จุดเปลี่ยนแรกที่เธอออกจากงานแรกที่ทำคือ คุณพ่อของคุณยูอิเจ็บป่วยออด ๆแอด ๆเลยต้องการให้คุณยูอิกลับบ้าน คุณยูอิเลยตัดสินใจกลับไปช่วยธุรกิจที่บ้าน ซึ่งเป็นธุรกิจแบบกงสี  

การทำอาหารเป็นความชอบและเป็นงานอดิเรกของใครหลาย ๆคน คนที่ทำอาหารมักพูดกันเสมอว่า การได้ทำอาหารอร่อย ๆให้คนอื่นได้ทาน เป็นความสุขสุดวิเศษ ห้องครัวจึงเป็นเสมือนอาณาจักรส่วนตัวของคนที่รักในการทำอาหาร และยิ่งในปัจจุบันกระแสการรักษาสุขภาพและการดูแลตัวเองกำลังเป็นเทรนด์ที่เป็นที่นิยม การทำอาหารในปัจจุบันจึงเกาะติดและตามกระแสนี่ไปอย่างช่วยไม่ได้ หลาย ๆคนสามารถพัฒนาความรักในการทำอาหารมาสู่อาชีพไม่ว่าจะเป็นอาชีพหลักและอาชีพเสริมผสมกับเทรนด์การดูแลสุขภาพ บางคนสามารถเนื้อสร้างตัวจากการทำอาหารสุขภาพออกจำหน่ายโกยรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ อาหารสุขภาพที่คนส่วนใหญ่นิยมมีอยู่ 2 ประเภทใหญ่ ๆคือ “อาหารคลีน”และ “สลัด” วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับเจ้าของกิจการอาหารสุขภาพที่ไม่ว่าใคร ๆก็ต้องเคยทานอาหารชนิดนี้ อาหารจานที่ว่านั่นก็คือ สลัดกับ Ms.Sarada สลัดเงินล้าน

กว่าจะมาเป็น สลัดเงินล้าน

คุณยูอิ ชญาน์นันท์ ชเนศวงศ์ภัทร” คือเจ้าของธุรกิจแบรนด์ มิสซะระดะ ก่อนหน้าที่เธอจะมาทำร้านขายสลัด คุณยูอิก็คือนักศึกษาที่เรียนทางด้านเทคโนโลยีอุตสาหกรรม ในคณะวิทยาศาสตร์ หลังเรียนจบเธอกลับไปทำงานเป็นเซลล์ขายสื่อโฆษณา ซึ่งไม่ได้ตรงกับสายงานที่เธอเรียนจบมาเลย แต่การทำงานในด้านนี้กลับทำให้เธอได้พบเจอลูกค้า เป็นประสบการณ์ที่ดีที่เธอได้เรียนรู้ในวันที่เธอต้องทำธุรกิจของตนเอง

จุดเปลี่ยนแรกที่เธอออกจากงานแรกที่ทำคือ คุณพ่อของคุณยูอิเจ็บป่วยออด ๆแอด ๆเลยต้องการให้คุณยูอิกลับบ้าน คุณยูอิเลยตัดสินใจกลับไปช่วยธุรกิจที่บ้าน ซึ่งเป็นธุรกิจแบบกงสี หลังจากทำไปได้ 6-7 ปี คุณยูอิจึงมีความคิดอยากออกมาทำธุรกิจของตนเอง หลังจากปรึกษากับที่บ้าน ทางบ้านไม่ค่อยเห็นด้วยเพราะไม่อยากให้ต้องออกไปเผชิญความลำบากในการตั้งธุรกิจ

เรียนรู้ความล้มเหลวครั้งแรก

หลังจากตัดสินใจออกมาทำธุรกิจเอง คุณยูอิเลือกที่จะทำเสื้อผ้า ขายเสื้อผ้าแฟชั่นผู้หญิงที่ตลาดนัดจตุจักร คุณยูอิตั้งใจมากจนถึงขั้นที่ว่าเดินทางบินไปดู ไปเลือกสินค้าเองที่ประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศที่เก่งเลือกแฟชั่นและราคาค่อนข้างถูก

การตัดสินใจในการทำธุรกิจนี้น่าจะไปได้ด้วยดี แต่ด้วยความที่เป็นมือใหม่ในการทำธุรกิจประกอบกับเงินทุนยังไม่มาก ทำให้คุณยูอิตัดสินใจพลาดโดยคิดว่าการลดค่าใช้จ่ายในเรื่องทำเลการขายของน่าจะเป็นผลดีกับตัวธุรกิจที่กำลังเริ่มต้น คุณยูอิตัดสินใจเลือกเช่าทำเลที่ห่างจากจุดกลางด้วยค่าเช่าที่ราคาถูกกว่า

        ผลจากการเลือกทำเลไม่ดีทำให้ได้ทำเลที่คนไม่ค่อยพลุกพล่าน ในช่วงแรกยังพอจะมีคนเดินหลงเข้ามาบ้าง พอมาเจอร้านคุณยูอิแล้วชอบจึงเข้ามาซื้อ ทำให้พอจะขายได้ แต่เมื่อนานวันเข้าด้วยทำเลที่ไม่ดีจึงส่งผลให้คุณยูอิต้องเลิกกิจการไปในที่สุด

เก็บเงินทุกก้อนใหม่ หันเหในสิ่งที่ชอบเข้าสู่แวดวงอาหาร

หลังจากเจ็บตัวมาจากธุรกิจแรก คุณยูอิตัดสินใจกลับเข้าไปทำงานประจำอีกครั้ง เพื่อเก็บเงินทุนรอบใหม่ ขณะที่ทำงานประจำ คุณยูอิเริ่มคิดถึงการกลับบ้านและเริ่มคิดว่าหากกลับไปแล้วตนเองจะทำอะไร จึงพิจารณาความชอบของตนออกมา แล้วจึงมาลงตัวที่ความชอบในการทำอาหารของตน เลยคิดว่าจะทำอาหารขายโดยเริ่มจากการทำขนม

แต่จากความที่เป็นอาหารที่มีคู่แข่งเยอะ ตนเองก็ไม่มีหน้าร้าน ประกอบกับทั้งร้านขนมและร้านกาแฟก็ผุดขึ้นมามากมาย ทำให้คุณยูอิต้องหยุดการทำขนมขายไปในที่สุด

เริ่มต้นใหม่กับอาหารสุขภาพและลงตัวที่”สลัด”

แม้ว่าการเริ่มต้นธุรกิจของคุณยูอิจะล้มเหลวถึง 2 ครั้งแต่คุณยูอิก็ไม่ยอมแพ้ จากความล้มเหลวครั้งล่าสุดทำให้คุณยูอิเริ่มต่อยอดว่าจะไปต่อในทางใด จึงเริ่มค้นหาว่าคนในยุคปัจจุบันสนใจอาหารประเภทใด จึงมาลงตัวที่อาหารเพื่อสุขภาพ คุณยูอิยังคิดต่อไปอีกถึงกระแสของอาหารประเภทนี้ว่าอาหารชนิดใดน่าจะอยู่รอดในระยาะยาวได้มากกว่ากัน จึงมาลงตัวที่ “สลัด” ในที่สุด

ทำอะไรจริงจัง เริ่มต้นตั้งแต่”การศึกษาค้นคว้าพฤติกรรมผู้บริโภค”

เมื่อลงตัวว่าจะทำสลัด คุณยูอิจึงเริ่มต้นศึกษาอย่างจริงจัง ตั้งแต่ในช่วงแรกที่คุณยูอิตั้งคำถามกับตัวเองว่าถ้าเป็นตัวเองคุณยูอิจะอยากทานสลัดแบบใด เป็นที่มาไปสู่การสำรวจร้านสลัดทั้งหมดที่บ้านเกิดว่ามีกี่ร้าน รูปแบบเป็นเช่นไรบ้าง มีหน้าร้านไหม ขายออนไลน์หรือไม่ ขายกี่บาทและน้ำสลัดมีกี่รส

โดยรวมระยะเวลาในการค้นคว้ากว่า 6 เดือน ซึ่งในระหว่างนี้คุณยูอิเริ่มฝึกการทำ ร่วมไปกับการหาข้อมูล และเริ่มคิดที่จะสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง คุณยูอิเลือกโฟกัสไปที่น้ำสลัด ซึ่งในตลาดมีรสธรรมดาแค่ 2-3 รสคุณยูอิจึงปรุงน้ำสลัดให้มีรสชาติเพิ่มหลายรสเช่นต้มยำ ซีฟู้ด กะเพรา

เมื่อทุกอย่างพร้อมคุณยูอิจึงเริ่มต้นทำสลัดออกมาในช่วงแรกด้วยน้ำสลัดกว่า 12 รสชาติ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีพอสมควรและเริ่มขยายตัว นี่คือจุดเริ่มต้นของ มิสซะระดะ

จุดเด่นคือความแตกต่าง Ms.Sarada ชื่อนี้มีที่มา

คุณยูอิวางตัวมิสซะระดะเอาไว้ว่าจะเป็นสลัดในสไตล์ญี่ปุ่น น้ำสลัดส่วนใหญ่ที่มีตอนนี้จะออกเป็นสไตล์ญี่ปุ่น ตั้งแต่ชื่อร้านก็มีความหมายว่าสลัดในภาษาญี่ปุ่น ร้านก็เป็นสไตล์ญี่ปุ่น รวมถึงน้ำสลัดที่ขายดีก็เป็นรสงาขาวญี่ปุ่นและรส Ginger Teriyaki ก็ดัดแปลงมาจากอาหารญี่ปุ่นเอามาผสมผสานเป็นน้ำสลัด

เมื่อธุรกิจเริ่มขยายตัวคุณยูอิจึงพัฒนาตัวเองขึ้นมาเรื่อย ๆจากแรกเริ่มที่ทำน้ำสลัด พัฒนาต่อมาเป็นขายวัตถุดิบจนปัจจุบันมีสินค้าที่เป็นชุดตั้งต้นให้กับผู้ประกอบการที่สนใจอยากหารายได้พิเศษแบ่งเป็น 2 เซ็ตคือเซ็ต beginner ราคา 990 ที่จะได้รับน้ำสลัด 3กิโลกรัมที่สามารถเลือกรสชาติได้แต่หากเลือกไม่ถูกทางคุณยูอิก็ยินดีให้คำแนะนำ และเซ็ตสำหรับคนที่สนใจอยากไปเปิดร้านคือเซ็ต advance ในราคา 1990 ที่สามารถมาเข้าเรียนม้วนสลัดโรลได้ฟรี ซึ่งจะสอนการม้วนโรลสลัดประเภทต่าง ๆทั้งปูอัด ทูน่า กุ้ง แซลม่อน

สลัดโรลมิสซะระดะ ล้ำเลิศที่แป้งเมี่ยง

จากประสบการณ์ในการเรียนรู้กว่า 2 ปีทำให้คุณยูอิรับรู้ถึงข้อดี ข้อเสียของแป้งที่เอามาโรลจากดั้งเดิมที่ไม่สามารถแช่เย็นได้เพราะแป้งจะแข็ง ทานไม่อร่อยทำให้ต้องห่อสลัดได้เฉพาะเวลาเช้าเท่านั้น จึงพัฒนามาเป็นสูตรแป้งที่สามารถแช่เย็นได้โดยที่ไม่เสียรสชาติความอร่อยของตัวสลัดไป ซึ่งตอบโจทย์แม่ค้าในแง่ความสะดวกสบายที่สามารถห่อแล้วแช่เย็นไว้ส่งขายในวันถัดไป

ขณะเดียวกันในแง่ของลูกค้า แป้งเมี่ยงของมิสซะระดะจะมีสีสันที่สวยงาม ความสวยงามของสีสันนั้นมาจากสมุนไพรต่าง ๆที่ใส่ลงไปในตัวแป้งไม่ว่าจะเป็นสีเหลืองจากขมิ้น สีส้มแครอท สีม่วงอัญชัน สีเขียวใบเตย รวมถึงไรซ์เบอร์รี่และชาโคล เรียกได้ว่านอกจากประโยชน์จากผักและน้ำสลัด ยังได้คุณค่าสมุนไพรที่อยู่ในตัวแป้งเมี่ยงอีกด้วย

อยากทำแต่ทำไม่เป็น มิสซะระดะก็มีสอนออนไลน์

เมื่อได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากความสำเร็จที่เกิดขึ้น จากเสียงเรียกร้องของผู้ที่สนใจ คุณยูอิจึงทำการเปิดคอร์สธุรกิจสลัดเพื่อการค้า ซึ่งเปิดถึง 3 รุ่นในปีที่ผ่านมา แต่เนื่องจากความไม่สะดวกหลายอย่างทำให้คุณยูอิเปิดสอนเป็นคอร์สออนไลน์แทน ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากผู้ที่สนใจอยากทำธุรกิจขายสลัด นักเรียนของคุณยูอิสามารถเปิดร้านสลัดของตัวเอง บางรายก็รับออเดอร์พร้อม ๆกับการทำงานประจำไปด้วย เพราะความที่คุณยูอิตั้งใจที่จะถ่ายทอดด้วยประสบการณ์จริงที่ผ่านมานั่นเอง

นอกจากนี้ สำหรับลูกค้าที่สนใจซื้อเซ็ตตั้งต้นไปแล้วแต่ทำไม่เป็น ทางมิสซะระดะยังมีคลิปช่วยสอนซึ่งการันตีความละเอียด และเข้าใจไม่ต่างจากคอร์สออนไลน์ที่คุณยูอิสอนอีกด้วย

ความจริงใจที่มอบให้ คือกุญแจแห่งความสำเร็จ

สิ่งที่คุณยูอิยึดถือมาเสมอต่อลูกค้าคือความจริงใจ ความเข้าใจและเป็นคู่คิดให้เขา สิ่งใดที่คุณยูอิได้รับมาไม่ว่าจะเป็นความรู้ ประสบการณ์คุณยูอิก็พร้อมจะถ่ายทอดสิ่งเหล่านั้นให้แก่ลูกค้าอย่างไม่มีกั๊ก เพราะเข้าใจว่าลูกค้าต้องการอะไร มีปัญหาอะไรจึงเข้ามาขอคำปรึกษา ทุกครั้งที่มีอินบ๊อกซ์เข้ามาคุณยูอิจะพยายามตอบคำถามด้วยตนเองทั้งหมด เพราะแนวคิดที่ว่า”ประสบการณ์อยู่ที่ตัวเรา เราพร้อมถ่ายทอดให้เขาได้เลย”

กลยุทธ์การตลาดและเป้าหมายต่อไปของมิสซะระดะ

ในช่วงแรกคุณยูอิเน้นการทำการตลาดในช่องทางออนไลน์อย่างเดียว ไม่ว่าจะเป็นแฟนเพจ เว็บไซต์และยูทูป แต่เนื่องจากนโยบายของทางเฟซบุ๊ก ทำให้ต้องปรับตัวไปรักษาฐานลูกค้าในช่องทางอื่นทั้งเว็บไซต์ที่มีบทความ มีการสั่งซื้อสินค้าได้และทางยูทูปที่มีการสอนม้วน การทำน้ำสลัด การทำอาหารคลีนต่าง ๆที่นำมาทำสลัดได้

ในขณะที่การตลาดออฟไลน์คุณยูอิได้เซ็ตทีมงานขึ้นมาเพื่อนำไปส่งขายตามร้านขายส่ง เช่นร้านเบเกอรี่ ร้านวัสดุอุปกรณ์ทำอาหาร

และเป้าหมายในอนาคตอยู่ที่การทำระบบแฟรนไชส์เป็นหลักซึ่งทางมิสซะระดะกำลังพัฒนาระบบอยู่ โดยจะเริ่มต้นที่ในกรุงเทพและภาคเหนือเพราะโรงงานตั้งอยู่ทางภาคเหนือ โดยทำเป็นร้านแฟรนไชส์ในสไตล์ซูชิเป็นหลัก

คุณยูอิฝากถึงเจ้าของกิจการ ความสำเร็จในวันนี้มาจากหลักยึด 2 ข้อ

ความมีวินัย ในช่วงแรกที่ทำอะไรก็ตาม มักจะเจอแรงต้านเยอะมาก ดังเช่นที่คุณยูอิเจอทั้งความเหนื่อย ความท้อ ความขี้เกียจ อยากเลิกล้ม ความมีวินัยสำหรับคุณยูอิคือการใส่โปรแกรมหุ่นยนต์เข้าไปในตัว ไม่ว่าช่วงนั้นจะเป็นอย่างไรจะต้องทำเหมือนเดิม

เริ่มทำอะไรตอนที่เราไม่พร้อม ถ้ารอให้ทุกอย่างพร้อมจะไม่มีวันได้ทำเพราะมัวแต่คิด เวลาจะทำอะไรให้ทำเลย แล้วค่อยเติมสิ่งต่าง ๆภายหลัง จะพัฒนาอะไรก็ทำในภายหลัง แต่ต้องอยู่ภายใต้สิ่งที่รู้ เข้าใจและมีพื้นฐานมาแล้วในระดับหนึ่ง

SMEs เรียนรู้อะไรจาก Ms.Sarada

1. หาต้นทุนของตัวเองให้เจอว่ามีอะไรที่นำมาใช้ได้บ้าง

นี่คือกฎพื้นฐานของความสำเร็จ ไม่ว่าคุณจะทำอะไรจงทำในสิ่งที่ตัวเองรัก ชอบและชำนาญคุณจึงจะทำมันออกมาได้ดี ต้นทุนของตนเองบางครั้งก็เป็นสิ่งที่เราคาดไม่ถึงเช่นกันว่ามันจะทำเงินให้เราได้ อย่าดูถูกความรัก ความชอบของตนเองและแปรมันออกมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง เชื่อเถอะอะไรที่คุณรักคุณชอบ มันมีคุณค่าเสมอ

2. ศึกษาความต้องการของลูกค้าและคู่แข่งในตลาด

นี่คือกลยุทธ์พื้นฐานในตำราพิชัยสงครามก็ว่าได้ เพราะการจะทำอะไรโดยไม่รู้เลยว่าเราคู่แข่งของเราเป็นใคร หรือลูกค้าเราต้องการอะไร นั่นเท่ากับว่าคุณกำลังต่อสู้ในสนามรบที่ไม่มีวันชนะ “รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง” คำนี้คือกลยุทธ์ที่ใช้ได้ดีในโลกแห่งธุรกิจ ก่อนจะลงมือทำอะไรจงแน่ใจว่าเรามีข้อมูลที่ครบถ้วน รอบด้าน รู้จุดอ่อนจุดแข็งของตนเอง ของคู่แข่งและลูกค้า เมื่อนั้นไม่ว่าจะสนามใด คุณจะไม่มีวันเพลี่ยงพล้ำ

3. สร้างความแตกต่างและตำแหน่งทางการตลาดที่ชัดเจน

การทำอะไรตาม ๆคนส่วนใหญ่คุณจะแน่ใจได้อย่างไรว่าคุณจะชิงเอาส่วนแบ่งมาได้ ถ้าคิดจะทำอะไรแล้วมันยังคงเหมือนกับสิ่งที่มีอยู่แล้ว อย่าทำให้เสียเวลาและแรงงาน คุณไม่มีทางเอาชนะเจ้าเดิมได้หรอก จงพลิกแพลงว่าตลาดเดิมมีอะไรอยู่แล้วเราจะทำอะไรที่”แตกต่าง”มานำเสมอได้หรือไม่ ถ้าคุณทำได้ คุณคือผู้ชนะตัวจริง

4. จริงใจ เข้าใจลูกค้า

นี่คือสิ่งสำคัญที่สุดในแวดวงธุรกิจ จำไว้ว่าความจริงใจและความเข้าใจคือหลักแห่งความสำเร็จเบื้องต้น ลูกค้าไม่ได้โง่ที่จะยอมให้เราเอาเปรียบ หากคุณทำธุรกิจโดยมีแนวคิดจะกอบโกยอย่างเดียว คุณไม่มีวันเข้าถึงความยั่งยืน ธุรกิจของคุณจะเป็นเพียงแค่กระแสเพียงวูบเดียวแล้วเลือนหายไปกับกาลเวลา

5. มีวินัยในการทำธุรกิจและใช้ชีวิตเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย

ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม มันต้องหนีไม่พ้นความเหนื่อย ความท้อถอย ถ้าคุณยอมให้ 2 สิ่งนี้เข้ามาบั่นทอนกำลังใจ คุณจะไม่มีวันประสบความสำเร็จ ความมีวินับและความเชื่อมั่นในสิ่งที่ทำคือแหล่งพลังงานที่จะหล่อเลี้ยงให้คุณไปถึงฝั่งฝัน สร้างวินัยให้ตนเอง และไปให้ถึงเป้าหมายให้ได้ แล้วิส่งที่คุณคิดทำมันจึงจะมีคุณค่า

Ms.Sarada จากร้านขายสลัดข้างทางสู่ความเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมในหมู่ผู้รักสุขภาพ ด้วยฝีมือ แนวคิดของผู้หญิงตัวเล็ก ๆคนหนึ่งที่ไม่ท้อถอยต่อความล้มเหลว ไม่ย่อท้อต่อความเหนื่อยยากและปัญหาจึงประสบความสำเร็จในวันนี้ หากใครทีคิดอยากเริ่มต้นทำธุรกิจ จงหมั่นศึกษาหาพิมพ์เขียวหรือสูตรสำเร็จและลงมือศึกษาให้มาก เชื่อว่าความสำเร็จย่อมไม่หนีไปจากผู้ที่มีความตั้งใจเฉกเช่น “คุณชญาน์นันท์ ชเนศวงศ์ภัทร” เจ้าของมิสซะระดะครับ

www.mssaradafoods.com

.