ปัจจัยสี่ของมนุษย์นั่นคือ อาหาร  ที่พักอาศัย เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ชีวิตอยู่ได้ ซึ่งหากขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งอาจทำให้ชีวิตลำบากได้ ในทางพระพุทธศาสนานั้นก็มีปัจจัยสี่เช่นกัน หรือ ที่เราเรียกกันว่า จตุปัจจัย จตุปัจจัย ประกอบด้วย จีวร คือ เครื่องนุ่งห่ม  บิณฑบาต คือ อาหาร   เสนาสนะ คือ ที่อยู่อาศัย และ คิลานปัจจัยเภสัชบริขาร(เภสัช) คือ ยาและอุปกรณ์รักษาโรค จะเห็นได้ว่าปัจจัยสี่ทางโลกและปัจจัยสี่ทางธรรมนั้นเป็นสิ่งเกื้อหนุนให้ทั้งปุถุชนและพระสงฆ์สามารถทำกิจของตนเองได้

ปัจจัยสี่ในทางพระพุทธศาสนา หรือ นิสสัยสี่(เครื่องอาศัยของบรรพชิต) ก็ไม่ใช่สิ่งที่ดูใหม่หรือสวยงามแบบที่เขาถวายอย่างในปัจจุบัน  ปัจจัยสี่ในพุทธกาล คือ ปิณฑิยาโลปโภชนะ คือ คำข้าวที่ได้มาด้วยปลีแข้ง บังสุกุลจีวร ผ้านุ่งห่มที่หาได้ตามป่าช้าหรือกองขยะ  ปูติมุตตเภสัช ยาน้ำมูตรเน่า  และ รุกขมูลเสนาสนะ คือ อาศัยอยู่บริเวณโคนต้นไม้ เป็นต้น

เพราะฉะนั้นการที่เราได้ทำนุบำรุงศาสนาด้วยการถวายปัจจัยสี่จึงมีอานิสงส์แรงมาก เพราะช่วยสร้างให้มีชีวิตอยู่ได้ ไม่ลำบากนั่นเอง ดังเช่น การสร้างวิทยาสงฆ์และการบูรณะปฏิสังขรณ์กุฏิที่พักอาศัย ซึ่งมีอานิสงส์ผลบุญให้กับผู้กระทำดังนี้

  1. ในทางพระพุทธศาสนาเชื่อว่า ผู้ใดให้ที่พักอาศัย ย่อมหมายถึงผู้นั้นให้สิ่งทั้งปวง(สังยุตตนิกาย สคาถวรรค) เพราะว่าการให้ที่พักพิง เป็นเหมือนการให้ร่างกายได้หลบแดดหลบฝนและความหนาว ทำให้มีสติ สามารถเจริญสมาธิภาวนาได้ จึงถือว่า เป็นผู้ทำนุบำรุงศาสนาและจรรโลงศาสนาให้คงอยู่ได้ต่อไป
  2. ผู้ที่ให้ที่พักอาศัย ย่อมมีบุญเจริญในทุกกาลทุกเมื่อ ไม่ว่าจะเป็นตอนเช้า ตอนกลางวัน เขาจะตั้งอยู่ในธรรม มีความสมบูรณ์ในศีลและได้ขึ้นสวรรค์(วนโรปสูตร)
  3. ในวิหารทานกถา (การถวายวิหารหรือที่อยู่พระสงฆ์เพื่อเป็นทาน) ผู้ที่ถวายจะเกิดความสุขทั้งผู้ให้และผู้รับ ถือว่าเป็นยอดของการให้สังฆทานจะส่งผลให้บรรลุถึงนิพพาน
  4. ส่งผลให้มีบ้านเรือนเป็นของตนเอง มีความร่มเย็นเป็นสุขใจ มีความมั่นคงในชีวิต ช่วยแก้กรรมเรื่องของการไม่มีที่ทำกิน ถูกไล่ที่ ชีวิตไม่มีความมั่นคง ต้องเปลี่ยนย้ายที่อยู่ตลอดเวลา
  5. การสร้างวิทยาสงฆ์ ช่วยให้มีปัญญาดี มีความรอบรู้ และถือว่าเป็นการส่งเสริมให้พระสงฆ์ได้เรียนหลักธรรม และฝึกปฏิบัติ จึงมีอานิสงส์มากนั่นเอง
  6. ผู้ให้มักมีความสุขอิ่มเอมใจอยู่เสมอ ผู้รับได้นำไปใช้ประโยชน์เพื่อการทำนุบำรุงศาสนาให้คงอยู่สืบไป

ทั้งหมดนี้คืออานิสงส์ที่คุณจะได้จากการสร้างวิทยาสงฆ์และการบูรณปฏิสังขรณ์กุฏิพระ ซึ่งเป็นการสร้างทานที่ยิ่งใหญ่ เพราะถือว่าเป็นปัจจัยหลักของทั้งปุถุชนและพระสงฆ์ที่ช่วยอำนวยกิจของตนให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี  เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่าทางโลกและทางธรรมมีความเกี่ยวข้องกันอย่างแยกไม่ออก เราทุกคนจึงควรรักษาศีล 5 มีสติตั้งอยู่บนความไม่ประมาท เพื่อให้การดำรงชีวิตเป็นไปอย่างมีความสุข ไม่เบียดเบียนผู้อื่น หมั่นให้ทานสั่งสมคุณงามความดี รับรองเลยว่า คุณจะมีความสุขทั้งทางโลกและทางธรรม


 

อาร์ท อังกอร์ ได้ขยายสายการตลาดและตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีความสนใจในงานประติมากรรม หล่อโลหะ ทองเหลือง สัมฤทธิ์โดยคัดเลือกผลงานฝีมือของคนไทยที่มีความสามารถในรูปแบบของงานปั้นที่มีชื่อเสียงและความสวยงามเป็นที่สุด จากประติมากรรมแกะสลักหินสู่ประติมากรรมหล่อโลหะเพื่อผลงานออกแบบสู่ความเป็นที่1 ด้านพุทธศิลป์จึงได้ทำการจัดสร้าง

“ท้าววิรูปักโขนาคราช” เจ้าแห่งพญานาคา ประทับบนบัลลังก์นาค4 ตระกูล พญานาคผู้ที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดในบทสวด และเป็นใหญ่กว่านาคใด ๆทั้งปวง ผลงานการออกแบบและการหล่อโลหะที่ยาวนาน เพื่อให้ได้ผลงานอันประณีต ใส่ใจรายละเอียดทุกขั้นตอน เพื่อให้ได้มาตรฐานของ Solutions Art Angkor

เพื่อสมทบทุนสร้างวิทยาลัยสงฆ์และบูรณปฏิสังขรณ์กุฏิที่พักสงฆ์ ณ วัดทอง จรัญสนิทวงศ์46 โดยนิมนต์พระคุณเจ้า พระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติติชอบ พระมหาสวัสดิ์ เกสรเมธี เจ้าอาวาสแห่งวัดทอง พร้อมด้วยอักขระพิเศษจากครูบากฤษณะ อัญเชิญญาณบารมีหลวงปู่คำพันธ์เป็นปฐม ประทับตรายันต์สมปรารถนาและมวลสารอื่นๆอีกมากมาย ในพิธีพุทธาภิเษก วันที่ 24 พฤศจิกายน ที่สมบูรณ์แบบที่สุด ถูกต้องตามแบบฉบับโบราณประเพณี

“ท้าววิรูปักโขนาคราช”

จัดสร้างโดย : อาร์ท อังกอร์

ศิลปิน : เพาะช่าง

ขนาด : ความกว้าง 14 นิ้ว สูง 19 นิ้ว

เทคนิค : งานทองเหลือง

จำนวนจัดสร้าง : 199 องค์

ราคา 15,900 บาท

เปิดจองตั้งแต่วันนี้ถึง วันที่ 20 พฤศจิกายนนี้

พิเศษ!! ฟรีค่าจัดส่งมาตรฐานระดับสากล

 

สนใจสอบถาม :
ประติมากรรมหล่อโลหะ (mariano)
โทร.089-642-4998 | Line ID : phrachun | E-Mail : [email protected]