หลักพื้นฐานในการทำ content marketing ที่ดี เริ่มที่ตรงไหน ทำ Content อย่างไร หลายคนอยากทำนะแต่ก็จับต้นชนปลายไม่ถูกว่าจะตั้งต้นจากตรงไหนดี งั้นวันนี้เรามาดูเรื่องการทำ Content Marketing ที่ดีกันครับ

0.จะทำ Content ออกไปเพื่ออะไร ?

เริ่มที่ศูนย์จุดตั้งต้นในการทำ Content เราลองถามตัวเองหน่อยครับว่า Content ที่เราจะทำ จะสื่อออกไปในแต่ละเรื่องแต่ละประเด็นนั้นเรามีเป้าหมาย หรือ วัตถุประสงค์อย่างไร อย่าตอบเพียงแค่ว่า “ขาย” นะครับ เพราะส่วนนี้จะเป็นเรื่องท้าย ๆ สำหรับกระบวนการสร้าง Content Marketing

Content เราส่งไปโดยส่วนใหญ่วัตถุประสงค์เบื้องต้นประมาณนี้ครับ

  1.Brand Awareness เพื่อทำให้คนได้รู้จักแบรนด์เรา ให้เขาได้มีโอกาสได้เห็นเราบ่อยที่สุด ได้เห็นหลายช่องทางมากที่สุด

2.Problem Awareness เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้ตระหนักถึงปัญหาที่เขาได้ประสบอยู่ หรือ ความต้องการของเขาที่ปรารถนาสิ่งหนึ่งสิ่งใด

3.Solution Awareness เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายทราบถึงวิธีการแก้ไขปัญหา ในรูปแบบต่าง ๆ ที่เขาสามารถทำได้ หรือ การตอบสนองความต้องการของเขาได้

4.Sale / Promotion เป็นเรื่องสุดท้ายที่เราจะสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายของเรา เพราะคงไม่ดีแน่หากเราเปิดประเด็นมาด้วยการขาย ๆๆ โดยที่ยังไม่ใครรู้จักเรา ไม่รู้ว่าเราช่วยเขาแก้ไขปัญหาได้อย่างไร สินค้าเราตอบโจทย์ได้อย่างไร

5.Keep Relationship สานสายสัมพันธ์กลุ่มเป้าหมายที่มีโอกาสได้ซื้อสินค้าแล้ว ส่งข้อมูล ข่าวสาร กิจกรรม เพื่อรักษาความเป็นลูกค้าไว้ในระบบของเรา

ลองถามตัวเองดูนะครับว่า Content ที่เราคิดจะทำนั้นอยู่ภายใต้วัตถุประสงค์เหล่านี้ไหม ถ้ายังไม่ได้วางวัตถุประสงค์การทำ Content Marketing ก็ควรตั้งต้นจากตรงนี้ก่อน

1.ตอบตัวเองให้ชัดว่าทำ Content ให้ใครดู ?

เราจะส่งเนื้อหา สาร หรือ Content ให้กับใคร ใครที่กลุ่มเป้าหมาย อาจจะเริ่มจากข้อมูลพื้นฐานที่จำเป็นเช่น เพศ อายุ อาชีพ รายได้ ที่อยู่ เป็นจุดเริ่มในการที่จะค่อย ๆ โฟกัสให้ถึงกลุ่มที่เราต้องการสื่อสารกับพวกเขา

เราไม่จำเป็นต้องคุยกับทุกคน เราไม่ต้องหว่านแหเพื่อให้ส่งถึงทุกคน ให้ตอบตัวเองชัดเจนว่า “กลุ่มเป้าหมาย” ของเราเป็นกลุ่มไหนแค่นั้นพอ

2.บอกให้ได้ว่าคนที่ดูเขามี “ปัญหา” หรือ “ความต้องการ” อะไร ?

ปัญหากลุ่มเป้าหมายเรานั้นคืออะไร เขามีความต้องการอะไรเป็นพิเศษ เช่น กลุ่มเป้าหมายเราอาจจะมีปัญหาด้านโรคภัยไข้เจ็บ เราก็ต้องรู้ว่าว่าโรคเหล่านั้นเป็นอย่างไร หรือ กลุ่มเป้าหมายเรากำลังมองหารายได้เพิ่ม เราก็ต้องดูว่าเขาต้องการรายได้เขานั้นต้องการเท่าไหร่ และงานประเภทไหนที่เขาสนใจ

            พยายามไล่ปัญหาและความต้องการจากจุดศูนย์กลางแล้วค่อย ๆ ขยายออกไปเป็นบริบทหรือสภาวะแวดล้อมที่เกี่ยวกับปัญหาของคนเหล่านั้น

เพื่อที่จะค่อย ๆ ดึงเขาเข้ามาในเรื่องราวที่เราต้องการจะโฟกัสจริงๆ เช่น หากเราทำกาแฟลดน้ำหนัก ก็ไม่จำเป็นต้องพูดแต่เรื่องของการลดน้ำหนัก คนน้ำหนักมากหรืออวบอ้วน เขาอาจจะมีปัญหาเรื่องการแต่งกายก็ได้ ประเด็นเหล่านี้เราต้องค่อยๆ เขียนมันออกมากนะครับ

3.สินค้า บริการ ของเราช่วยแก้ไขปัญหาอะไรให้เขาได้ ?

เรารู้ปัญหา เรารู้ความต้องการ คราวนี้ก็ต้องมาดูว่าปัญหาที่เราต้องการจะแก้ไขให้กับกลุ่มเป้าหมายนั้น สินค้าหรือบริการเราตอบโจทย์เขาได้มากน้อยขนาดไหน

อย่าเว่อร์ อย่าเคลมจนเกินไป !!! ให้ลองถามสินค้าบริการของเราเองในมุมของกลุ่มเป้าหมาย อย่าพยายามตอบด้วยมุมที่เราเป็นเจ้าของ

บ่อยครั้งที่เราบอกสรรพคุณเสียเป็นร้อย แต่ไม่ตรงใจหรือตรงปัญหาของเขาเลย เลือกตอบเลือกนำเสนอแต่ในมุมที่ลูกค้าต้องการได้ยินเท่านั้นพอ

            ต้องตอบให้ได้ในมุมของ Emotion Benefit หรือ ประโยชน์ทางด้านอารมณ์ ความรู้สึก และในมุมของ Functional Benefit หรือ ประโยชน์ทางด้านการใช้สอยจริงๆ ตามฟังก์ชั่นต่าง ๆ

 

4.เริ่มออกแบบทำ Content Mapping เพื่อตอบโจทย์ลูกค้า

เรารู้เขา (กลุ่มเป้าหมาย) ว่ามีความต้องการอะไร ?

รู้เรา ว่ามีสินค้าบริการตอบโจทย์อย่างไร ?

คราวนี้เราก็มาออกแบบเนื้อหา Content เพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายในแต่ละประเด็น และสร้างประสบการณ์ดีๆ ในกับกลุ่มเป้าหมายในแต่ละดับขั้นตอน

1.สร้างการรับรู้ ให้ลูกค้าได้มีโอกาสได้รู้จักเราก่อน ส่วนนี้ Content ควรเป็นการพูดถึงประเด็นของปัญหาต่าง ๆ ที่เขามี

     2.วิธีการแก้ไข ปัญหาเหล่านั้นสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างไรบ้าง มีทางเลือกไหนบ้าง ทำอย่างไรได้บ้าง ส่วนนี้จะทำให้กลุ่มเป้าหมายเห็นว่าเราเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องเหล่านั้นจริงๆ

3.ของเราดีอย่างไร เมื่อสร้างการรับรู้ ให้วิธีการแก้ไขปัญหาที่สามารถทำได้แล้ว ต่อไปเราก็ต้องนำเสนอข้อมูลทางเลือกของเราว่าสินค้าเรา บริการเราตอบโจทย์เขาได้อย่างไร ช่วยเขาได้อย่างไร โดยส่วนใหญ่เราให้น้ำหนักส่วนนี้มากเกินไป คือพยายามที่จะขายมากจนเกินไป โดยขาดการปูพื้นให้ความรู้ สร้างสายสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมายให้ดีก่อน จึงไม่ค่อยประสบความสำเร็จในการขายเสียเท่าไหร่นัก

4.ดูแลกลุ่มลูกค้าที่ซื้อแล้ว สร้างคอนเทนต์ให้ข้อมูลวิธีการใช้ เคล็ดลับต่าง ๆ สิทธิพิเศษต่างๆ ให้กับกลุ่มลูกค้าที่ได้มีโอกาสได้ใช้สินค้าเราแล้ว เปิดพื้นที่ให้เขาได้สื่อสารเป็นการทำ Two way content marketing

            ความสำเร็จในการทำ Content อยู่ที่การวาง Content ในแต่ละขั้นตอนที่จะพูดคุยกับลูกค้า ว่าตอนนี้เราควรพูดควรนำเสนออะไรเพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้รับทราบ

ความล้มเหลวคือการไม่วางแผนไม่ทำ Content Mapping ในแต่ละขั้น ทุ่ม Content ไปกับการยัดเยียดการขายจนกลุ่มเป้าหมายต้องหนี

5.รูปแบบ Content เราจะใช้สื่อในรูปแบบไหนได้บ้างที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย

รู้แล้วหละว่าจะสื่อสารอะไร ตอนไหน เมื่อไหร่ คราวนี้ก็ต้องมาดูกันอีกครับว่า Content เหล่านั้นจะออกมาในรูปแบบของสื่อหรือ Media ในรูปแบบไหน

    1.บทความ เป็น Content ที่มีแต่ตัวอักษร บทความ ไม่ว่าจะเป็น Caption สั้น ๆ หรือ เป็นเนื้อเรื่องเนื้อหาที่มากขึ้นไป

  2.รูปภาพ / Info graphic  นำเนื้อหามาแปลงให้เป็นรูปภาพ เพื่อทำให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น แต่ปัญหาคือเราต้องทำภาพหรือ info graphic เหล่านั้นให้สื่อสารชัดเจนตรงกับเนื้อหาที่จะสื่อ ไม่อย่างนั้นจะเกิดเหตุการณ์ที่ว่า “ภาพ 1 ภาพแทนความหมายเป็นล้านคำ” นั่นเท่ากับว่าความหมายที่เราต้องการสื่อออกไปอาจจะโดนตีความไปเป็นเรื่องอื่นทันที

    3.คลิปเสียง บันทึกเสียง นำเสนอในแบบเสียง หากเป็นรูปแบบเก่าอาจจะเป็นสื่อวิทยุ แต่ปัจจุบันอาจจะเป็นแบบ podcast คือใช้เสียงในการบอกเล่าเรื่องราว ถ่ายทอด content ต่างๆ

4.ทำเป็น Clip VDO แปลง Content ให้ออกมาในรูป เสียง การเคลื่อนไหว มีฉาก อารมณ์ ฉาก แสง ฯ สร้างความน่าสนใจให้กับ Content เรามากยิ่งขึ้น

6.ช่องทางไหนบ้างที่เราจะส่ง Content ไป ?

เราแปลงสาร Content ลงในสื่อ Media เรียบร้อยแล้ว ถึงเวลาที่จะนำ Media Content เหล่านี้ไปปล่อยเข้าสู่ตลาดเพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้พบได้เห็นแล้วหละครับ

รูปแบบของ Channel มีอะไรบ้าง แยกให้เห็นเป็นพื้นฐานอย่างนี้นะครับ

                1.Channel ที่เป็นของเราเอง

   1.1 ของเราเอง 100%  นั่นก็คือ เว็บไซต์หรือบล็อกของเราเอง ข้อมูลที่ลงในเว็บจะเป็นทรัพย์สินหรือ Asset ของเราเอง 100%  ผมแนะนำว่าเราต้องมีช่องทางหลักของเราเองก่อน ไม่มีถือว่าลำบากแน่ ๆ ครับ

1.2 กึ่งช่องทางเราเอง Content เป็นของเราก็จริงแต่พึ่งช่องทางของ platform อื่นไปลงเช่น Facebook,Youtube,IG เป็นต้น เพราะวันที่ระบบมีปัญหา หรือมีการปรับเปลี่ยนนโยบายต่างๆในแต่ละ plat form เนื้อหาเราก็อาจจะโดนเก็บไปด้วยนะครับ

                2.Channel ฟรีที่เป็น Platform ต่าง ๆ

เราสามารถนำ เนื้อหา Media Content ไปวางใน Platform ฟรีเช่น webboard ,Facebook ,Youtube ฯ เป็นช่องทางให้เราได้ปล่อยของเราให้กลุ่มเป้าหมาย และจะดีมากหากการนำ Media Content จากเว็บของเรามาแชร์ เพราะจะทำให้กลุ่มเป้าหมายกลับเข้ามาที่เว็บไซต์ของเรา

                3.Channel จ่ายเงินที่เป็น Plat Form ต่างๆ

โดยทั่วไป Platform ที่ให้บริการฟรี จะมีส่วนที่เป็นแบบ Premium เพื่อที่จะได้สิทธิ์พิเศษ ซึ่งส่วนนี้เราจำเป็นที่จะต้องจ่างเงิน ผมเรียกส่วนนี้ว่าการทำ Content Advertising เช่นเราลงโฆษณาใน Youtube,Facebook หรือ Google หรือ ในกลุ่มของการทำรีวิว Blogger หรือ Influencer ต่างๆ ส่วนนี้เราเองก็จะต้องจ่ายเพื่อซื้อความรวดเร็วในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และเข้าถึงได้มากยิ่งขึ้น

 

7.การวัดผลประสิทธิภาพและประสิทธิผลของ Content เหล่านั้นมีอะไรบ้าง ?

กระบวนการตั้งต้นทั้งหมดที่ว่าท้ายสุดแล้วเราจะวัดผลได้อย่างไร ผมแนะนำว่าให้เราวัดผลกันเป็นจุดๆ ของแต่ละกระบวนการไปนะครับ

การทำ Content Marketing ที่ดีเปรียบเหมือนการที่เราจะสร้างบ้านสักหลัง ใช่เพียงว่า นำไม้ อิฐ หิน ปู ทราย มาต่อ ๆ กันแล้วจะเป็นบ้านได้นะครับ แต่ต้องเริ่มที่ว่าเราเลือกทำเลอย่างไร ออกแบบโครงสร้างบ้าน ออกแบบตกแต่งภายใน และก็เริ่มทำงาน ก็ใช่ว่าจะเริ่มจากการนำหลังคามาวางนะ ต้องเริ่มที่ฐานรากและโครงสร้าง

เพราะฉะนั้นจะวัดผลในมุมของยอดขายกันแบบรวดเร็วนั้นทำได้ยาก และเป็นเรื่องที่ไม่มีใครเขาทำกัน สิ่งที่จะชี้วัดความสำเร็จคือการวัด KPIs ในแต่ละความคืบหน้าของงานที่เราทำไปแต่ละช่วงก่อนนะครับ

ส่วนประเด็นในเรื่องยอดขาย เราต้องให้เวลาอย่างน้อย 3-6 เดือนนะครับกว่า Content Marketing มันจึงจะผลิดอกออกผลให้เราได้เริ่มเห็นบ้าง บนพื้นฐานของการทำ Content อย่างต่อเนื่อง ทุก ๆ วันนะครับ

Key Success ของการทำ Content Marketing ตามประสบการณ์ผมมีแค่ 3 อย่างคือ

1.รู้จัก ปัญหาและความต้องการของลูกค้า

2.นำเสนอข้อมูล ในบริบทแวดล้อมกับกลุ่มเป้าหมายได้ตรงกับปัญหา

3.ความต่อเนื่องของสิ่งที่ทำ เรียนรู้และปรับปรุงไปตามแผนงานที่วางไว้

                Content Marketing หากวันนี้เรายังไม่เริ่มทำ เท่ากับว่าเส้นทางการทำธุรกิจของคุณมันสั้นมาก

แต่หากวันนี้เรากำลังจะเริ่มก็ขอให้ลองนำ 7 ขั้นตอนนี้ไปลองนำปรับใช้กับธุรกิจของแต่ละคนนะครับ ผมมั่นใจว่า โครงสร้างนี้จะช่วยให้ท่านประกอบบ้าน ประกอบธุรกิจของท่านได้เป็นรูปเป็นร่างที่สวยงาม และแข็งแรงมากยิ่งขึ้น