว คราวนี้ก็ต้องนำมาลงในเว็บไซต์หลักของเราก่อน ผมย้ำนะครับว่า “เว็บไซต์เป็นหลัก” เพราะเราจะใช้ช่องทางนี้เป็นศูนย์บัญชาการทั้งหมดในการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายของเรา

เมื่อนำ Media ลงในเว็บแล้วก็ต้องแชร์ ลิ้งค์ ไปยังสื่ออื่นๆ ด้วยไม่ว่าจะเป็น Social Media เช่น Facebook,Twitter ฯ หรือ เป็นกลุ่มชุมชนต่าง ๆ ที่เป็นแหล่งรวมของกลุ่มเป้าหมาย เช่น pantip  เป็นต้น

พยายามกระจาย Media Content ของเราออกไปให้มากช่องทาง เพื่อที่จะทำให้กลุ่มเป้าหมายมีโอกาสเห็นเรามากที่สุดนะครับ และมาคัดกรองว่าช่องทางไหนมีคนเข้ามามากให้โฟกัสช่องทางนั้นเป็นหลัก (ส่วนนี้ให้ติดตั้งเครื่องมือเก็บสถิติในเว็บอย่าง Google Analysis ด้วย)

                ทำแบบนี้จะเป็นการรบแบบ “รู้เขา รู้เรา” นั่นเท่ากับว่าโอกาสที่จะ Win-Win มันก็มีมากยิ่งขึ้น

6.ลง Content ในเว็บอย่างต่อเนื่องวางแผนกันเป็นรายไตรมาส

ความต่อเนื่องคือ “กุญแจ” ของความสำเร็จในทุก ๆ เรื่องของชีวิต และธุรกิจ ในการทำการตลาดออนไลน์ให้ขายได้ดีนั้น ก็จำเป็นที่จะทำ Content อย่างต่อเนื่อง

จากประสบการณ์ช่วงระยะเวลา 3-6 เดือนแรกเราอาจจะไม่ได้เห็นผลผลิตที่ออกมาเป็นรูปเป็นร่างในตัวเงินเท่าไหร่นัก มันเหมือนเครื่องยนต์ดีเซลล์ที่ต้องใช้เวลา แต่พอเครื่องติดแล้วคราวนี้ก็ทำความเร็วได้มากเลย

ต้องให้เวลาในการทำตรงนี้นะครับ และต้องบาลาน ระหว่าง Content Marketing และ Content Advertising ด้วย

Content Marketing เราหวังผลระยะยาวและยั่งยืน เหมือนเราปลูกไม้ผลที่ต้องให้เวลา

Content Advertising เป็นการขายสร้าง Cash Flow in หรือเงินเข้ามาเป็นกระแสเงินสดในการหล่อเลี้ยงธุรกิจ เหมือนเราปลูกผัก ปลูกพืชล้มลุก ครับได้ผลเร็ว แต่ต้องทำตลอด

7.ประเมินผล และปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

ไม่มีอะไรเพอร์เฟค !!! Content ที่ทำมันอาจจะไม่โดนใจทุกเรื่อง เราอาจจะเกาไม่ถูกที่คัน จี้ไม่ตรงจุด โดนแค่เฉี่ยวๆ

ให้เราเรียนรู้ ประเมินผล กับทุกกิจกรรมที่เราทำลงไปว่า ผลตอบรับเป็นอย่างไร กำหนด KPIs หรือเกณฑ์ในการวัดผลกิจกรรมเหล่านั้นว่าต้องการอะไร

อาจจะเริ่มต้นวัดด้วยจำนวนคนแชร์ จำนวนคนมองเห็น เป็นจุดพื้นฐาน แต่ท้ายที่สุดของการทำธุรกิจเราต้องวัดผลกันที่ผลประกอบการ ยอดขาย กำไร

                เราเรียนรู้ความทุกอย่างได้จาก “กลุ่มเป้าหมาย” ของเรา

คำตอบที่ดีที่สุดว่า Content เราดีหรือไม่ให้ “กลุ่มเป้าหมาย” เป็นผู้ให้คำตอบเรา

หน้าที่เราคือการ “ฟัง” และนำมา “ปรับปรุง”

 

สิ่งที่ได้จากการทำ Content Marketing อย่างต่อเนื่อง

1.สร้างการรับรู้ถึงแบรนด์

การจะทำให้คนรู้จักเรานั้น ทำแค่แป็บเดียว ครั้งเดียวไม่ได้ แต่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง และไม่มีวันที่จะจบว่า “ทำแบรนด์” เสร็จแล้ว

ทำแบรนด์ไม่มีวันจบ การสื่อสารโดยใช้ Content จะทำให้คนรับรู้แบรนด์ของเรา ได้เห็นว่าเราทำอะไร ช่วยแก้ไขปัญหาอะไรให้เขาได้ และเรามีสินค้าบริการอะไรที่เขาจะสนับสนุนเราได้

แบรนด์ไม่ใช่แค่ โลโก้ ชื่อ กล่อง สินค้า แต่มันคือ “ประสบการณ์ที่ดี” ที่ลูกค้าได้สัมผัสจากสิ่งที่เราหยิบยื่นให้เขาตลอดเส้นทางตั้งแต่วันที่เขาไม่รู้จักเรา จนรู้จัก ได้ลองใช้บริการ รักเรา เชื่อเรา และบอกต่อ

การทำ Content Marketing ก็คือการสื่อสารตลอดเส้นทางตั้งแต่วันแรก และตลอดไป ที่เราจะสร้างประสบการณ์ดี ๆ ให้เขา

2.ให้ความรู้แก่ลูกค้า

ความรู้ทั้งเชิงกว้างในบริบทของปัญหาที่กลุ่มเป้าหมายต้องประสบพบเจอ และ ความรู้ในเชิงลึกถึงวิธีการแก้ไขปัญหาให้กับพวกเขา

ความรู้เหล่านี้จะช่วยให้กลุ่มเป้าหมายได้คำตอบและแก้ไขปัญหาของเขาเอง รวมทั้งสร้างความน่าเชื่อถือให้กลุ่มเป้าหมายที่มีต่อธุรกิจ สินค้าและบริการของเรา

ยิ่งเราให้ความรู้กับกลุ่มเป้าหมายเรามากเท่าไหร่ โอกาสในการสร้างยอดขายได้มากยิ่งขึ้นก็มีเช่นกัน

3.พัฒนาความสัมพันธ์

การสร้างและเผยแพร่เนื้อหาที่มีคุณค่าอย่างต่อเนื่องคือกุญแจสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ การแบ่งปันเคล็ดลับที่เป็นประโยชน์และแหล่งข้อมูลอื่น ๆ จะแสดงถึงผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าของคุณที่คุณสนใจมากกว่าการขาย

ยิ่งเรามีการสร้างความสัมพันธ์ดีเท่าไหร่กับกลุ่มเป้าหมาย โอกาสที่เราจะเป็น “เพื่อน” กับเขาได้มากเท่านั้น

Content จะเป็นเหมือนแม่สื่อแม่ชัก ที่จะทำให้ลูกค้ามารักเรา รักสินค้าเรา รักบริการของเรา ทำธุรกิจถ้าไม่มีแม่สื่อ หรือสะพานรัก ก็เป็นการยากที่จะทำให้ธุรกิจเราสำเร็จได้

4.เครื่องมือดึงดูดลูกค้าเข้ามาเยี่ยมชมเว็บและสินค้า

เนื้อหาที่เป็นประโยชน์ ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย เป็นสิ่งสำคัญในการดึงดูด กลุ่มเป้าหมายมาเข้าชมเว็บไซต์ของเราและนำไปสู่การซื้อการขาย การพัฒนาคุณภาพเนื้อหาที่เกี่ยวข้องเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ค้นหาจะช่วยเพิ่มโอกาสในการพบเรา

ผู้ที่เขามาเยี่ยมชมเว็บไซต์เขาจะรัก จะชอบ จะมีส่วนร่วมกับเนื้อหาหรือ Content ที่เราสร้างขึ้นมานั้นก็ต่อเมื่อเรื่องที่เราสร้างขึ้นมาไปตอบโจทย์เขา และทำให้เขารู้สึกได้ว่านี่เป็นเรื่องของเขาจริงๆ

5.แฟนคลับเพิ่ม ยอดขายโต

การที่เราสร้างคอนเทนต์ตอบโจทย์ แก้ไขปัญหาให้กับกลุ่มเป้าหมายจะทำให้เกิดการ “ติดตาม” หรือ มีกลุ่มแฟนคลับที่จะติดตามเรื่องราวของเรา สมัยนี้อาจจะเรียกเราเป็น “Influencer” หรือผู้ที่มีอิทธิพลทางความคิด ความเชื่อ ในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง

ยิ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวของกับสินค้าหรือบริการของเราด้วยแล้วโอกาสในการ “ปิดการขาย” ด้วยการนำเสนอเพียงแค่ “Content” ดี ๆ โดยที่ไม่พยายามยัดเยียดขายสินค้า เป็นการขายแบบ “คนซื้อ” ด้วยความเชื่อและความสบายใจ

แฟนคลับที่ดี ย่อมเป็นที่มาของยอดขายที่ดี เราควรรักษาแฟนคลับให้อยู่กับเราด้วยการสร้าง Content ดีๆ ตอบแทนพวกเขา

สรุป Content Marketing ช่วยเพิ่มยอดขายได้อย่างไร ?

ทำธุรกิจเราต้อง พนักงานขาย ช่วยขายสินค้าให้กับเรา และ พนักงานขายที่ขายได้ดี ขายได้มากคือคนที่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาให้กับกลุ่มเป้าหมายได้ดี และรักษาสายสัมพันธ์กับกลุ่มฐานลูกค้าเก่าได้ดี

ธุรกิจไหนที่มีพนักงานขายทำงานได้อย่างนี้จะดีมาก ๆ ครับ และแน่นอนคือ “ค่าตัว เงินเดือน” ก็คงสมน้ำสมเนื้อเนื้อกับงานที่เขาทำได้เช่นกัน

การทำ Content ที่ดีเปรียบเหมือนเราจ้างเซลล์หรือพนักงานขายดี ๆ หนึ่งคนหนะหละครับ เพียงแต่ว่างานที่เขาทำนั้นไม่ได้ทำกับลูกค้าเพียงคนเดียว แต่เป็นการทำงานกับกลุ่มคนที่มากขึ้น เรียกว่าจ้างคนเดียวได้งานหลายงาน

                Content คือพนักงานขาย คือผู้เชี่ยวชาญ คือพนักงานลูกค้าสัมพันธ์

Content ที่ดีคือ “ตัวแทน” ที่ดีจาก “บริษัท” เราไปสื่อสารพูดคุยกับกลุ่มเป้าหมาย ลูกค้า ของเรา

วันนี้หากเรายังไม่เริ่มทำ หรือ ให้ความสำคัญกับ Content Marketing เท่ากับเราทิ้งโอกาสในการสร้างยอดขายไปเป็นจำนวนมากเลยทีเดียว !!!