กระบวนการในการสื่อสารในภาวะวิกฤต
นั้นมีทั้งหมด 5 ขั้นตอน ครอบคลุมตั้งแต่เริ่มเกิดภาวะวิกฤตไปจนถึงการประเมินผลหลังจากที่มีการสื่อสารในภาวะวิกฤตไปแล้วว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ต้องปรับแก้ไขหรือดำเนินการอย่างไรบ้าง
1.Heads-up การแจ้งเตือน
ให้ทุกคนได้ตระหนักว่ามีเหตุการณ์ได้เกิดขึ้นแล้ว ในการแจ้งเตือนข้อมูลเหตุการณ์ภาวะวิกฤตในองค์กรเป็นหน้าที่ของทุกคน ที่ต้องแจ้งไปยังบุคคลที่เป็น Crisis Manager หรือหากเป็นองค์กรเล็กต้องแจ้งไปยังเจ้าของให้ได้รับทราบ เช่น เราได้กลิ่นผิดปกติหรือรู้สึกได้ว่าเหตุการณ์นั้นจะนำไปสู่วิกฤตขององค์กรได้ ต้องรีบแจ้งโดยเร็ว หรือในกรณีที่ลูกค้าเจอความผิดปกติบางอย่าง ลูกค้าแสดงสีหน้าไม่พอใจ เนื่องจากเจอสิ่งปลอมปนในอาหาร หรือห้องพักโรงแรมไม่เรียบร้อย จึงมีการเขียนคอมเม้นท์ โพสต์ข้อความลงบนโลกออนไลน์ในทางลบ เป็นต้น ซึ่งต้องรีบแจ้งเจ้าของบริษัทหรือองค์กรในทันที
2. Brainstorm การระดมสมอง
ในทีมจัดการภาวะวิกฤต การวิเคราะห์จะทำให้เราเห็นภาพรวมของวิกฤตทั้งหมดที่เกิดขึ้น เพื่อจะพิจารณาได้ว่าเราจะ re-action หรือมีปฏิกิริยาต่อวิกฤตนี้อย่างไร เราต้องนำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาวิเคราะห์ประเมินสถานการณ์ก่อนว่ามีการรับรู้มากน้อยแค่ไหน ความรุนแรงเป็นอย่างไร เกิดผลกระทบต่อสังคมหรือชุมชนรอบข้างหรือไม่ ตัวอย่างเหตุการณ์ ลูกค้าโรงแรมไม่พอใจบ่นว่าห้องพักไม่สะอาด แล้วนำไปโพสต์ในสื่อโซเชียล เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ Crisis Manager และทีม รวมถึงเจ้าของ ต้องดูต่อว่าหลังจากที่ลูกค้าโพสต์ข้อความไปแล้ว มีการขยายวงกว้างแค่ไหน มีใครเข้ามาแสดงความคิดเห็นแบบถล่มซ้ำหรือไม่ หรือมีใครเข้ามาปกป้องโรงแรมหรือเปล่า แล้วเราต้องวิเคราะห์สถานการณ์ทั้งหมดให้รู้ถึงความกังวลและความต้องการ โดยแยกเป็น 2 ประเด็น ดังนี้
2.1 ความกังวลของคนที่ได้รับผลกระทบอยู่ตรงจุดไหน
เราต้องวิเคราะห์ให้ได้ว่าสิ่งที่เขากังวลคืออะไร (1) เขาอาจจะกังวลว่าตัวเขาเองไม่ได้รับการบริการที่ดีพอ หรือ (2) ความกังวลที่เขาไม่อยากให้ลูกค้าคนอื่นได้เจอเหตุการณ์แบบที่เขาเจอ นั่นคือเขาต้องการประกาศให้คนทั่วไปได้รับรู้ หรือ (3) ลูกค้าคนนี้ต้องการจะล้างแค้นบางอย่างของโรงแรม เช่น หมั่นไส้ผู้จัดการโรงแรม หรือกรณีสุดท้าย (4) ต้องการทำลายภาพลักษณ์และชื่อเสียงของโรงแรม สิ่งเหล่านี้เราต้องวิเคราะห์อ่านความกังวลของลูกค้าให้ได้
2.2 ผู้ที่ได้รับผลกระทบอยากได้ยินอะไรจากเรา
ต้องวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าออกมาให้ได้ ในการสื่อสารในภาวะวิกฤต ไม่ได้สื่อสารเฉพาะผู้ที่ได้รับผลกระทบเท่านั้น เราจำเป็นต้องสื่อสารไปถึงคนอื่น ๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นคนที่เข้ามารับรู้เหตุการณ์จากการอ่านโพสต์ในสื่อออนไลน์ ผู้ที่แสดงความคิดเห็นต่าง ๆ อันดับแรกถ้าเป็นความผิดของเรา ให้ออกมาขอโทษยอมรับความผิดนั้น แต่ในทางกลับกัน ถ้าเราไม่ผิดก็ไม่จำเป็นต้องขอโทษ แต่ต้องสื่อสารไปในทางที่ว่าองค์กรของเรารับรู้และตระหนักถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งองค์กรได้มีมาตรการหรือวิธีการที่จะจัดการกับปัญหานั้นแล้ว เพราะผู้ที่ได้รับผลกระทบต้องการความมั่นใจว่าองค์กรมีความตระหนักและรู้สึกรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้มีการป้องกันและแก้ไขเพื่อไม่ให้เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นอีก
3. Draft message การร่างข้อความ
ในการสื่อสารภาวะวิกฤต ต้องเป็นคำพูดหรือถ้อยคำที่น่าฟัง ฟังแล้วไม่ดูเป็นการแก้ตัว ไม่เป็นฉนวนหรือจุดเริ่มให้เกิดการทะเลาะหรือขัดแย้งกันหรือทำให้สถานการณ์เลวร้ายมากขึ้น การสื่อสารในภาวะวิกฤตเป็นศิลปะในการสื่อสาร คำพูดที่พูดออกไปสามารถทำร้ายจิตใจของคนได้ เช่น คำพูดที่ว่า “ถ้าไม่พอใจก็ไปฟ้องเอา” คำพูดลักษณะนี้ถึงแม้จะถูกต้องตามหลักกฎหมายแต่อาจไม่ถูกใจ ในทางกลับกัน หากเราพูดในลักษณะว่า “เราได้มีความพยายามในการดำเนินการตรงนี้จนสุดความสามารถแล้ว และบริษัทยินดีจะร่วมเจรจาหรือหาตัวกลางมาร่วมไกล่เกลี่ย” จะเป็นการสื่อสารในอีกรูปแบบหนึ่งที่จะไม่ทำให้เรื่องราวเหตุการณ์เลวร้ายลงไป ข้อความที่จะพูดกับคนหนึ่งคนอาจไม่เหมือนกับข้อความที่จะพูดกับคนทั้งสังคมก็ได้ ดังนั้นจึงต้องมีการเตรียมข้อความให้เหมาะสมกับผู้รับฟังและวิธีการที่เราจะสื่อสารออกไป
4. Communication ช่องทางในการสื่อสาร
เมื่อเกิดเหตุการณ์ภาวะวิกฤตแล้วมีผู้ได้รับบาดเจ็บ เสียชีวิต หรือได้รับผลกระทบทางร่างกายหรือจิตใจ องค์กรต้องรีบเข้าไป เพื่อแสดงความรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น ถึงแม้เรื่องนั้นอาจจะไม่ใช่ความรับผิดชอบขององค์กรทั้งหมด 100% หรือจะไม่ต้องร่วมรับผิดชอบเลยก็ตาม แต่เมื่อใดที่มีความเกี่ยวข้องกันกับองค์กรของเรา ต้องรีบเข้าไปมีส่วนร่วมในความรู้สึกของผู้ได้รับผลกระทบตรงนั้นก่อนเลย หลังจากนั้นจึงค่อยมาดูในช่องทางการสื่อสารอื่น ๆ ว่าเราจะสื่อสารเฉพาะผู้ที่ได้รับผลกระทบ หรือสื่อสารไปยังผู้คนในวงกว้าง หรือสื่อสารไปถึงสื่อมวลชน เป็นต้น ช่องทางจะเลือกใช้การส่งข้อความทางไลน์บุคคลหรือไลน์กลุ่มลูกค้า เรียกมารับฟังการชี้แจง ออกเป็นแถลงการณ์ statement ส่งให้สื่อมวลชน โพสต์ข้อความในเฟสบุ๊ค หรือลงอธิบายในทวิตเตอร์ เป็นต้น องค์กรมีช่องทางในการสื่อสารมากมาย พิจารณาตามความเหมาะสมของเหตุการณ์วิกฤตนั้น
5. Evaluation การประเมินผล
ว่าการสื่อสารในภาวะวิกฤตที่เราได้ทำไปแล้วนั้นประสบความสำเร็จหรือไม่ ผลออกมาเป็นเชิงบวกหรือลบ ต้องมีการปรับหรือแก้ไขตรงไหนอย่างไรบ้าง เป็นการติดตามผลที่เราได้มีการดำเนินการไปแล้ว มีการรายงานผลให้ลูกค้าหรือผู้ที่ได้รับผลกระทบทราบ และขอบคุณที่เขาได้มีส่วนในการช่วยสะท้อนปัญหาต่าง ๆ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อลูกค้าคนอื่น ๆ และทำให้องค์กรที่ได้มีโอกาสปรับปรุงและพัฒนา การแจ้งผลจะทำให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบนั้นมีความรู้สึกที่ดีขึ้น
ความรุนแรงของภาวะวิกฤตไม่ได้อยู่ที่ว่าเกิดเหตุการณ์อะไร แต่อยู่ที่ความคิดของคนว่าเกิดขึ้นแล้วรุนแรงแค่ไหน ดังนั้นจึงต้องวิเคราะห์ให้รอบด้าน มองตั้งแต่ใกล้ไปถึงไกล กว้างไปถึงลึก เพื่อให้เห็นสถานการณ์ทั้งหมด และจะสามารถจัดการภาวะวิกฤตนั้นได้อย่างถูกต้องตามแนวทาง แต่สิ่งที่สำคัญที่พึงระวังในการเกิดภาวะวิกฤต 2 ข้อหลัก ๆ
- อย่าขยี้ปัญหา เมื่อเกิดภาวะวิกฤตขึ้น เราอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างเท่านั้น ไม่ต้องลงรายละเอียดให้ถึงกับเป็นการหยิบปัญหามาขยี้
2.ห้ามระบุชื่อผู้ที่ได้รับผลกระทบเด็ดขาด โดยเฉพาะผู้ที่บาดเจ็บหรือเสียชีวิต ที่เกิดจากเหตุการณ์ที่องค์กรเรามีส่วนเกี่ยวข้อง
บทความโดย
อ.วาทิต ประสมทรัพย์ วิทยากรด้านสื่อสารองค์กร
กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีอาร์เอฟ แมเนจเม้นท์ จำกัด
www.crfmgt.com
บริการอบรม ให้คำปรึกษาการทำธุรกิจออนไลน์ ฝึกอบรมภายในบริษัท แบบตัวต่อตัว การทำ Content Marketing,การโฆษณา Facebook,การโฆษณา Tiktok,การตลาด Line OA และการทำสินค้าให้คนหาเจอบน Google
บริการดูแลระบบการตลาดออนไลน์ให้ทั้งระบบ
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสารความรู้การทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ Add Line id :@taokaemai
รับชมคลิป VDO ความรู้ด้านการตลาด กรณีศึกษาธุรกิจ แหล่งเงินทุนน่าสนใจ ติดตามได้ที่ช่อง Youtube : Taokaemai เพื่อนคู่คิดธุรกิจ SME