ตลาดออนไลน์ ปี 2019/ 2562 นี้จะยิ่งทวีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น  ใครที่สามารถใช้เครื่องมือทางการตลาดได้หลากหลายสร้างความพึงพอใจในสินค้าและบริการได้มากที่สุด เท่ากับสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากกว่า เร็วกว่า สามารถเพิ่มลูกค้าใหม่ ๆ และ เพิ่มยอดขายสินค้าได้มากขึ้น

ปัจจุบันผู้บริโภคนิยมซื้อสินค้าผ่านสื่อออนไลน์มากขึ้นทุกปี  ไม่ว่าจะเป็นการซื้อผ่านเวปไซต์ การซื้อสินค้าผ่านแอพพลิเคชั่น และทางโซเชียลมีเดียอื่น ๆ  ทั้งนี้เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะตลาดออนไลน์ ที่มีสินค้าให้เลือกหลากหลาย  ราคาถูก  สั่งซื้อง่ายกว่า อยู่ที่ไหนก็สามารถช็อปออนไลน์ได้ตลอดเวลา

ไม่ว่าสินค้าอะไรก็สามารถขายออนไลน์ได้ เพราะทำได้ง่าย ไม่ต้องลงทุนสูง  สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ง่าย และตลาดออนไลน์ยังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของผู้ประกอบการและในส่วนของลูกค้าที่มีพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนไปจากเดิมเข้าสู่ยุคสมัยที่ต้องการความสะดวกรวดเร็ว  โดยจำแนกพฤติกรรมการใช้โซเชียลมีเดียต่าง ๆ ในการตอบสนองความต้องการ ดังนี้

  1. สืบค้นหาสิ่งที่ต้องการ สถานที่ที่อยากไป  สิ่งที่อยากซื้อ ผ่านสมาร์ทโฟน ซึ่งช่วยตอบสนองในด้านความต้องการแบบปัจจุบันทันด่วน  ซึ่งหากสามารถนำเสนอข้อมูลที่ลูกค้าต้องการพร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์และการบริการของเราได้เท่ากับเราเข้าถึงลูกค้าได้ก่อน 1 ก้าว
  2. Video ภาพเคลื่อนไหว คือสิ่งที่ผู้บริโภคสนใจและใช้เวลามากถึง  1 ใน 3 ของการใช้บริการโซเชียลมีเดียทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น You Tube หรือ Facebook เราสามารถสร้าง Visual content ของเราเองผ่านคลิปวีดีโอซึ่งจะช่วยสร้างความน่าสนใจมากกว่าภาพนิ่ง
  3. ทำธุรกรรมออนไลน์ ในปี 2561 ที่ผ่านมาผู้บริโภคมีการทำธุรกรรมออนไลน์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นธุรกรรมทางการเงิน  การสมัครสมาชิก และการยื่นเอกสารกับหน่วยงานราชการ ฯลฯ  ซึ่งทำให้มีความสะดวกรวดเร็ว  ไม่ต้องเสียเวลาในการเดินทางหรือส่งเอกสาร ให้วุ่นวาย
  4. ใช้ Application เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็น  Application เกมส์ออนไลน์  โปรแกรมตกแต่งภาพ  หรืออ่านหนังสือออนไลน์  ฯลฯ ซึ่งมีให้ดาวน์โหลดฟรี และในมือถือคนไทยทุกเครื่องจะต้องมี Application ที่สนใจอย่างน้อย 4-5 แอพพริเคชั่น

เทรนด์ตลาดออนไลน์ในปี 2019/ 2562 ยังคงเป็นยุคทองของ Digital Marketing  แต่จะเพิ่มดีกรีการแข่งขันที่เข้มข้นมากขึ้น ผู้ประกอบการต้องศึกษาแนวทางการตลาดให้ดี ตามเทรนด์ให้ทัน  ต้องหาช่องทางและเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาช่วยทำการตลาด นอกจาก Web site , Line , Facebook, Instagram , Twitter แล้ว ต้องมีการเสริมทัพด้วยช่องทางอื่น ๆ เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น  มีอะไรที่ควรนำมาทำการตลาดในอนาคตบ้าง

1.ควรมี  Website เป็นของตัวเอง

สร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าว่ามีตัวตนอยู่จริง  ในปัจจุบันลูกค้าจำนวนมากเริ่มไม่เชื่อถือร้านค้าออนไลน์ที่ไม่สามารถสืบค้นหาตัวตนได้ ผู้ซื้อกว่าร้อยละ 40 จะเคยพบกับเหตุการณ์จ่ายเงินแล้วไม่ได้ของ ทำให้ความเชื่อมั่นลดน้อยลง  การมีเว็ปไซต์เป็นของตัวเองมีความน่าเชื่อถือมากกว่า เพราะสามารถตรวจสอบตัวตนของผู้ขายในระบบร้านค้าออนไลน์ได้

2.สร้าง Visual Content ที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย

หมดยุคกับการขายสินค้าที่มีแต่ภาพนิ่งเต็มหน้าเวป หรือ โพสรูปภาพเต็มหน้าเพจ เพียงอย่างเดียว  Video ที่น่าสนใจ มีความแปลก แตกต่าง และมีจุดยืน จะมีส่วนช่วยในการเรียกลูกค้าให้หยุดดู เมื่อเขาหยุดดูเท่ากับเรามีโอกาสในการพรีเซนท์สินค้าผ่าน Video นั้น ๆ แม้ไม่เกิดการซื้อในครั้งนั้น แต่ก็ได้ประทับตราแบรนด์สินค้าของเราไว้ในใจของลูกค้าเรียบร้อยแล้ว และหากมีการกด Like กด Share ก็เท่ากับ Visual Content ของเราได้ถูกนำเสนอบอกต่อให้กับบุคคลอื่น ๆ เพิ่มมากขึ้นด้วย

3.ใช้ Application ช่วยส่งเสริมการขาย

มี Application มือถือมากมายที่จะเป็นตัวช่วยในการโปรโมทร้านค้า และช่วยนำเสนอโปรโมชั่นต่าง ๆ เพียงสมัครลงทะเบียนผู้ประกอบการกับ Application นั้น ๆ ก็สามารถใช้งานได้ภายในไม่กี่วัน โดยปัจจุบันมีทั้ง Application ที่ให้บริการฟรี และแบบมีค่าใช้จ่าย ซึ่งผู้ประกอบการสามารถเลือกได้ตามความเหมาะสมกับธุรกิจของตนเอง

4.ใช้ช่องทางการสื่อสารให้คุ้มค่า

ศึกษาฟังก์ชั่นต่าง ๆ เพื่อประโยชน์สูงสุด  ปัจจุบันร้านค้าออนไลน์หลายร้านมีแฟนเพจเป็นของตัวเอง   มี Line@ สำหรับเป็นช่องทางในการสื่อสารและแจ้งข่าวสาร โปรโมชั่นต่าง ๆ ให้กับลูกค้า แต่หลาย ๆ ร้านค้ากลับไม่ได้ใช้ประโยชน์ครบทุกฟังก์ชั่น  เช่น การส่งข้อความ Broadcast  หรือการเก็บและเรียกดูสถิติต่าง ๆ เพื่อนำมาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจ เพื่อวางแผนปรับแผนการตลาดให้ตอบโจทย์ลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

5.เข้าร่วมเป็นร้านค้าพันธมิตรกับกลุ่มธุรกิจแบรนด์ดัง

เพื่อเป็นการโฆษณาประชาสัมพันธ์ธุรกิจให้เป็นที่รู้จักผ่านการมอบส่วนลดและสิทธิพิเศษให้กับกลุ่มลูกค้าของแบรนด์นั้น ๆ เช่น การมอบส่วนลดพิเศษให้กับกลุ่มลูกค้าผู้ใช้เครือข่ายโทรศัพท์มือถือที่สมัครเป็นพันธมิตร นอกจากลูกค้ากลุ่มนั้นจะรู้จักแบรด์สินค้าของเราแล้ว ยังเป็นการกระตุ้นให้ลูกค้ากลุ่มนั้นอยากซื้อสินค้าเพราะจะได้รับส่วนลดพิเศษนั่นเอง

6.ฟังเสียงลูกค้า นำมาปรับให้เข้ากับธุรกิจ

ร้านค้าออนไลน์จะเอาเสียงสะท้อนจากลูกค้ามาจากไหน  ปฎิกิริยา Reaction ของลูกค้าออนไลน์ก็มาจากรีวิวสินค้า ข้อความร้องเรียนในอินบ๊อกซ์  บทวิจารณ์ในโซเชียลมีเดีย รวมไปถึงแบบสอบถามออนไลน์ที่ทางร้านได้ส่งไปสอบถาม ทุกอย่างถือเป็นข้อมูลสำคัญในการปรับปรุงสินค้าและบริการ หรือแม้กระทั่งคำแนะนำ / ข้อร้องเรียนเกี่ยวกับสินค้าและบริการก็ไม่ควรเพิกเฉย เพราะนั่นหมายถึงข้อบกพร่องที่อาจทำให้ลูกค้าสูญเสียความเชื่อมั่นได้

7.โปรโมทสินค้าผ่านเว็ปไซต์ยอดนิยมและ Social  Media

ไม่ว่าจะเป็นการโฆษณาแฝง (Tie-in) Text link หรือ Banner  รวมไปถึงการทำ Google ADS เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการ เพราะในปัจจุบันคนไทยใช้เวลาในการท่องเว็ปไซต์ต่าง ๆ เพื่อความบันเทิงและความรู้เฉลี่ย 9.38 ชั่วโมงต่อวัน  นั่นหมายความว่ามีโอกาสสูงที่กลุ่มเป้าหมายจะได้เห็นโฆษณา หรือได้อ่านบทความ Tie-in ของแบรนด์สินค้าของเรา

8.ช่องทางการชำระเงินต้องหลากหลาย

ควรมีช่องทางการชำระสินค้าที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการหักบัญชีผ่านระบบร้านค้า, พร้อมเพย์ หรือการชำระเงินผ่าน  Application ต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า

9.ช่องทางการส่งสินค้าที่หลากหลาย

ลูกค้าบางคนรอได้ แต่บางคนรอไม่ได้ การนำเสนอช่องทางการส่งสินค้าที่หลากหลายจะช่วยลดข้อบกพร่องเรื่องระยะเวลาการขนส่งได้ เนื่องจากมีตัวเลือกหลากหลาย ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ที่ต้องการความรวดเร็วทันใจ ไม่ชอบรอนาน และควรมีระบบการแจ้งเตือนเกี่ยวกับสถานะของการจัดส่งด้วย

แถม !!! เปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง

นวัตกรรมและเทคโนโลยีมีการคิดค้นพัฒนาอยู่ตลอดเวลา เจ้าของกิจการต้องเปิดใจเรียนรู้ ติดตาม และรับเอาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารการตลาด  โดยเฉพาะการนำ Chatbot มาใช้ในการตอบคำถาม นำเสนอสินค้าและบริการแทนแอดมินระบบซึ่งมีหลายธุรกิจได้มีการเริ่มใช้อย่างเป็นทางการแล้ว รวมไปถึงการวิเคราะห์เทรนด์ตลาดออนไลน์ในอนาคต วางแผนรับมือและลงมือปรับแผนให้ตอบโจทย์ตลาดออนไลน์ จงจำไว้ว่ารุกเร็วกว่า 1 ก้าว เท่ากับถึงลูกค้าเร็วกว่าเช่นกัน

ตลาดออนไลน์ ปี 2019/ 2562 นี้จะยิ่งทวีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น  ใครที่สามารถใช้เครื่องมือทางการตลาดได้หลากหลายสร้างความพึงพอใจในสินค้าและบริการได้มากที่สุด เท่ากับสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากกว่า เร็วกว่า สามารถเพิ่มลูกค้าใหม่ ๆ และ เพิ่มยอดขายสินค้าได้มากขึ้น  ไม่ว่าจะเป็นการใช้ประโยชน์จาก  Application ที่นำมาใช้ในการเก็บข้อมูลสถิติเพื่อนำไปใช้ในการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายให้ทรงประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น  หรือการนำวิทยาการ AI มาใช้ในงานให้บริการลูกค้าที่รวดเร็ว ทันสมัย สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า

SME ควรศึกษาหาช่องทางการนำเครื่องมือและวิทยาการเหล่านี้ มาเป็นผู้ช่วยในการทำงาน เพราะ นอกจากช่วยทำให้ลดต้นทุน ลดเวลา ลดข้อผิดพลาดได้แล้ว ยังจะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจ  ทำให้มีความเชื่อมั่นและประทับใจในสินค้าและบริการมากยิ่งขึ้น  ช่วยให้สามารถก้าวสู่ความเป็นผู้นำเทรนด์ตลาดออนไลน์ สร้างรายได้มหาศาลในปี 2019/2562 นี้อย่างแน่นอน