Facebook ยืนยันตัวตนด้วยการชำระเงิน แทนการยืนยันตัวตนแบบเดิม

สำนักข่าว BBC ได้รายงานเรื่อง Instagram และ Facebook เตรียมปรับระบบการยืนยันตัวตนด้วยวิธีการชำระเงินแทนการยืนยันตัวตนแบบเดิม โดยมีรายละเอียดดังนี้

ผู้ใช้ Instagram และ Facebook จะสามารถชำระเงินสำหรับการยืนยันเครื่องหมายสีน้ำเงินได้แล้ว ตามประกาศของบริษัทแม่ Meta สำหรับอัตราการยืนยันตัวตนหรือ Meta Verified นั้นจะมีราคา 11.99 ดอลลาร์ต่อเดือนบนเว็บไซด์หรือ 14.99 ดอลลาร์สำหรับผู้ใช้ iPhone โดยระบบนี้จะถูกนำมาใช้ครั้งแรกในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ภายในสัปดาห์นี้

Mark Zuckerberg ผู้บริหารระดับสูงของ Meta กล่าวว่าการปรับระบบการยืนยันตัวตนในครั้งนี้จะปรับปรุงความปลอดภัยและความถูกต้องของโซเชียลมีเดียแอปทั้งหมดของ Meta

โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจาก Elon Musk เจ้าของ Twitter ได้นำระบบการยืนยันตัวตนแบบชำระเงินมาใช้ในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว

สำหรับบริการสมัครสมาชิกเพื่อยืนยันตัวตนแบบชำระเงินของ Meta ยังไม่พร้อมให้บริการสำหรับโซเชียลมีเดียธุรกิจแต่สำหรับบุคคลทั่วไปสามารถชำระเงินเพื่อการยืนยันได้แล้วโดยป้ายหรือขีดสีน้ำเงินถูกใช้เป็นเครื่องมือยืนยันสำหรับบัญชีที่มีผู้ติดตามจำนวนมากเพื่อเป็นการยืนยันว่าเจ้าของบัญชีคือตัวจริง

การสมัครสมาชิกจะทำให้ผู้ใช้ที่ชำระเงินได้รับป้ายสีน้ำเงินซึ่งมีส่วนช่วยเพิ่มการมองเห็นโพสต์ของพวกเขาและช่วยป้องกันจากผู้แอบอ้างรวมถึงสามารถเข้าถึงบริการลูกค้าที่ง่ายขึ้น Meta กล่าวในโพสต์บนเว็บไซต์ของพวกเขา

ทางบริษัทบอกกับ BBC ว่าการเปลี่ยนแปลงจะไม่ส่งผลกระทบต่อบัญชีที่ผ่านการตรวจสอบก่อนหน้านี้แต่สังเกตว่าจะมีการมองเห็นเพิ่มขึ้นสำหรับผู้ใช้รายย่อยบางรายที่ได้รับการยืนยันด้วยคุณสมบัติแบบชำระเงิน

ก่อนหน้านี้การอนุญาตให้ผู้ใช้ที่ชำระเงินเข้าถึงเครื่องหมายยืนยันตัวตนได้สร้างปัญหาให้กับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่น ๆ เพราะคุณลักษณะการจ่ายเงินสำหรับการยืนยันตัวตนของ Twitter ถูกหยุดชั่วคราวเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว เมื่อผู้คนเริ่มปลอมตัวเป็นแบรนด์ดังและคนดังด้วยการจ่ายเงินสำหรับตราสัญลักษณ์

สำหรับตัวของ Meta กล่าวว่าชื่อผู้ใช้ Instagram และ Facebook จะต้องตรงกับเอกสารประจำตัวที่ราชการออกให้จึงจะได้รับการตรวจสอบและผู้ใช้จะต้องมีรูปโปรไฟล์ที่มีใบหน้าด้วยตรงกับเอกสารเหล่านั้นด้วย โดยเว็บไซต์อื่น ๆ เช่น Reddit, YouTube และ Discord ก็ใช้รูปแบบการสมัครรับข้อมูลในทำนองเดียวกัน

Meta ยังไม่ได้ระบุว่าฟีเจอร์นี้จะเปิดตัวในประเทศอื่น ๆ เมื่อใด แม้ว่า Zuckerberg จะกล่าวในโพสต์ว่า “เร็วๆ นี้” ก็ตาม

ความเคลื่อนไหวอื่น ๆ ของ Metaในเดือนพฤศจิกายนบริษัทได้ประกาศการเลิกจ้างงาน 11,000 ตำแหน่งอันเป็นผลมาจากการลงทุนมากเกินไปในช่วงการระบาดของโควิด-19 โดยในเวลานั้น Zuckerberg กล่าวว่าเขาได้ทำนายการเติบโตของ Meta ว่าจะเพิ่มขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของการแพร่ระบาดแต่ท้ายที่สุดแล้วสิ่งนั้นก็ไม่เกิดขึ้น

Zuckerberg กล่าวว่าหลายคนคาดการณ์ว่านี่จะเป็นการเร่งอย่างถาวร ซึ่งตัวเขาก็คิดเช่นนั้นเขาจึงตัดสินใจเพิ่มการลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ แต่แล้วเศรษฐกิจกลับตกต่ำและการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นทำให้รายได้ต่ำกว่าที่คาดไว้มาก ในภายหลังเขาได้กล่าวว่าเขาเข้าใจผิดและต้องรับผิดชอบเรื่องนี้

ที่มา: https://www.bbc.com/news/technology-64697560

ประเด็นสำคัญที่น่าสนใจหาก Facebook ยืนยันตัวตนด้วยการชำระเงิน

ในตอนนี้ Meta อาจนำร่องการยืนยันตัวตนด้วยการชำระเงินเพียงไม่กี่ประเทศแต่ในอนาคตก็มีแนวโน้มที่จะมีการขยายไปยังประเทศอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน การยืนยันตัวตนด้วยวิธีการนี้เป็นเรื่องที่ดีมากสำหรับผู้ที่เป็น Influencer หรือบุคคลที่มีชื่อเสียงเพราะเป็นการช่วยเพิ่มช่องทางการประชาสัมพันธ์ตัวเองสำหรับเจ้าของบัญชีเหล่านี้ ซึ่งต้องยอมรับว่าในปัจจุบัน Facebook ค่อนข้างมีข้อจำกัดในเรื่อการมองเห็นที่ทำให้โอกาสในการมองเห็นในหน้าฟีดลดน้อยลง การยืนยันตัวตนอย่างถูกต้องจึงมีโอกาสเพิ่มอัตราการมองเห็นให้มากขึ้น

แต่สิ่งที่น่าจับตามองมากกว่าสำหรับเจ้าของแบรนด์ธุรกิจก็คือรูปแบบการยืนยันตัวตนของ Facebook และ IG ในอนาคตสำหรับธุรกิจว่าจะมีค่าใช้จ่ายในการยืนยันตัวตนอย่างไรรวมถึงเพิ่มโอกาสในการมองเห็นได้มากเพียงใด เพราะในปัจจุบัน Facebook ค่อนข้างปิดกั้นการมองเห็นโพสต์พอสมควร ดังนั้นหากการยืนยันตัวตนกับทาง Facebook หรือ IG จะมีโอกาสในการเพิ่มการมองเห็นก็น่าจะเป็นสิ่งที่แบรนด์ธุรกิจควรให้ความสำคัญด้วยเช่นกัน เพราะอย่างไรก็แล้วแต่ไม่ว่าจะเป็น Facebook หรือ IG ก็ล้วนแล้วแต่ยังเป็นช่องทางโซเชียลมีเดียที่ได้รับความนิยมอยู่ไม่น้อยในปัจจุบัน