ไร่ศกุนตลา” เป็นไร่กาแฟออร์แกนิคที่ได้รับมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ SDGsPGS Loei Organic, ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ในการประกวดแข่งขันเมล็ดกาแฟโรบัสต้าของจัวหวัดเลย และเป็นแปลงเรียนรู้กาแฟพันธุ์ดีของอำเภอเมืองเลย และสำนักงานเกษตรจังหวัดเลย  ที่มีคุณอนุสรณ์ เอื้อประเสริฐ เป็นเจ้าของไร่

ไร่แห่งนี้ทำการเกษตรอินทรีย์แบบผสมผสานที่เป็นทั้งวนเกษตรและเกษตรผสมผสาน มีพืชหลักคือกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้าและอราบิก้าที่ปลูกแบบออร์แกนิค

ซึ่งในปัจจุบันเราคงไม่อาจปฏิเสธได้ว่าการเกษตรแบบอินทรีย์หรือการเกษตรแบบออร์แกนิคนั้นได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในกลุ่มของคนที่รักสุขภาพเพราะเริ่มเห็นถึงภัยเงียบที่แอบแฝงอยู่ในปุ๋ยเคมี สารกำจัดวัชพืชและแมลง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ปะปนรวมมากับผักผลไม้โดยที่เราไม่สามารถมองเห็นได้

ไร่สกุลตลาทำเกษตรอินทรีย์เน้นผลิตแบบผสมผสานไร้สารเคมี

การทำเกษตรอินทรีย์หรือการเกษตรแบบออร์แกนิคนั้น เป็นวิธีการปลูกพืชหรือผลิตภัณฑ์ที่ปลอดการใช้สารเคมีทุกอย่างโดยจะไม่มีการดัดแปลงใดๆ  ไม่มีการใส่ปุ๋ยเคมี ฮอร์โมนเร่งการปลูก หรือสารกำจัดแมลงทุกชนิด ซึ่งทำให้พืชที่ปลูกแบบออร์แกนิคนั้นมีความปลอดภัยสูงมาก ไม่มีสารพิษหรือสารตกค้างที่จะก่อให้เกิดโทษต่อร่างกายได้ และในระบบการผลิตยังมีความปลอดภัยต่อดิน น้ำ และอากาศด้วย

เช่นเดียวกับกาแฟที่เป็นพืชที่ได้รับความนิยมเพาะปลูกกันทั่วโลกนั้น ในตอนนี้ก็เริ่มหันมาปลูกแบบออร์แกนิคและมีจำหน่ายในท้องตลาดแล้วเช่นกันแต่ยังเป็นจำนวนที่น้อยอยู่ เพราะการปลูกกาแฟโดยทั่วๆ ไปนั้น ยังคงมีการใช้สารเคมีหรือปุ๋ยเคมีเพื่อเร่งระยะเวลาการผลิตเหมือนกับพืชอื่นๆ เพื่อให้ได้เมล็ดกาแฟปริมาณมากในระยะเวลาที่ไม่นานนักอยู่

การทำการเกษตรแบบอินทรีย์หรือการเกษตรแบบออร์แกนิคนั้นต้องอาศัยความอดทนและใจเย็น เพราะขั้นตอนกระบวนการต่างๆ ในการปลูกนั้นจะต้องได้รับความเอาใจใส่และเรียนรู้วิธีเพาะปลูกอย่างถูกหลักเพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดี ซึ่งข้อเสียของการทำเกษตรแบบนี้ก็คือเสียเวลานาน แต่มูลค่าของผลผลิตกลับสูงกว่าเพราะเป็นการเติบโตตามธรรมชาติ เจาะกลุ่มคนที่รักสุขภาพได้เป็นอย่างดี ชาวสวนหลายๆ คนจึงหันมาปลูกกาแฟออร์แกนิคเพราะมีมูลค่าในการขายสูงกว่า

ขั้นตอนในการปลูกกาแฟแบบออร์แกนิคนั้น ต้องเริ่มต้นใส่ใจตั้งแต่การดูแลดินที่ใช้ปลูกจะต้องไม่มีสารเคมีตกค้าง ทุกๆ ขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับการปลูกจะต้องไม่มีสารเคมีใดๆ มาเกี่ยวข้อง แม้กระทั่งปุ๋ยเคมีก็ห้ามใช้แต่ใช้เป็นปุ๋ยชีวภาพแทน

ดังนั้นสิ่งสำคัญในการปลูกกาแฟแบบออร์แกนิคจึงอยู่ที่สภาพของดินเป็นหลัก จะต้องมีการปลูกพืชคลุมดิน โรยปุ๋ยคอกและมูลสัตว์เอาไว้เพื่อให้ดินมีแร่ธาตุและอาหารมากพอ หลังจากนั้นจึงลงต้นกล้ากาแฟ  และผลผลิตที่ได้ก็จะได้ช้ากว่าการใช้สารเคมีเร่ง แต่เมื่อถึงเวลาที่เราต้องเก็บเกี่ยวเมล็ดกาแฟ เราจะได้กาแฟที่มีรสชาติเยี่ยม ดีต่อสุขภาพและไร้สารเคมีเจือปน เป็นกาแฟที่มีคุณภาพสูง ราคาก็สูงตามคุณภาพด้วย และปริมาณเมล็ดกาแฟที่ได้ก็ไม่มาก

ไร่สกุลตลากาแฟออร์แกนิค รสชาติถูกคอ ให้บรรยายกาศถูกใจ

กาแฟออร์แกนิคจัดอยู่ในกลุ่มสินค้าพรีเมียมเนื่องจากผลผลิตที่ได้มีปริมาณน้อยแต่มีคุณภาพสูง กาแฟออร์แกนิคได้รับการรับรองว่าเป็นกาแฟที่มีรสชาติดีกว่ากาแฟที่ปลูกโดยใช้สารเคมี และมีราคาสูงกว่า และต้องปลูกในพื้นที่ที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 1,200 เมตร และได้รับปริมาณน้ำฝนที่ตกตามฤดูกาลเพียงพอโดยเฉลี่ย 2,000 มิลลิเมตรต่อปี เว้นระยะห่างระหว่างต้นสม่ำเสมอ ซึ่งพื้นที่ 1 ไร่ให้ปลูกกาแฟได้ 400 ต้น ห้ามใช้ปุ๋ยเคมีทุกชนิด ให้ใช้ปุ๋ยจากมูลสัตว์ตามธรรมชาติแทน

จึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่นักที่เราจะไม่ค่อยเห็นกาแฟออร์แกนิควางขายในท้องตลาดหรือห้างสรรพสินค้า แต่มั่นใจได้เลยว่าเมื่อไหร่ที่คอกาแฟทั้งหลายได้ลิ้มรสกาแฟออร์แกนิคแล้วล่ะก็รับรองได้เลยว่าจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมและรสชาติที่ละมุนลิ้นมากกว่ากาแฟที่ปลูกโดยใช้สารเคมีแน่นอน

ซึ่งธุรกิจกาแฟออร์แกนิคมีแนวโน้มที่จะเติบโตเพิ่มมากขึ้นเพราะคนเริ่มหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพของตัวเองกันมากขึ้น จึงเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย