หากเอ่ยถึงเว็บไซต์ชื่อดังอย่าง eBay แล้ว คงไม่มีใครไม่รู้จัก   แต่เราจะสร้างรายได้จาก eBay     ได้อย่างไร และ eBay ยังมีโอกาสเติบโตต่อไปหรือไม่ คงเป็นคำถามในใจหลายคน

eBay มีมูลค่าบริษัท 3.5% ของอุตสาหกรรมออนไลน์ในสหรัฐอเมริกา เป็นรองก็เพียง Google  Facebook และ Youtube เท่านั้น  Standard & Poor’s บริษัทวาณิชธนกิจชื่อดังของสหรัฐอเมริกาวิเคราะห์ว่าอุตสาหกรรมออนไลน์กำลังอยู่ในช่วงเติบโต โดยรายได้ของอุตสาหกรรมออนไลน์ในปี 2016    ที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตสูงถึง 20% และยังมีแนวโน้มขยายตัวไปยังตลาดต่างประเทศ        และแอปพลิเคชันในสมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้น สำหรับรัฐบาลไทยก็ให้การสนับสนุนผู้ประกอบการส่งออกสินค้าผ่าน eBay มานานแล้ว และยังมีคอร์สอบรมสำหรับผู้สนใจอีกด้วย  ดังนั้นตลาดออนไลน์อย่าง eBay  จึงมีอนาคตที่สดใสและยังไปได้อีกไกล

แต่การทำธุรกิจผ่าน eBay นั้นก็ไม่ได้ easy อย่างที่คิด Scott Kessler ผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมออนไลน์จากสหรัฐอเมริกาวิเคราะห์ว่า แม้ว่าผู้ประกอบการจะลงทุนน้อยและเข้าถึง eBay   ได้ง่าย แต่ก็หมายถึงการแข่งขันที่เข้มข้นด้วย เพราะคู่แข่งก็สามารถเข้าสู่ eBay ได้ง่ายเช่นกัน ในขณะที่ผู้บริโภคมีทางเลือกเยอะทั้งผู้ขายใน eBay และในเว็บไซต์อื่นที่ใกล้เคียงกัน ดังนั้นเราจึงขอเสนอ 5 เทคนิคความสำเร็จในการทำธุรกิจกับ eBay

  1. เตรียมตัวก่อนขาย

หลักการตลาดส่วนใหญ่มักยึดลูกค้าเป็นหลัก หากเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าก็ย่อมประสบความสำเร็จในการขาย แต่การขายสินค้าผ่าน eBay ผู้ประกอบการต้องเพิ่มการบ้านอีกข้อ   คือเข้าใจระบบการทำงานของ eBay ด้วย ดังนั้นผู้ประกอบการจึงต้องสวมบทเป็นผู้ซื้อก่อนลงมือขาย เริ่มจากค้นหาสินค้าตัวเดียวกันกับที่จะวางแผนขายใน eBay  เพื่อศึกษาก่อนว่าควรจะใช้คำหรือ      คีย์เวิร์ดใดเพื่อให้ลูกค้าค้นหาได้ง่าย และสินค้าที่วางขายอยู่แล้วขายในราคาใดบ้าง ซึ่งผู้ประกอบการควรเลือกสืบค้นจากสินค้าที่มีราคาสูงที่สุดก่อน เพื่อจะได้รู้เพดานสูงสุดที่ลูกค้ายินดีจะจ่าย และศึกษาว่าสินค้าที่ขายดีที่สุดนั้น   ผู้ขายตั้งชื่อสินค้าว่าอย่างไร จัดอยู่ในประเภทใด เพราะการเลือกประเภทของสินค้าผิด ลูกค้าก็หาสินค้าของเราไม่เจอ

 

  1. เลือกคำดีมีกำไร

เมื่อผู้ประกอบการพร้อมแล้วก็ลงมือขายกันจริงๆ โดยกรอกแบบฟอร์มใน eBay   เพื่อลงทะเบียน และเลือกประเภทของสินค้า หากไม่แน่ใจว่าสินค้าจัดอยู่ในประเภทใด สามารถหา คีย์เวิร์ดได้จาก Category box เพื่อเลือกประเภทสินค้าที่เหมาะสมที่สุด จากนั้นการเขียนชื่อสินค้าและคำบรรยาย ต้องระบุด้วยชื่อเต็มและชื่อโรงงานผู้ผลิต รวมทั้งชื่อรุ่นให้ละเอียด เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าซื้อสินค้าไม่ผิดตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดส่งออกด้วยแล้ว การบรรยายเป็นภาษาอังกฤษต้องเขียนให้เป็นประโยค ถูกหลักไวยากรณ์ ชัดเจน เว้นวรรคถูกต้อง เพื่อให้ลูกค้าต่างชาติอ่านเข้าใจง่าย

 

  1. รูปถ่ายดีมีชัยไปกว่าครึ่ง

David Cardinal ผู้เชี่ยวชาญด้านการถ่ายภาพกล่าวว่า อย่าลืมว่าลูกค้าที่ซื้อสินค้าผ่าน eBay ไม่ได้เห็นสินค้าจริงๆ ดังนั้นพวกเขาจะตัดสินคุณภาพสินค้าจากรูปที่เห็น ดังนั้นรูปถ่ายจึงจำเป็นมากต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าจากลูกค้า เพราะฉะนั้นรูปถ่ายที่จะเลือกลงใน eBay ต้องมีความสว่างสดใส ไม่ใช่สีหม่นหรือสีเข้ม ภาพที่ถ่ายควรมีเงา เพื่อให้เห็นมิติ ความลึก เป็นการดึงดูดสายตาของลูกค้าด้วย ซึ่งผู้ประกอบการสามารถใช้โปรแกรม Photoshop ในการตกแต่งภาพถ่ายได้   และก่อนถ่ายภาพควรต้องจัดอุปกรณ์ประกอบฉากเพื่อให้ภาพสินค้าโดดเด่น ดังนั้นฉากหลังควรเลือกแผ่นพลาสติกสีขาว จะช่วยดึงดูดความสนใจได้ดี 

  1. เพิ่มความน่าเชื่อถือ

ลูกค้าจะไม่ซื้อสินค้าหากพวกเขาไม่เกิดความเชื่อถือ ดังนั้น David Karp เถ้าแก่ใหม่จาก eBay ในสหรัฐอเมริกา จึงแนะนำเทคนิคดีๆว่า feedback มากน้อยไม่สำคัญเท่ากับเสียง complain  หากสินค้าใดมีเสียงตำหนิแม้ feedback สูงลูกค้าก็จะไม่เลือกซื้อสินค้านั้น ดังนั้นเสียงตำหนิจึงอ่อนไหวต่อความรู้สึกของลูกค้ามาก ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงเสียงตำหนิติบ่นจากลูกค้า ผู้ประกอบการต้องมีความจริงใจต่อลูกค้า การเลือกรูปถ่ายควรถ่ายจากสินค้าจริงๆ ไม่ควรคัดลอกรูปภาพจากผู้ขายรายอื่น และรายละเอียดของสินค้าควรต้องชัดเจนตรงไปตรงมา บอกรายละเอียดให้ครบถ้วน หากเป็นสินค้ามือสองต้องแจกแจงรายละเอียดว่ามีตำหนิอยู่ตรงไหนบ้าง เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าได้รับสินค้าตามที่คาดหวัง และอย่าลืมทิ้งข้อความสั้นๆว่า “Don’t hesitate to ask” แปลว่าอย่าเกรงใจที่จะสอบถาม เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าและเป็นการแสดงความจริงใจต่อลูกค้าอีกด้วย

  1. การวางแผนภาษี

สำหรับผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจส่งออกนำเข้าผ่าน eBay นั้นต้องวางแผนภาษีให้รัดกุม   ซึ่งภาษีที่ผู้ประกอบการจะต้องเข้าใจ คือ ภาษีศุลกากรและภาษีเงินได้

ผู้ประกอบการต้องแยกแยะประเภทของสินค้าก่อนที่จะนำเข้าสินค้า หากเป็นสินค้าคนละประเภทควรต้องแยกกล่องเพราะสินค้าแต่ละประเภทมีอัตราภาษีนำเข้าที่ไม่เหมือนกัน และผู้ประกอบการควรคำนวณภาษีศุลกากรไว้ด้วย เพราะเป็นต้นทุนที่ผู้ประกอบการต้องบวกเพิ่มในราคาสินค้า

สำหรับภาษีเงินได้ ปัจจุบันนี้ผู้ประกอบการออนไลน์ต้องยื่นภาษีเงินได้เช่นกัน    อาจารย์อัควิทย์ เจริญพานิช นักวิชาการจากกรมสรรพากรระบุว่า หากผู้ประกอบการมีรายได้ไม่ถึง 1.8 ล้านต่อปี จะยื่นเฉพาะภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่หากมีรายได้มากกว่า 1.8 ล้านต่อปี จะยื่นทั้งภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีมูลค่าเพิ่ม

นอกจากนี้รายได้ที่เกิดขึ้นจากการขายสินค้าผ่านตลาดออนไลน์ สามารถหักค่าใช้จ่ายได้   2 แบบ คือ หักแบบเหมาจ่าย 80% ของรายได้ทั้งหมด และหักค่าใช้จ่ายตามจำเป็นและสมควร    ซึ่งผู้ประกอบการควรเลือกแบบเหมาจ่าย  เพราะจะมีปัญหาน้อยกว่าและไม่ต้องยื่นเอกสารหลักฐานประกอบ

แม้ว่าการขายสินค้าผ่าน eBay จะมีการแข่งขันที่รุนแรงและมีคู่แข่งเยอะ แต่หากผู้ประกอบการรู้จัก Position yourself หรือกำหนดจุดยืนของสินค้าให้สั้น ชัดเจน แตกต่าง         และมีคุณค่า ลูกค้าก็จะสามารถจดจำภาพลักษณ์ของสินค้าในแบบที่เราต้องการ    eBay ก็ย่อมกลายเป็น easy

 

ขอบคุณบทความจาก วิญญู วีระนันทาเวทย์