ส่งออกสินค้าไปขายต่างประเทศ หรือ ส่งออก (Export) เป็นช่องทางขยายธุรกิจให้เติบโตอีกขั้น ผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจประสบความสำเร็จในประเทศหลายท่านเล็งตลาดต่างประเทศเป็นเป้าหมายต่อไป ด้วยกลุ่มลูกค้าใหญ่ขึ้น โอกาสธุรกิจเติบโตเพิ่มขึ้น อีกทั้งนำรายได้เข้าประเทศมหาศาล
ส่งของไปต่างประเทศ ทำอย่างไร ? การส่งสินค้าไปขายต่างประเทศเป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่งเพราะอาศัยความรู้ หลายด้านและเตรียมพร้อมดังต่อไปนี้
1. ขั้นเตรียมความพร้อมก่อนส่งของไปต่างประเทศ
- จดทะเบียนพาณิชย์เป็นนิติบุคคล ที่กรมพัฒนาธุรกิจ กระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้มีสภาพเป็นองค์กรธุรกิจ ติดต่อกับผู้นำเข้าด้วยความน่าเชื่อถือ
- จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มที่กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย
- จดทะเบียนตามระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการค้า ซึ่งขึ้นอยู่กับชนิดของสินค้าที่จำหน่าย
- การประเมินกำลังการผลิตและศักยภาพขององค์กรพร้อมส่งออกอย่างถูกต้อง
- การเข้าใจตลาดที่จะส่งสินค้าไปขายรวมถึงกฎระเบียบ ข้อจำกัด การกำหนดโควตา หรือการคุ้มครองในประเทศผู้นำเข้าให้ละเอียด
- การกำหนดราคาขายอย่างเหมาะสม คำนึงถึงโครงสร้างภาษี ค่าใช้จ่าย การแข่งขันในตลาด ปริมาณการส่งออก ฯลฯ
- ต้องมีแผนงานส่งออกชัดเจนเพิ่มความน่าเชื่อถือในการตกลงกับคู่ค้าหรือ Partner ซึ่งเป็นผู้นำเข้าสินค้าไปขาย
- การเข้าใจเงื่อนไขการเสนอราคา (Quotation Term หรือ Inco Term) ชัดเจน ได้แก่
- O.B (Free on Board) ราคาสินค้ารวมค่าใช้จ่ายทุกชนิดตลอดจนค่าขนส่งทั้งทางน้ำหรือทางอากาศ แต่ไม่รวมค่าระวาง และค่าประกันสินค้า
- CFR หรือ CNF (Cost and Freight) ราคา O.B. รวมค่าระวางถึงปลายทาง
- CIF (Cost,Insurance and Freight) ราคา CFR รวมค่าประกันสินค้า
- บางกรณีอาจทำสัญญาเป็นหลักฐานการซื้อขายสินค้า โดยปกติมีเอกสารดังนี้
- Proforma Invoice ใบเสนอราคาส่งให้ผู้นำเข้าเพื่อยืนยันราคาและเงื่อนไข
- Purchase Order ใบตอบรับของผู้นำเข้าในการสั่งซื้อสินค้าตามราคา และเงื่อนไข
- Sale Confirmation สัญญายืนยันการซื้อขาย
- การเข้าใจรูปแบบการชำระเงิน ปัจจุบันมีวิธีการชำระเงินดังต่อไปนี้
- จ่ายเงินล่วงหน้า (Cash or Advance Payment) โดยผู้นำเข้าจะส่งเงิน Bank Draft เข้าบัญชีผู้ประกอบการก่อน เมื่อผู้ประกอบการได้รับเงินแล้วจึงส่งสินค้ากลับให้ผู้นำเข้า
- จ่ายเงินเชื่อ (Open Account) ผู้ประกอบการส่งสินค้าก่อน รับชำระเงินจากผู้นำเข้าภายหลังตามเงื่อนไขตกลง เช่น 30 วัน 60 วัน เป็นต้น
- การขายฝาก (Consignment) จ่ายเงินเมื่อผู้นำเข้าขายสินค้าได้แล้ว
- การจ่ายเงินก่อนนำเอกสารไปออกสินค้า (Documents Against Payment, D/P)
- การรับรองตั๋วแลกเงินก่อนนำเอกสารไปออกสินค้า (Documents Against Acceptance, D/A)
- หนังสือค้ำประกันที่ออกโดยธนาคารตามคำขอของผู้นำเข้าสินค้า (Letter of Credit, L/C) เป็นวิธีที่ดี เหมาะสม สะดวก เชื่อถือสูง นิยมใช้มากที่สุด
2. ขั้นตอนส่งสินค้าไปขายต่างประเทศ
หลังจากนี้เป็นขั้นตอนการส่งสินค้าไปขายต่างประเทศ ผู้ประกอบการจะต้องดำเนินการให้ถูกต้อง มีเอกสารครบถ้วนและดำเนินตามวิธีการด้านศุลกากรอย่างเคร่งครัด โดยผู้ประกอบการทำด้วยตัวเองหรือใช้บริการของ “ตัวแทนออกของศุลกากร” หรือ Customs Broker หรือ Shipping Agent ซึ่งมีขั้นตอนทั่วไป ดังนี้
- ขอใบรับรองทางด้านความปลอดภัยและมาตรฐานสินค้า เช่น การขอใบรับรอง Health Certificate สำหรับสินค้าอาหาร ผัก ผลไม้ สินค้าประมง เป็นต้น
- ขอใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าจากกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้ผู้นำเข้าได้รับการลดหย่อนภาษีศุลกากร
- ติดต่อจองเรือบรรทุก หรือเครื่องบิน ทำเรื่องการประกันภัยสินค้าให้เรียบร้อย
- วางแผนจัดการส่งออกตามเงื่อนไขที่ผู้นำเข้าระบุไว้ในหนังสือสั่งซื้อสินค้าทุกประการ
- จัดทำเอกสารเพื่อผ่านพิธีการศุลกากร
- ผ่านพิธีการศุลกากร มีให้เลือกใช้ 2 ระบบ
- ระบบ Manual เจ้าหน้าที่กรมศุลกากรตรวจสอบเอกสาร ตรวจสอบพิกัด ประเมินราคาสินค้าในกรณีที่ต้องเก็บอากร บันทึกเข้าคอมพิวเตอร์ ตรวจปล่อยสินค้า นำของออกจากการท่าเรือ
- ระบบ EDI ผู้ส่งออกบันทึกข้อมูลใน Invoice และใบขนสินค้าออกในเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ส่งออกเอง ส่งข้อมูลเข้าไปที่กรมศุลกากร กรมศุลกากรตรวจสอบถูกต้อง แจ้งวันเวลาจ่ายเงินค่าธรรมเนียม ตรวจปล่อยสินค้าลงเรือ
- ผู้ส่งออกแนบเอกสารการส่งออกและใบรับรองทุกอย่างไปพร้อมกับสินค้า
3. เอกสารที่ต้องเตรียมในการส่งออกสินค้าไปขายต่างประเทศ
- ใบขนสินค้าขาออก ประกอบด้วยต้นฉบับและสำเนา 1 ฉบับ
ผู้ประกอบการต้องยื่นใบขนส่งขาออกต่อกรมศุลกากรให้ถูกต้องตามลักษณะการส่งออก 4 ประเภท ดังนี้
- แบบ กศก.101/1 ใช้ในการส่งสินค้าไปขายต่างประเทศกรณีดังต่อไปนี้
- การส่งออกสินค้าทั่วไป
- การส่ง ออกของส่วนบุคคลและเอกสิทธิ์
- การส่ง ออกสินค้าประเภทส่งเสริมการลงทุน (BOI)
- การส่ง ออกสินค้าจากคลังสินค้าทัณฑ์บน
- การส่ง ออกสินค้าที่ขอชดเชยค่าภาษีอากร
- การส่ง ออกสินค้าที่ขอคืนอากรตามมาตรา 19 ทวิ
- การส่งออกสินค้าที่ต้องการใบสุทธินำกลับ
- การส่งสินค้ากลับออกไป (RE-EXPORT)
- แบบ กศก.103 คำร้องขอผ่อนผันรับของ/ส่งของออกไปก่อนใช้ในการขอส่งสินค้าออกไปก่อนปฏิบัติพิธีการใบขนสินค้าขาออกในลักษณะที่กรมศุลกากรกำหนดไว้ในประมวลระเบียบปฏิบัติศุลกากร พ.ศ. 2544
- แบบ A.T.A. Carnet ใบขนสินค้าสำหรับนำของเข้าหรือส่งของออกชั่วคราวใช้สำหรับพิธีการส่งของออกชั่วคราวในลักษณะที่กำหนดในอนุสัญญา
- ใบขนสินค้าพิเศษสำหรับรถยนต์และจักรยานยนต์นำเข้าหรือส่งออกชั่วคราวใช้สำหรับการส่งออกรถยนต์และจักรยานยนต์ชั่วคราว
- บัญชีราคาสินค้า (Invoice) 2 ฉบับ
- แบบธุรกิจต่างประเทศ (Foreign Transaction Form) เช่น ธต.1 จำนวน 2 ฉบับ กรณีสินค้าส่งออกมีราคา O.B เกิน 500,000 บาท
- ใบอนุญาตส่งออกหรือเอกสารอื่นใดสำหรับสินค้าควบคุมการส่งออก
- เอกสารอื่น ๆ (ถ้ามี) เช่น ใบแนบใบขนสินค้าขาออก (กรณีเป็นสินค้าที่จะขอคืนอากรตามมาตรา 19 ทวิ) หรือ ใบขนสินค้ามุมน้ำเงิน (กรณีเป็นสินค้าที่ขอชดเชยอากรสินค้าส่งออก) เป็นต้น
- คำร้องอื่น ๆ (ถ้ามี)
กระบวนการส่งของไปต่างประเทศมีหลายขั้นตอน ใช้เอกสารหลายรายการ ต้องติดต่อกับหน่วยงานเกี่ยวข้องต่าง ๆ โดยผู้ประกอบการทำเองทุกขั้นตอนหรือเลือกใช้บริการ Shipping Agent เป็นผู้ดำเนินการให้ก็ได้
ประโยชน์ที่ได้จากการส่งสินค้าขายต่างประเทศ ทำให้ผู้ประกอบการขยายธุรกิจสู่อีกระดับหนึ่ง แบรนด์เป็นที่ยอมรับของต่างประเทศ และนำเงินตราเข้าประเทศ
ผู้ประกอบการที่มีความพร้อมควรวางแผนส่งสินค้าไปขายต่างประเทศอย่างยิ่งเพราะผลที่ได้รับนั้น คุ้มค่า ทั้งต่อธุรกิจและประเทศชาติ
บริการอบรม ให้คำปรึกษาการทำธุรกิจออนไลน์ ฝึกอบรมภายในบริษัท แบบตัวต่อตัว การทำ Content Marketing,การโฆษณา Facebook,การโฆษณา Tiktok,การตลาด Line OA และการทำสินค้าให้คนหาเจอบน Google
บริการดูแลระบบการตลาดออนไลน์ให้ทั้งระบบ
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสารความรู้การทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ Add Line id :@taokaemai
รับชมคลิป VDO ความรู้ด้านการตลาด กรณีศึกษาธุรกิจ แหล่งเงินทุนน่าสนใจ ติดตามได้ที่ช่อง Youtube : Taokaemai เพื่อนคู่คิดธุรกิจ SME