ธุรกิจที่ขายได้ขายดี คือธุรกิจที่มีสินค้าดี มีบริการดี และเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ยิ่งคนรู้จักมาก โอกาสขายได้มันก็เพิ่ม แต่ถ้าคนไม่รู้จักเลย ต่อให้มีสินค้าดี บริการดี ก็ไม่มีโอกาสขายได้
SMEs หลายคนเข้าใจเรื่องของการทำ PR จึงได้วางแผนงบประมาณสำหรับการ PR วางแผนปฏิบัติการต่างๆ เพื่อให้เกิดผลสูงสุดในการประชาสัมพันธ์ PR ในแต่ละครั้ง โดยเฉพาะการทำการ PR บนสื่อช่องทางออนไลน์ ซึ่งถือว่าใช้งบประมาณที่น้อยเมื่อเทียบกับสื่ออื่นๆ
ลองมาดูว่า “SMEs ที่เขาทำเงินล้าน” เขาทำกันอย่างไร แล้วลองกลับไปสำรวจธุรกิจของตัวท่านเองดูนะครับว่าทำเรื่องราวเหล่านี้มากน้อยเพียงใด
1.ให้ Blogger หรือ Influencer รีวิวธุรกิจหรือสินค้า
สินค้าดี บริการโดน ต้องมีคนช่วย “ชง” เพื่อให้คนรู้จักมากยิ่งขึ้น การใช้บริการ Blogger หรือ Influencer ช่วยรีวิวบอกต่อเป็นช่องทางในการทำ PR ที่ได้ผลในระยะเวลาที่รวดเร็วและกระจายออกไปในวงกว้างมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้เพราะเหล่า Blogger หรือ Influencer มีคนติดตามพวกเขา และกลุ่ม Influencer เหล่านี้ก็ค่อยข้างมีอิทธิพลทางความคิด การกระทำของเหล่าแฟนคลับที่ติดตาม เช่นว่า Influencer ไปทานอาหารที่ไหน ก็จะคอยไปตามชิม Influencer ใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการอะไรก็จะใช้ตาม
แต่ทั้งนี้รูปแบบการ PR ผ่าน Blogger หรือ Influencer ไม่ใช่เป็นรูปแบบการขายของเหมือนเหล่า พริตตี้ หรือ เน็ตไอดอล เหมือนเช่นแต่ก่อนที่พยายามขายจนกลายเป็นเป็นอาชีพที่ต้องมารีวิวสินค้ากันกลาดเกลื่อน การทำงานของเหล่า Blogger และ Influencer จะต่างกันออกไป เพราะพวกเขาจะให้ความสำคัญกับคนที่ติดตามเป็นอย่างมาก จะไม่ทำการขายกันจนต้อง “เสียแบรนด์ตัวเอง” แต่จะเป็นวิธีการการที่แนะนำ ในรูปแบบของเขา เอกลักษณ์ของเขา เพื่อให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมายของพวกเขามากที่สุด
แม้กระทั่งการเลือกที่จะ PR ให้กับสินค้าใดสินค้าหนึ่งเหล่า Blogger / Influencer ก็เลือกแล้วเลือกอีก ไม่ได้รับสินค้าทุกอย่าง บริการทุกประเภท
Blogger / Influencer เหล่านี้เขามี Brand Awareness ของเขาดังนั้นหากสินค้าเราได้รับการรีวิวผ่านช่องทางที่เขามีสินค้า บริการของเราก็จะได้รับ “Brand Awareness” ด้วยเช่นกัน ทำให้สินค้าเรามีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้นในเวลาที่รวดเร็ว
“กลองจะดังต้องมีคนตี สินค้าดีต้องมีคนช่วยบอกมันถึงจะดัง”
2.ทำคลิป VDO เพื่อแนะนำธุรกิจเพื่อให้คนเชื่อมันในแบรนด์
เราต้องมีสถานี TV ออนไลน์เป็นของตัวเอง !!! อย่าอายที่จะออกสื่อเพื่อสัมภาษณ์พูดคุย บอกเล่าเรื่องราวสินค้า บอกเล่าเรื่องราวที่เป็นประโยชน์กับกลุ่มเป้าหมาย
อย่าทำแค่คลิป VDO ที่ออกมาขายๆ เพียงอย่างเดียว แม้การทำอย่างนี้จะทำให้ยอดขายอยู่บ้างแต่โดยรวมแล้วจะทำให้ “แบรนด์” ของเรา “เสีย” ไปในทันที
เราเคยเห็น VDO ของแบรนด์ใหญ่ ๆ เขาออกมากขายๆ กันบ้างหรือเปล่า หรือ เคยเห็นเขาออกมา Live กันแบบแจกโน่นนี่นั่นก็บ้างไหม …. ไม่เคยใช่ไหมหละ ที่ไม่เคยเห็นเพราะแบรนด์เหล่านั้นเขา “รักแบรนด์” ของเขามากกว่าการหวังยอดขายเพียงชั่วคราว แต่เขาต้องการสร้างแบรนด์ที่มันคงในการสร้างยอดขายที่ยั่งยืน
VDO จะทำเป็นของเราเองใช้กล้องมือถือถ่ายทำตัดต่อแบบง่าย ๆ ก็สามารถทำได้เลย หรือ หากมีรายการใดติดต่อไปร่วมออกรายการที่ต้องลงทุนในการจ่ายค่าดำเนินการให้เขาบ้างก็ควรจะทำ เพราะเราจะได้ VDO ที่มีความน่าเชื่อถือ แถมยังได้ออกรายการ มีโอกาสได้ลูกค้าติดตามสั่งซื้อสินค้ามาอีกด้วย
ยิ่งเราสร้างความน่าเชื่อถือให้สินค้าเราได้มากเท่าไหร่ ยิ่งเราเข้าถึงใจกลุ่มเป้าหมายเราได้มากเท่าไหร่ สินค้าเราจะขายดีมากยิ่งขึ้นเท่านั้น VDO เป็นเครื่องมือที่จะช่วยประหยัดงบประมาณด้านการ PR ได้เป็นอย่างมาก
3.นำสื่อที่ได้ต่อยอดบนเพจและสื่อของตัวเองที่มีอยู่ในมือ
ทำงานคู่ขนาน ขณะที่เราให้ทาง Blogger / Influencer รีวิวสินค้าบริการให้เรา ทางเราเองก็ควรทำงาน PR ต่อยอดให้รวดเร็วเช่นกัน เมื่อมีรีวิว เราก็ต้องนำมาแชร์บอกต่อในเพจ ในสื่อที่เรามีไม่ว่าจะเป็น เว็บไซต์ Line ,Twiter,IG ฯ ทำอย่างนี้เราจะได้ทั้ง Brand Image และ Brand Awareness มากยิ่งขึ้นจากคนที่เขาติดตามเราอยู่
อย่าหวังพึงแค่ว่าให้ Blogger/Influencer ทำประชาสัมพันธ์ให้เราแล้วจะจบ เราต้องทำหน้าที่นำสื่อเหล่านั้นมาใช้งานต่อวางแผนการ PR ต่อเป็นรอบๆ ไป เช่น วางแผนในการ Rerun หรือนำรีวิวเหล่านั้นกลับมาแชร์ใหม่ในเครือข่ายออนไลน์ของเราเป็นประจำสม่ำเสมอ ทุก 2-3 เดือนต่อหนึ่งรีวิว
หลายธุรกิจทำแล้ว “ทิ้ง” ไม่นำกลับมาใช้ประโยชน์ จึงทำให้กลายเป็นว่า “ทำแล้วไม่เห็นผล” ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะไม่ได้วางแผนในการที่จะนำสื่อเหล่านั้นมาใช้งานต่อนั่นเอง
หากเราวางแผนดี ๆ สื่อที่ไดจาก Blogger/Influencer เหล่านี้สามารถนำมาใช้ซ้ำแล้วซ้ำอีกได้ตลอด ทำให้ต้นทุนต่ำลงมาก และสร้างกำไรเพิ่มยอดขายได้มากเช่นกัน
4.ลงโฆษณา Facebook,Google เพื่อโปรโมทสื่อที่ได้จาก Influencer
ตีเหล็กต้องตีตอนร้อน !!! อย่าทำเพียงแค่แชร์ แต่ต้องจ่ายโฆษณาเพิ่มด้วยให้กับ Platform ที่เราใช้อยู่
หากเราแชร์ลงใน Facebook ก็ต้องลงโฆษณา Facebook Ads ด้วยเพื่อเป็นการเพิ่มคนอ่าน เพิ่มการมีส่วนร่วมให้กับรีวิว เพิ่มโอกาสการเห็น และนั่นก็คือโอกาสการเพิ่มยอดขายกำไรให้กับเราเช่นกัน
ขณะเดียวกันก็อย่าลืมว่าสินค้า บริการของเรา คนก็ต้องมีการค้นหาใน Google หากเขาหาไม่เจอสินค้าเรา โอกาสการขายก็เท่ากับ “ศูนย์” จำเป็นที่เราจะต้องลงโฆษณา Google Adword ด้วยนะ
SMEs ที่ประสบความสำเร็จในการทำการตลาดออนไลน์ เพราะเขาให้ความสำคัญกับการทำ PR พอๆ กับการทำสินค้าให้มีคุณภาพ มีการจัดสรรงบประมาณที่ชัดเจนและเพียงพอเพื่อที่จะผลักดันให้คนได้รู้จักสินค้า ได้เห็นมากพอ ได้มีโอกาสได้ทดลองใช้
ส่วน SMEs อีกมากเช่นกันไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ทำให้ “ยอดขายดับ” ไม่มีลูกค้า กลายเป็นว่าผลิตสินค้ามาแต่ขายไม่ได้ ก็คงไม่ต้องโทษใครหรอกนะครับว่าทำไมขายไม่ได้ทั้งที่สินค้าดี….โทษตัวเองที่ไม่ได้โฆษณาประชาสัมพันธ์สินค้าบริการให้ลูกค้าได้เห็น ได้รู้จักมากพอ
สำหรับ SMEs ที่คิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะ “ทำธุรกิจจริงจัง” โฆษณาประชาสัมพันธ์ ทำการตลาดให้ลูกค้ามากยิ่งขึ้น ทางเถ้าแก่ใหม่ มีบริการให้คำปรึกษาเรื่องนี้ พร้อมทั้งมีบริการประชาสัมพันธ์ทำการตลาดออนไลน์แบบครบวงจร ทักมาพูดคุยปรึกษา หาทางออกกันได้ครับ ทีมงานพร้อมให้คำแนะนำ พร้อมนำพาธุรกิจของท่านให้รู้จักมากยิ่งขึ้นบนโลกออนไลน์
บริการอบรม ให้คำปรึกษาการทำธุรกิจออนไลน์ ฝึกอบรมภายในบริษัท แบบตัวต่อตัว การทำ Content Marketing,การโฆษณา Facebook,การโฆษณา Tiktok,การตลาด Line OA และการทำสินค้าให้คนหาเจอบน Google
บริการดูแลระบบการตลาดออนไลน์ให้ทั้งระบบ
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสารความรู้การทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ Add Line id :@taokaemai
รับชมคลิป VDO ความรู้ด้านการตลาด กรณีศึกษาธุรกิจ แหล่งเงินทุนน่าสนใจ ติดตามได้ที่ช่อง Youtube : Taokaemai เพื่อนคู่คิดธุรกิจ SME