ธุรกิจในยุคปัจจุบันต้องแข่งขันกันมากขนาดไหน ไม่ต้องเสียแรงอธิบายเจ้าของกิจการทั้งหลายก็แทบจะลุกมาแข่งกันพูดจนหูดับ

ร้านค้ารายใหญ่ทำโปรโมชั่นแข่งกันมากมาย ร้านค้ารายย่อยก็รบรากันดุเดือด แม่ค้าออนไลน์ทั้งหลายต่างประสานเสียงกรีดร้องให้กับค่าโฆษณาที่แพงขึ้นทุกทีๆ สวนทางกับออเดอร์ที่ไม่ค่อยมี แล้วดีไม่ดียังเจอสลิปเก๊ ยอดโอนปลอมเข้าไปอีก

ยิ่งถ้าหากสินค้าของเรากับสินค้าในตลาดมีคุณภาพใกล้เคียงกันมากเท่าไหร่ ลูกค้าก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาสามารถที่จะซื้อที่ไหนก็ได้ ถ้าอย่างนั้นจะทำอย่างไรให้ลูกค้าเลือกที่จะมาซื้อของกับเราแทนที่จะไปซื้อกับร้านอื่น?

เรื่องนี้เจ้าของกิจการมือใหม่ทั้งหลายไม่ควรพลาด

เคล็ดลับสำคัญมันอยู่ที่ “ความประทับใจ”

ลองนึกสภาพว่าคุณกำลังจะหาของขวัญให้แฟนสักชิ้น หลังจากเดินหาเทียบราคามาสักสิบร้าน (หรือสิบเว็บฯ) ของหน้าตาเหมือนๆ กัน คำอธิบายสินค้าเหมือนๆ กัน ในเมื่อทุกอย่างดูเหมือนๆ กัน ถ้าเป็นคุณ คุณจะเลือกซื้อสินค้าที่ร้านไหนคะ?

เชื่อว่าคนส่วนมากจะเลือกซื้อกับร้านที่ราคา “ถูกที่สุด” ค่ะ (และอีกส่วนอาจจะเลือกร้านสุดท้ายเพราะขี้เกียจหาแล้ว) …ก็ในเมื่อมันเหมือนๆ กัน เราจะไปซื้อร้านที่แพงทำไม?

นี่แหละค่ะที่เป็นการยืนยันว่า “ความประทับใจ” นั้นสำคัญ ดังนั้นเรามาดูกันดีกว่า ในฐานะเจ้าของกิจการเรามีวิธีง่ายๆ ที่ไม่ต้องเสียเงินสักบาท แล้วยังสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าของเราได้อย่างไรบ้าง

วิธีที่ 1 รอยยิ้มฟรีๆ ที่แจกได้ไม่อั้น

วิธีสุดเบสิค ที่ทั้งดีและประหยัดที่สุดก็คือ “รอยยิ้ม” ค่ะ

เพียงแค่คุณขยับกล้ามเนื้อบนใบหน้าเป็นรอยยิ้มสวยๆ สบตากับลูกค้าให้เห็นความจริงใจ ขยับตัวให้กระฉับกระเฉงสักนิด ถ้าหากที่ร้านคุณมีของที่เขาสนใจอยู่ รับรองว่าเขาต้องเลี้ยวมาหาแน่นอน

แต่ถ้าหากร้านของคุณอยู่บนโลกออนไลน์ ท่าไม้ตายอย่างรอยยิ้มจะต้องแปลงร่างไปสักหน่อยค่ะ จะใช้อีโมติค่อนแบบฝรั่ง แบบญี่ปุ่น จะแบบเกาหลี แบบจีน หรือแบบไหนๆ ก็ได้ตามแต่ที่เข้ากับร้านของคุณ แปะมันลงไปตามที่ต่างๆ ให้เขาสัมผัสได้ถึงความเป็นมิตร ความเป็นกันเอง ความสบายอกสบายใจที่จะได้คุยกับคุณ เพียงเท่านี้โอกาสของคุณก็จะเพิ่มมากขึ้นกว่าร้านอื่นๆ แล้วค่ะ

ในช่องทางแชทบ๊อกซ์ต่างๆ ก็ควรจัดเรียงสติ๊กเกอร์ที่เหมาะสมกับการใช้งานเรียงไว้ให้พร้อมด้วยนะคะ กว่าจะได้ผู้สนใจเข้ามาทักสักคนเราต้องจ่ายไปแล้วหลายบาท อย่าปล่อยให้หลุดมือไปง่ายๆ ค่ะ

วิธีที่ 2 จดจำชื่อลูกค้าให้ดี เรียกถี่ๆ มีผลอย่างไม่น่าเชื่อ

การเรียกชื่อนั้นมีพลังมากค่ะ ลองนึกเทียบดูง่ายๆ ระหว่างการที่เราเดินไปเจอพนักงานขายคนหนึ่งกล่าวว่า

“สวัสดีค่ะคุณลูกค้า” เทียบกับพนักงานอีกคนพูดว่า

“สวัสดีค่ะคุณ…(ชื่อ)…”

ความรู้สึกต่างกันมากเลยใช่ไหมล่ะคะ ดังนั้นการจดจำชื่อของลูกค้าให้ได้ และเรียกเขาด้วยชื่อจะสร้างความประทับใจลูกค้าได้มากอย่างไม่น่าเชื่อเลยค่ะ

ในขณะเดียวกันปฏิกิริยาโดยธรรมชาติจะทำให้ลูกค้าพยายามจดจำชื่อเรา (หรือร้านของเรา) ไปโดยอัตโนมัติด้วย เหมือนกับการที่เวลาเจอเพื่อนใหม่แล้วเพื่อนจำชื่อเราได้ แต่เราจำชื่อเขาไม่ได้นั่นแหละค่ะ พอรู้สึกว่าเขาจำเราได้ เราก็จะพยายามจำเขาให้ได้เหมือนกัน

ถ้าหากเป็นร้านค้าออนไลน์ ปัญหาเรื่องชื่อนี่จะสบายขึ้นเยอะเลยค่ะ เบื้องต้นก็เรียกชื่อตาม display ไปก่อนได้เลย แล้วค่อยตะล่อมถามชื่อเล่นของลูกค้าทีหลัง หากต้องคุยกันอีกครั้ง เราก็จะสามารถได้คุยกันได้อย่างสนิทสนมมากขึ้นค่ะ

วิธีที่ 3 จำให้แม่นยำว่าลูกค้าซื้ออะไร

ยิ่งเราเป็นร้านค้าเปิดใหม่ ยังไม่มีฐานลูกค้าประจำ การสร้างความประทับใจให้ลูกค้าจะเป็นเรื่องสำคัญมากค่ะ ถ้าการเรียกชื่อทำให้เขารู้สึกประทับใจแล้ว ถ้าเราสามารถจำได้ว่าเขาเคยซื้ออะไร หรือชอบสินค้าอะไร จะยิ่งทำให้ลูกค้าประทับใจมากยิ่งขึ้นค่ะ

ลองใช้คำถามง่ายๆ อย่าง

“ครั้งก่อนซื้อไปเป็นอย่างไรบ้างคะ”

“กำลังหา … ที่ซื้อไปครั้งก่อนหรือเปล่าคะ”

หรือ “สินค้าที่ดูครั้งก่อน (แต่อาจจะยังไม่ซื้อ) มีเข้ามาเพิ่มแล้วนะคะ ลองดูก่อนได้ค่ะ”

เราสามารถนำข้อมูลพวกนี้มาใช้เริ่มต้นบทสนทนาเพื่อสร้างความสนิทสนมมากยิ่งขึ้น และถ้าดูแนวโน้มแล้วว่าลูกค้าน่าจะรู้สึกโอเค อาจจะลองเสนอขายสินค้าอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าเดิมไปด้วยเลยก็ได้ค่ะ

ร้านค้าออนไลน์ก็ทำเรื่องนี้ได้เช่นกันค่ะ แถมยังอาจจะทำได้ง่ายกว่าเพราะมีระบบ chat log ต่างๆ ช่วยให้จดจำได้ง่ายยิ่งขึ้น แต่ถ้าคิดจะขายของกันยาวๆ แนะนำให้เก็บข้อมูลพวกนี้บันทึกลง Excel หรือระบบฐานข้อมูลอื่นๆ เอาไว้เลยค่ะ ได้ใช้ประโยชน์ในอนาคตแน่นอน

วิธีที่ 4 ขอบคุณให้เสียงดัง เหมือนทุกครั้งที่ขายเป็นออเดอร์แรกในชีวิตคุณ

เมื่อลูกค้าซื้อของคุณไปหนึ่งชิ้น ที่ญี่ปุ่นอาจใช้การโค้งเพื่อแสดงความขอบคุณต่อลูกค้าอย่างที่สุด ในฐานะผู้ขายเราจะต้องหาวิธีขอบคุณลูกค้าเพื่อสร้างความประทับใจเช่นกันค่ะ ถ้าหากมีหน้าร้าน

การกล่าวขอบคุณอย่างสดใส มีความสุข และมีพลังก็นับว่าใช้ได้แล้วค่ะ

แต่ถ้าหากเป็นร้านค้าออนไลน์ เพียงแค่ตัวหนังสือกับสติ๊กเกอร์อาจจะไม่เพียงพอที่จะสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าก็ได้ ดังนั้นถ้ามีโอกาสก็ประกาศลงหน้าเพจไปเลยค่ะ เขียนกล่าวขอบคุณให้ลูกค้าทราบว่าคุณดีใจขนาดไหนที่เขาชอบสินค้าของคุณ นอกจากได้ขอบคุณลูกค้า คุณยังได้โฆษณาขายของไปในตัวอีกต่างหาก

4 วิธีนี้อาจไม่ใช่สูตรสำเร็จที่ทุกคนสามารถก็อปแปะไปใช้ได้เลย แต่คิดว่าน่าจะพอเป็นแนวทางให้ “เถ้าแก่ใหม่” ทุกๆ ท่านนำไปปรับใช้กับธุรกิจของตัวเองได้นะคะ ^ ^

บทความโดย

ผู้ผ่านรับการฝึกอบรม “ใช้เวลาว่างเขียนบทความสร้างรายได้”

คุณ  A4
พนักงานบริษัทที่รักการอ่าน ชอบการเขียน กำลังพากเพียรใช้กระดาษเปล่า 1 แผ่น เพื่อค้นหาประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ตัวเอง