LINE@ ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำการตลาดออนไลน์ที่หลาย ๆ ท่านรู้จักกันดี โดยเฉพาะเหล่าบรรดานักขายออนไลน์ที่มีแบรนด์หรือสร้างแบรนด์เป็นของตัวเอง เพราะ Line@ ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อการส่งต่อข้อมูลข่าวสารที่เจ้าของแบรนด์อยากจะแจ้งไปถึงกลุ่มเป้าหมายที่เรียกว่า target reach ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้ติดตามและลูกค้าเก่า ๆได้อย่างง่ายดายและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุดและแม่นยำ แต่กระนั้นอีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญมากที่ทำให้คนส่วนใหญ่นิยมใช้งาน line@ ในการทำการตลาดออนไลน์ก็คือเรื่องของ “ราคา” ที่นับว่าถูกมาเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพที่ได้รับกลับมาครับ
แต่แล้วก็เหมือนสายฟ้าฟาดเปรี้ยงลงมายังกลุ่มผู้ใช้บริการ Line@ เมื่อทางบริษัทแม่ได้ออกมาประกาศการยกเครื่องการให้บริการ Line@ เสียใหม่ โดยที่การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้แทบจะเรียกได้ว่าเป็นการปรับปรุงทั้งระบบและการจัดการใหม่ทั้งหมดภายใต้ชื่อใหม่อย่างเป็นทางการว่า “Line Official Account” และที่สำคัญก็คือระบบการคิดค่าบริการแบบใหม่ที่จัดได้ว่าโหดและแพงขึ้นกว่าเดิมชนิดที่ทำให้การบรอดคาสต์แต่ละครั้งจำเป็นต้องคิดแล้วคิดอีกว่าจะคุ้มค่าเงินที่ต้องจ่ายไปหรือไม่ ในวันนี้เราจะพาไปทำความเข้าใจกันครับว่า line@ ที่กำลังทรานฟอร์มสู่โฉมใหม่เป็นอย่างไร มีดีอย่างไรและที่สำคัญจะ “แพง”ขึ้นขนาดไหน ถ้าพร้อมแล้วเรามาดูไปด้วยกันครับ
จาก Online Marketing ยอดนิยมสู่การปรับโฉมทรานฟอร์มไปเป็น “Line Official Account”
Line Official Account ก็คือแพลตฟอร์มตัวใหม่ที่กำลังเข้ามาแทนที่ Line@ ตัวเดิมครับ โดยยังคงแนวคิดเดิมที่ “เป็นโซลูชั่นสำหรับบริษัทและธุรกิจเพื่อประโยชน์ในการสื่อสารกับลูกค้าอย่างใกล้ชิดและเพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมกิจกรรมของธุรกิจและข้อมูลข่าวสารต่าง ๆไปยังลูกค้า” นั่นเอง
หากจะพูดให้เข้าใจง่ายก็คือในเรื่องของรูปแบบการใช้งานทั้ง line@ แบบเดิมและ line official account มีการใช้งานที่ไม่ต่างจากเดิมเท่าไรนัก แต่สิ่งที่ต่างไปจาก line@ ก็คือทาง line official account มีการเพิ่มฟีเจอร์บางอย่างในการใช้งานให้มีความสะดวกและตอบโจทย์ในการใช้งานของธุรกิจมากขึ้นซึ่งจะกล่าวถึงในหัวข้อถัดไป รวมถึงการใช้งานฟีเจอร์บางอย่างที่ผ่านมาที่ถูกจำกัดด้วยแพ็คเกจที่เลือกใช้ใน line@ สำหรับ line official account คุณสามารถใช้งานทุกอย่างได้ทั้งหมดครับ
Line Official Account มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไรบ้าง
เพื่อให้คุณเตรียมพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงเสียแต่เนิ่น ๆเราจะพาคุณไปดูถึงข้อดีและข้อเสียของแพลตฟอร์มใหม่ตัวนี้เสียก่อนโดยเริ่มจากข้อดีดังนี้
1. สร้าง sponsored stickers เพื่อสร้างการรับรู้ให้แบรนด์และเพิ่มการดึงดูดให้ลูกค้ามาเป็นผู้ติดตาม line official account ของคุณผ่านคาแรกเตอร์ที่บ่งบอกความเป็นตัวของคุณโดยมี sticker ให้เลือกถึง 4 รูปแบบไม่ว่าจะเป็น static/photo, animated, sound, และ pop-up
2. ทำ label เช่นการติดแทร็กเพื่อแบ่งประเภทของผู้ติดตามเป็นกลุ่มต่าง ๆเช่นลูกค้าเก่า ลูกค้า VIP ลูกค้าซื้อซ้ำ ฯลฯ แต่การทำ label ก็ยังไม่สามารถที่จะเลือกบรอดคาสต์เฉพาะกลุ่มได้ ยังคงต้องบรอดคาสต์ผู้ติดตามทุกคนอยู่เช่นเดิม
3. Rich message และ function การใช้งานที่แต่ก่อนต้องเสียเงินตามแพ็คเกจสามารถใช้งานได้แล้วแม้จะไม่เสียเงิน แต่ถ้าจะบรอดคาสต์ก็ต้องเสียเงินหากเลยจากจำนวนครั้งที่กำหนด
4. ระบบหลังบ้านดีขึ้น สามารถดูได้ว่า impression และ engagement ของคนที่รับบรอดคาสต์ไปแล้วมีพฤติกรรมเป็นอย่างไรเพื่อประโยชน์ในการวางแผนและปรับปรุงการทำการตลาดต่อไปในอนาคต
เมื่อดูข้อดีกันแล้วเรามาดูข้อเสียกันบ้างครับโดย line official account มีการคิดค่าใช้บริการที่แพงขึ้นอย่างมหาศาลเมื่อเทียบกับระบบเดิม นั่นคือในระบบเดิมจะแบ่งแพ็คเกจต่าง ๆออกเป็น 5 รูปแบบเมื่อนับรวมแพ็คเกจที่ใช้งานฟรีแล้ว และแพ็คเกจเสียเงินก็มีตั้งแต่ถูกที่สุดคือ 198 บาทซึ่งจะมี target reach สูงสุดที่ 200 คนไปจนถึงแพ็คเกจที่แพงที่สุดคือ Pro+ ในราคา 6,888 บาท target reach สูงสุด 300,000 คน(ซึ่งยังมีแพ็คเกจ basic ในราคา 988 บาท target reach 25,000 คนและแพ็คเกจ Pro ในราคา 1,998 บาทและ target reach 50,000 คนอยู่ด้วย) โดยแพ็คเกจเสียเงินในระบบเก่านั้นเขาจะคิดในรูปแบบเหมาจ่ายคือเสียเงินเพียงครั้งเดียวคุณจะสามารถส่งข้อความบรอดคาสต์กี่ครั้งก็ได้ภายในจำนวน target reach สูงสุดของแต่ละแพ็คเกจ
แต่เมื่อมีการปรับระบบใหม่ทาง line official account ได้ลดจำนวนแพ็คเกจลงเหลือเพียง 3 แพ็คเกจเท่านั้นคือ
– แพ็คเกจฟรีที่จะให้คุณส่งข้อความบรอดคาสต์ได้ 500 ข้อความต่อเดือนฟรี
– แพ็คเกจ basic ที่จะให้คุณส่งข้อความบรอดคาสต์ฟรีได้ 2,500 ข้อความและเมื่อเกินจากที่กำหนด คุณจะต้องเสียค่าส่งข้อความละ 0.3 บาทซึ่งแพ็คเกจนี้มีราคา 500 บาท/เดือน
– แพ็คเกจ Pro คุณจะสามารถส่งข้อความบรอดคาสต์ฟรีได้สูงสุด 10,000 ข้อความและเมื่อคุณ
ต้องการจะส่งข้อความที่เกินจากนี้คุณจะต้องเสียค่าส่งเพิ่มข้อความละ 0.1 บาทซึ่งตัวแพ็คเกจนี้มี
ราคา 1,500 บาท/เดือนครับ
ความโหดร้ายของการคำนวณระบบใหม่มันอยู่ตรงนี้ครับคือใน 1 ข้อความบรอดคาสต์คุณจะสามารถส่งได้ 3 bubbles ในนั้นอาจมีส่วนของรูป ข้อความหรือวิดีโอคลิปแต่รวมแล้วแต่ละส่วนจะเรียกว่า 1 bubble เมื่อรวมกัน 3 bubbles ก็คือ 1 ข้อความและในการส่งข้อความไปหา target reach 1 คนก็จะนับเป็น 1 ข้อความครับ ซึ่งสมมติว่าคุณมีคนมา follow line@ เดิม 50,000 คนและเมื่อคุณย้ายไปสู่ line official account การบรอดคาสต์แต่ละครั้งนั่นคือคุณกำลังส่งข้อความหาคน 50,000 คนหรือ 50,000 ข้อความในครั้งเดียว
ถึงตรงนี้คุณคงเริ่มเข้าใจแล้วใช่ไหมครับว่าหากคุณจะต้องส่งบรอดคาสต์หากลุ่มลูกค้าทุกวันจะเกิดอะไรขึ้น แม้คุณจะเลือกแพ็คเกจ Pro ที่ให้คุณส่งบรอดคาสต์ฟรี 10,000 ข้อความ/เดือนและเสียเงินเพิ่ม 0.1 บาทต่อข้อความที่เกินกำหนดก็ตาม แต่แค่เพียงการบรอดคาสต์ครั้งแรกของเดือนคุณก็ต้องเสียเงินเพิ่ม (50,000 – 10,000 * 0.1) = 4,000 บาทแล้ว และหากคุณยังต้องบรอดคาสต์อยู่ทุกวันที่เหลือ คุณจะต้องเสียเงินถึง (50,000 * 0.1 * 29) = 145,000 บาท ซึ่งเมื่อรวมกับเงินที่คุณต้องเสียเพิ่มในวันแรก 4,000 บาทและค่ารายเดือนอีก 1,500 บาทนั่นเท่ากับว่าหากคุณบรอดคาสต์ไม่ระวังและไม่ยั้งคิด คุณจะต้องเสียเงินให้กับ line official account ถึง 145,000 + 4,000 +1,500 = 150,500 บาท ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับแพ็คเกจเดิมหากคุณใช้แพ็คเกจ Pro ที่มีจำนวน target reach เท่ากันคุณจะเสียเงินเพียง 1,998 บาทเท่านั้น แม้กระทั่งคุณจะเลือกแพ็คเกจ Pro+ ในระบบเดิมคุณก็เสียเพียงแค่ 6,888 บาท !
Line Official Account จะเริ่มใช้งานได้เมื่อไหร่
ในขณะนี้ไม่ว่าคุณจะใช้ระบบปฏิบัติการใดก็ตามไม่ว่าจะเป็น android หรือ IOS หากคุณต้องการใช้งาน line@ ทางตัว line@ จะบังคับให้คุณต้องเปลี่ยนไปโหลดตัว line official account มาใช้งานแทนครับ แต่สำหรับผู้ที่ใช้ line@ อยู่แล้วคุณมีเวลาใช้งาน line@ เดิมถึงก่อนเดือนกันยายนปี 2562 เพราะทางบริษัทจะบังคับให้คุณต้องเปลี่ยนแพลตฟอร์มและโอนย้ายข้อมูลทั้งหมดจาก line@ ไปสู่ line official account ไม่เกินเดือนกันยายนนี้เท่านั้น หรือพูดง่าย ๆก็คือ line official account จะพร้อมให้บริการเต็มรูปแบบรวมถึงการคิดคำนวณค่าบริการรูปแบบใหม่จะพร้อมใช้งานทุกบัญชีตั้งแต่เดือนกันยายน 2562 เป็นต้นไป
แต่ ณ ขณะนี้ทาง line@ เองก็เริ่มมีการเชิญชวนให้ผู้ใช้งานเดิมเปลี่ยนระบบไปใช้งานใน line official account โดยการส่งข้อความเชิญชวนมาทางช่องทางต่าง ๆ ครับ ซึ่งหากคุณยังไม่พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงหรือยังไม่ได้เตรียมการและเตรียมตัวรับมือการเปลี่ยนแปลงนี้ คุณห้ามเผลอไปกดยอมรับโดยเด็ดขาด มิเช่นนั้นระบบจะย้ายข้อมูลทุกอย่างของคุณจาก line@ ไปสู่ line official account ทันทีและเริ่มคิดค่าบริการในรูปแบบใหม่แก่คุณทันทีเช่นกัน
จะอยู่รอดบนเส้นทางการตลาดออนไลน์ยุคค่าโฆษณาที่ไหนก็แพงได้อย่างไร
เมื่อคุณทราบข้อมูลนี้แล้วน่าจะสร้างความตระหนกให้แก่คุณพอตัวเพราะต่อจากนี้ไปการบรอดคาสต์แต่ละครั้งคุณต้องคำนึงถึงความคุ้มค่าเป็นหลัก การบรอดคาสต์พร่ำเพรื่อหรือการส่งต่อความรู้ดี ๆจะค่อย ๆหายไปและกลายเป็นบรอดคาสต์เพื่อหวังผลในการขายมากขึ้นเพราะค่าใช้จ่ายมันเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัวนั่นเอง ต่อไปนี้เป็นทางรอดที่คุณจำเป็นต้องทำครับเพื่อให้ธุรกิจยังอยู่รอดและเดินหน้าต่อไปได้ ทางรอดที่ว่ามีดังนี้
1.คุณต้องมีแพลตฟอร์มเป็นของตัวเองครับและแพลตฟอร์มที่เป็นของตัวคุณเองจริง ๆ
ก็คือการทำ Official Website หรือการมีเว็บไซต์ธุรกิจ ซึ่งแพลตฟอร์มนี้เปรียบเสมือนอาณาจักรของตัวคุณเองที่คุณจะจัดการอย่างไรกับมันก็ได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องคอยมานั่งกังวลว่าจะถูกขูดรีดอีกเมื่อไหร่ นอกจากนี้เว็บไซต์ยังถือเป็นทรัพย์สินชนิดหนึ่งที่เรียกว่า digital asset ฉะนั้นมันมีมูลค่าในตัวเองครับ ที่สำคัญแม้การทำเว็บไซต์จะมีค่าใช้จ่ายแต่ค่าใช้จ่ายนั้นก็น้อยกว่าการที่คุณต้องไปพึ่งพาแพลตฟอร์มอื่นในการทำการตลาดชนิดเทียบกันไม่ติด เมื่อคุณคิดทำเว็บไซต์จริง ๆคุณต้องให้ความสำคัญกับการทำคอนเทนต์คุณค่าหรือ Value Content ครับ เพราะคอนเทนต์ที่ดีจะเป็นตัวดึงให้ลูกค้าเข้ามาหาเว็บไซต์ของคุณ แม้คุณจะยังคงมีแพลตฟอร์มอื่นในการทำการตลาดคุณควรจะใช้แพลตฟอร์มเหล่านั้นในการดึงลูกค้ามาสู่เว็บไซต์ของคุณแทนการพึ่งพาแพลตฟอร์มเหล่านั้นครับ หากคุณทำได้ดังข้างต้นคุณจะเห็นผลที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างที่คุณคาดไม่ถึง
2. คุณควรจะให้ความสำคัญกับการเก็บลิสต์ข้อมูลของกลุ่มเป้าหมาย
หรือลูกค้าอย่างจริงจังบนแพลตฟอร์มอื่น ๆที่เป็นมาตรฐานกว่านี้ครับ เช่นอีเมล์และเบอร์โทรศัพท์ของลูกค้า เพราะข้อมูลเหล่านี้คุณสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลายช่องทางและเอาไปใช้งานได้เห็นผลที่เป็นรูปธรรมมากกว่า กับดักอย่างหนึ่งของคนที่ยังต้องพึ่งพาแพลตฟอร์มอื่น ๆที่ไม่ใช่ของคุณเองคือคุณมักจะหลงระเริงและปลื้มปริ่มไปกับยอดไลค์ และยอด follow เลยทำให้คุณไม่สนใจช่องทางการทำการตลาดบนแพลตฟอร์มอื่น ๆ หากคุณมานั่งวิเคราะห์อย่างจริงจังสักนิด คุณจะรู้ว่าข้อมูลยอดไลค์ ยอด follow ที่คุณได้รับคุณแทบจะเอาไปใช้งานอะไรบนแพลตฟอร์มอื่นไม่ได้เลย มันใช้งานได้เฉพาะแพลตฟอร์มที่คุณได้รับยอดพวกนี้มาเท่านั้น ซึ่งนั่นก็เท่ากับว่าคุณก็ยังคงต้องพึ่งพาผู้อื่นต่อไปในการทำการตลาด และต้องก้มหน้ายอมรับชะตากรรมกับค่าใช้บริการที่ถูกเรียกเก็บซึ่งนับวันก็จะยิ่งแพงขึ้น ๆจนน่าปวดหัว
3. ต้องรู้จักการนำระบบ CRM หรือ Customer relationship management
มาใช้เพื่อรักษาฐานลูกค้าเก่าไว้กับธุรกิจครับ ซึ่งในปัจจุบันก็มีให้ใช้งานอยู่หลายเจ้าครับ เช่น nokhuk.net เหตุผลที่แนะนำให้คุณทำ CRM นั่นก็เพราะนอกจากจะช่วยคุณเก็บข้อมูลสำคัญของลูกค้า คุณยังสามารถนำข้อมูลของลูกค้ามาใช้ประโยชน์ในการทำการตลาดเพื่อเพิ่มยอดขายไม่ว่าจะเป็นการจัดโปรโมชั่น การจัดกิจกรรมที่ดึงลูกค้าให้มามีส่วนร่วมเป็นต้น เชื่อเถอะครับว่าเหตุผลที่ทำให้คุณประสบความสำเร็จด้วยการทำ CRM นั่นก็เพราะความประทับใจและความรู้สึกดี ๆที่คุณส่งมอบให้แก่ลูกค้านั่นเอง
หากคุณยังคิดยืมจมูกคนอื่นหายใจโดยการพึ่งพาแพลตฟอร์มต่าง ๆมาทำการตลาดอยู่ ประวัติศาสตร์เช่นนี้ก็ยังคงมีโอกาสซ้ำรอยให้คุณช้ำใจอยู่เช่นเดิม ถึงเวลาแล้วหรือยังครับที่จะมีสิ่งที่เป็นของของคุณเองในโลกออนไลน์เสียทีอย่างการมี official website ธุรกิจเป็นของตนเอง และต่อสู้กันด้วยการสร้างคอนเทนต์คุณค่าดี ๆเพื่อดึงลูกค้าให้มองเห็นธุรกิจของคุณ เพราะนับจากนี้“Content is Everything” ถ้าคุณไม่เริ่มทำตอนนี้คุณกำลังเสียผลประโยชน์อย่างมหาศาลครับ
บริการอบรม ให้คำปรึกษาการทำธุรกิจออนไลน์ ฝึกอบรมภายในบริษัท แบบตัวต่อตัว การทำ Content Marketing,การโฆษณา Facebook,การโฆษณา Tiktok,การตลาด Line OA และการทำสินค้าให้คนหาเจอบน Google
บริการดูแลระบบการตลาดออนไลน์ให้ทั้งระบบ
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสารความรู้การทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ Add Line id :@taokaemai
รับชมคลิป VDO ความรู้ด้านการตลาด กรณีศึกษาธุรกิจ แหล่งเงินทุนน่าสนใจ ติดตามได้ที่ช่อง Youtube : Taokaemai เพื่อนคู่คิดธุรกิจ SME