“สุดยอดแห่งอาวุธทางธุรกิจ คือไอเดียที่สร้างสรรค์” บางครั้งไอเดียที่คาดไม่ถึง มักจะมาในรูปแบบที่ง่าย จนบ่อยครั้งที่เรามองข้ามไป

จนกลายเป็นแค่สิ่งหนึ่งที่ผ่านเข้ามาแล้วผ่านไป แต่หากเราคว้าได้ทัน ความคิดนั้นอาจเปลี่ยนชีวิตเราไปตลอดกาล เช่นเดียวกับ Spanx ใครจะรู้ว่าแค่กรรไกรกับความคิดบางอย่าง สามารถทำให้เกิดเป็นธุรกิจขึ้นมาได้อย่างน่าอัศจรรย์

ถุงน่อง กรรไกร และความอัจฉริยะที่เฉียบคม

ชุดชั้นในกระชับสัดส่วนที่โด่งดังไปทั่วโลก และเป็นหนึ่งในสิ่งที่ต้องมีติดตู้เสื้อผ้าของเหล่าเซเลบริตี้ทุกคน เริ่มต้นมาจาก วันหนึ่งที่ Sara Blakely กำลังเตรียมพร้อมสำหรับงานปาร์ตี้ แต่เธอไม่สามารถหาชุดชั้นในที่เหมาะสมเพื่อสวมกับกางเกงสีขาวได้ เพราะขอบชั้นในที่เห็นได้ชัด หากใส่สเตย์ก็ทำให้ดูหนาและรู้สึกอึดอัดเกินไป เธอจึงตัดสินใจใช้กรรไกรตัดปลายถุงน่องออกทั้งสองข้าง และพบว่าสามารถตอบโจทย์ให้เธอได้ เธอรู้ได้เลยว่านี่แหละคือสิ่งที่ผู้หญิงมองหามานาน จึงหาทางต่อยอดไอเดีย และทำผลิตภัณฑ์นี้ขึ้นมา ซึ่งไม่ใช่แค่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อผู้หญิงทุกคน จึงกลายเป็นที่มาของ SPANX

อาณาจักรหมื่นล้านที่ปราศจากการโฆษณา

กว่าจะได้สินค้าชิ้นแรกที่มั่นใจว่าต้องใช่สำหรับผู้หญิงทุกคน ผ่านการลองผิดลองถูกนับครั้งไม่ถ้วน และเมื่อออกสู่ตลาด Spanx ก็ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว เป็นที่น่าสังเกตว่าไม่มีการเสียค่าโฆษณาเลย แล้วเธอทำได้อย่างไรกัน

1.สินค้าที่ดีจะสามารถโฆษณาตัวเองได้

เห็นได้ชัดว่า Sara Blakely ให้ความสำคัญกับคุณภาพของสินค้ามากที่สุด จากปัญหาที่เธอเจอและยังเป็นเป็นปัญหาของผู้หญิงหลายคน เธอจึงรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดที่สามารถตอบโจทย์ได้ เมื่อลูกค้าได้ใช้จึงกลายเป็นที่ชื่นชอบและเกิดกระแสบอกต่อกันไป จนทำให้ได้รับความนิยมในเวลาอันรวดเร็ว

2.อิทธิพลของคนดัง หยิบจับอะไรก็มีแต่คนอยากทำตาม

การที่ Oprah Winfrey ออกมาพูดถึง Spanx นั้น หลายคนอาจจะมองว่า Sara ช่างโชคดี แต่เบื้องหลังนั้นกว่าจะมาเป็น Spanx นั้นเธอต้องผ่านอะไรมาเยอะ เธอรู้ว่าต้องทำอย่างไรถึงจะทำให้ขายสินค้าได้ การที่เธอส่งสินค้าไปให้คนดัง ต้องมั่นใจก่อนว่าสินค้าดีจริงๆเพราะนั่นอาจหมายถึงโอกาสเดียวของเธอ และนั่นทำให้บรรดาคนดังต่างก็ชื่นชอบเป็นอย่างมาก จนทำให้ยอดขายถล่มทลาย

3.อย่ามองข้ามบรรจุภัณฑ์

การที่ Sara เลือกใช้สีแดงสำหรับบรรจุภัณฑ์ของเธอที่ต่างจากแบรนด์อื่นๆ ทำให้โดดเด่นอย่างเห็นได้ชัด ด้วยการออกแบบที่สวย มีลูกเล่น แต่ยังแฝงไปด้วยความหรูหรานิดๆ บวกกับตัวการ์ตูนหญิงสาวที่ดูทันสมัย ทำให้กลายเป็นสิ่งที่จดจำได้ง่าย เธอต้องการให้ลูกค้ารู้สึกเหมือนกำลังซื้อของขวัญให้ตัวเอง หากจะซื้อให้คู่รักก็ทำให้ผู้ชายรู้สึกไม่เคอะเขินจนเกินไป ถือเป็นการเข้าใจและใส่ใจในความรู้สึกของลูกค้าเป็นอย่างดี

4.การเป็นหนึ่งเดียวกับแบรนด์

หากพูดถึง Sara ก็นึกถึง Spanx หากพูดถึง Spanx ก็ชวนให้นึกถึง Sara การที่เธอกับแบรนด์หล่อหลอมรวมกัน เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนจดจำได้ทั้งสองอย่าง สินค้าที่เธอทำออกมาเห็นได้ชัดว่านั้นคือส่วนหนึ่งของตัวเธอ เรียกได้ว่าความหลงใหลและความมุ่งมั่นของเธอ สามารถถ่ายทอดมายังสินค้าได้อย่างชัดเจน

แม้สินค้าเป็นที่นิยมขนาดนี้ Spanx ก็ยังเจอกับปัญหา

            เป็นธรรมดาที่การลอกเลียนแบบเกิดขึ้นได้ทุกวงการ โดยเฉพาะกับสินค้าที่ขายดี เมื่อมีรายอื่นผลิตสินค้าที่ใกล้เคียงกันออกมาแย่งส่วนแบ่งทางการตลาด Spanx ได้มีการออกไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆอยู่เสมอ เช่น บราไร้ขอบ กางเกงชั้นในชาย  จนมีสินค้ามากกว่า 200 ชนิดให้ลูกค้าได้เลือกซื้อตามความต้องการ เรียกได้ว่าทิ้งห่างจากคู่แข่งรายอื่นได้ไกลทีเดียว

การเดินทางของ Spanx  ในช่วงเวลาเกือบ 2 ศตวรรษ

  • ปี 1998 เริ่มต้น Spanx ด้วยเงินเก็บส่วนตัวทั้งหมด $5,000 ในขณะที่ยังทำงานเป็นเซลล์ขายเครื่องแฟกซ์
  • ปี 2000 ได้รับคำสั่งซื้อแรกจากห้างหรูอย่าง Neiman Marcus ในปีเดียวกันนี้เอง Spanx ได้รับการยกย่องจากเจ้าแม่ทอล์คโชว์อย่าง Oprah Winfrey ว่าเป็น “Oprah’s favorite thing” list for 2000 สร้างรายได้ถึง $10,000,000
  • ปี 2002-2003 คิดค้นกางเกงสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ให้ความรู้สึกสวมใส่สบาย และช่วงพยุงหน้าท้องได้อย่างดี
  • ปี 2004-2005 Spanx ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในเหล่าคนดัง รวมถึงออกรายการทีวีต่างๆมากมาย
  • ปี 2006 ก่อตั้งมูลนิธิ Sara Blakely Foundation จุดประสงค์คือช่วยเหลือและสนับสนุนผู้หญิงในด้านการศึกษาและอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการเป็นผู้ประกอบการที่ดี
  • ปี 2007 มอบเงินจำนวน $1,000,000 ให้กับมูลนิธิ Oprah Winfrey Leadership Academy Foundation in Sounth Africa ผู้ที่มีส่วนช่วยให้เธอประสบความสำเร็จ
  • ปี 2008 เปิดตัวสินค้าใหม่คือ บราไร้ตะเข็บที่เน้นการสวมใส่สบาย
  • ปี 2009 เพิ่มลูกเล่นความประณีตของสินค้าในแบบ haute couture
  • ปี 2010 เปิดตัวเสื้อยืด สินค้าสำหรับผู้ชาย Spanx for Men
  • ปี 2011 เปิด Spanx Shop ที่แรกในนครนิวยอร์ก
  • ปี 2012 Sara Blakely ขึ้นปกนิตยสาร Forbes ฉบับครบรอบ 25 ปีและได้รางวัลในฐานะผู้หญิงที่รวยด้วยตัวเองที่มีอายุน้อยที่สุด (The youngest self-made female billionaire)
  • ปี 2013 Sara Blakely ลงนามมอบรายได้ครึ่งหนึ่งของเธอให้แก่การกุศล
  • ปี 2016 เปิดตัวกางเกง Legging รวมถึงผลิตสินค้าใหม่ออกมา

บทสรุปความภาคภูมิใจและความสำเร็จของ Spanx

1.อย่าให้คำว่า “ไม่” มาหยุดความฝันได้

เมื่อมีความฝัน การลงมือทำเท่านั้นที่จะทำให้กลายเป็นจริง แต่กว่าจะประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้ ต้องถูกปฏิเสธจากโรงงานผลิตมานับไม่ถ้วน นั่นเป็นเพราะสิ่งที่ต้องการจะทำ อาจเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ไม่น่าลงทุนสำหรับคนอื่นๆ แต่ไม่ใช่กับ Sara Blakely เธอไม่เคยหยุดที่จะหาหนทาง จนในที่สุดความมุ่งมั่นและความพยายามทำให้เกิด Spanx มาจนถึงทุกวันนี้

ไม่มีใครปีนภูเขาได้ในครั้งเดียว ต่างก็ต้องหยุดพักแล้วไปต่อ เรามักพูดกันเสมอว่าเอดิสันกว่าจะสร้างหลอดไฟได้นั้นเขาต้องพบกับความล้มเหลวเป็นหมื่นครั้ง แต่เอดิสันไม่ได้คิดเช่นนั้น เขาบอกแค่บอกตัวเองว่าเขาค้นพบวิธีที่ไม่ใช่กว่าหมื่นครั้งเท่านั้นเอง

เนื้อแท้แล้วเราไม่รู้หรอกว่าปลายทางนั้นจะต้องเจออะไร ความลำบากมากน้อยขนาดไหน ทว่าหากเป้าหมาย ความฝันของเรานั้นมันใหญ่มากพอเพียง ปัญหาอุปสรรคมันก็เป็นแค่เศษผง

แต่เมื่อใดที่เป้าหมายเราเล็ก ความฝันเราไม่ชัด แม้เจอปัญหาเล็กนิดเดียว แต่เราจะมองเห็นเป็นภูเขาลูกมหึมาเลยทีเดียว

มีฝันจงลงมือทำ อย่าให้คำว่า “ไม่” มาฉุดรั้งเราไว้ไม่ให้ไปถึงเป้าหมาย ความฝัน

2.รู้จุดอ่อนตรงไหน รีบหาทางแก้ซะ

เมื่อสินค้าเริ่มมีชื่อเสียง แน่นอนว่าจำนวนยอดสั่งซื้อต้องเพิ่มขึ้น ในช่วงแรกนั้น Sara Blakely ยังไม่รู้วิธีรับมือ ด้วยความที่ไม่มีความรู้ในเรื่องธุรกิจ เธอยังจัดการปัญหาได้ไม่ดีนัก กลายเป็นผลเสียมากกว่า จึงตัดสินใจจ้าง Laurie Ann Goldman มาบริหาร Spanx โดยให้ความสำคัญโฟกัสที่คุณภาพสินค้า รวมถึงกลยุทธ์การตลาดต่างๆ ถือได้ว่าการบริหารของเธอทำให้ Spanx มาได้ไกลมากทีเดียว

SMEs โดยส่วนใหญ่จะประสบปัญหาเหล่านี้ คือ เมื่อถึงเวลาต้องขยายก้าวข้ามจากธุรกิจครอบครัว สู่ธุรกิจมืออาชีพ กลับไม่ยอมจ้างมืออาชีพเข้ามาช่วยงาน มาช่วยบริหาร จึงทำให้ธุรกิจไม่ก้าวไปข้างหน้า จมอยู่กับรูปแบบธุรกิจครอบครัว สิ่งนี้เป็นปัญหาต่อการเติบโตของธุรกิจอย่างมาก

จุดอ่อนไหนควรแก้ไข ควรหาคนที่มีจุดแข็งมาช่วยเราแก้ไขตรงจุดนั้น แล้วตัวเราเองไปโฟกัสในจุดที่เราแข็ง ไม่ต้องทำเองทุกอย่าง

อยากจะดื่มนมแค่แก้วเดียว ไม่จำเป็นต้องสร้างฟาร์มเพื่อเลี้ยงโค…

3.อย่าลืมที่จะพัฒนาอย่างสม่ำเสมอ

หากหยุดอยู่กับที่ก็ไม่ต่างอะไรกับการยอมแพ้ การแข่งขันทางธุรกิจเรียกได้ว่าความสำเร็จในอดีตไม่ได้เป็นตัวตัดสินอนาคต ยิ่งเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ไม่ว่าใครก็สามารถผลิตสินค้าในรูปแบบที่ใกล้เคียงออกมาได้ การที่ Spanx รู้ว่ามีคู่แข่ง สิ่งหนึ่งที่จะหนีจากสภาวะนี้ได้คือ งัดเอาข้อได้เปรียบจากการเริ่มก่อน คิดก่อน มาพัฒนาแตกไลน์สินค้าอื่นๆจนคู่แข่งไม่สามารถตามทัน

เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าสิ่งที่เราทำในวันนี้ พรุ่งนี้จะไม่มีใครมาทำลาย เราจะกล้าการันตีไหมว่าธุรกิจที่ดีๆ อยู่วันนี้ พรุ่งนี้มันจะยังอยู่รอด

การพัฒนาหมายถึง ความอยู่รอด ของธุรกิจ !!

หยุดพัฒนาเมื่อไหร่ ธุรกิจก็หยุดเมื่อนั้น

อะไรบ้างที่เราต้องพัฒนา เริ่มจากความรู้ของเรา มันอัพเดตอยู่ไหม สินค้าบริการ ของเรามันยังเป็นแบบเดิมๆ อยู่ไหม ลูกค้าของเราเขาได้รับการพัฒนาความรู้เพิ่มไหม บริการของเราเข้าถึงความสะดวกของลูกค้ามากขึ้นหรือเปล่า

ถ้าอยากอยู่รอด ก็ต้องพัฒนา

ถ้าอยากตายไปอย่างช้า  ๆ หยุดพัฒนาแล้วเตรียมเจ๊งได้เลย

ถอดบทเรียนความสำเร็จ SPANX สู่ธุรกิจ SMEs

1.ทำให้ถึงที่สุด อย่าหยุดจนกว่าจะได้มา

ช่วงเริ่มต้นสำหรับ SMEs ถือได้ว่าเป็นช่วงที่ยากที่สุด แน่นอนว่าไม่อาจเลี่ยงการถูกปฏิเสธได้ ก็แค่ทำต่อไป หนทางสำหรับความสำเร็จไม่ได้มีแค่ทางเดียว วิธีการก็เช่นกัน การถูกปฏิเสธบ่อยจะทำให้เกิดการเรียนรู้ จะคิดมากขึ้น ทำให้เก่งขึ้น ฉลาดขึ้น พอถึงเวลาที่สมควรผลลัพธ์ที่ได้ย่อมคุ้มค่าแน่นอน

2.คำแนะนำจากมืออาชีพย่อมดีเสมอ

แน่นอนว่าไม่มีใครรู้ตั้งแต่เกิด สำหรับ SMEs สิ่งแรกที่เริ่มต้นให้เกิดธุรกิจคงหนีไม่พ้นความหลงใหลที่จะทำ แต่บางครั้งความรักในงานก็ไม่สามารถทำให้ธุรกิจไปต่อได้ ต้องอาศัยองค์ประกอบอื่นๆ โดยเฉพาะการที่ไม่มีประสบการณ์ ไม่มีความรู้เรื่องการตลาด ควรขอคำแนะนำจากมืออาชีพ หากต้องเสียค่าใช้จ่ายตรงนี้ก็ควรที่จะจ่าย ดีกว่าหาทางไปแบบสะเปะสะปะ เผลอๆจะกลายเป็นว่า เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย

ใครจะไปคิดว่าปัญหาที่เจอกันบ่อยๆจะถูกหยิบจับ กลายมาเป็นไอเดียทางธุรกิจได้ บางครั้งสิ่งที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้นจากเรื่องง่ายๆใกล้ตัว และหากมีความมุ่งมั่นมากพอ โอกาสที่จะทำให้ความฝันกลายเป็นจริงนั้นคงไม่ยากเกินความสามารถ อย่างที่ Spanx ที่ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า “ทุกความฝันควรค่าแก่การปกป้อง”

อ้างอิง

  1. https://www.spanx.com
  2. https://www.forbes.com/sites/clareoconnor/2012/03/12/how-spanx-became-a-billion-dollar-business-without-advertising/#756682af4d64
  3. https://www.brandsoftheworld.com/logo/spanx

บทความโดย

ผู้ผ่านรับการฝึกอบรม “ใช้เวลาว่างเขียนบทความสร้างรายได้”

คุณ  มาลินี เพ็ชรอุไร

แม่บ้านครูสอนพิเศษวิชาวิทยาศาสตร์