หลายคนอาจคิดว่าโลก FinTech จะเจอกับ Virtual Reality (VR) ได้อย่างไร และข่าวนี้ก็ทำให้มันเกี่ยวข้องกันได้ เมื่อ Ant Financial Service Group บริษัท Financial Service Affiliate ของ Alibaba ที่ให้บริการ Alipay เปิดตัวบริการ Virtual Reality (VR)-based payments service
ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Alibaba ตั้ง VR lab เพื่อพัฒนาประสบการณ์ซื้อขายสินค้าผ่าน VR หลังจากนั้นเดือน กรกฎาคม ที่ผ่านมาเปิดตัว Buy+ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ตัวแลกออกมาก่อน ทำให้ผู้ใช้สามารถดูสินค้า อาทิเช่น เสื้อผ้า กระเป๋า และให้นาย/นางแบบแบบ Virtual มาสวมใส่ลองดูก่อนเข้า shopping cart ได้
โดยบริการใหม่ที่กำลังพัฒนาคือ VR Pay ซึ่งทำให้ประสบการณ์ใช้งานการซื้อสินค้าผ่าน VR สมบูรณ์มากขึ้น ไม่ต้องให้ผู้ใช้ถอดเอา VR headset ออกมาเพื่อทำการชำระเงินบนโมบายแอปฯ อีกทีบนโลกจริง โดยผู้ใช้สามารถชำระเงินผ่านประสบการณ์แบบ VR ได้เลย ในสื่ออย่าง FinTechnews กล่าวว่า
เมื่อผู้ใช้กดสั่งซื้อปุ๊ป VR Pay จะแสดงภาพ 3 มิติที่เป็น Alipay Checkout counter ขึ้นมา ผู้ใช้เพียงแค่ login ด้วย Alipay account ผ่านทาง VR headset วิธีการมีด้วยกัน 3 รูปแบบให้เลือกเอาวิธีใดวิธีหนึ่งคือ
- จ้องมองไปที่จุดจุดหนึ่งเพื่อทำการยืนยัน
- ทำการกวักมือภายใน VR headset
- แสดงท่าทางเฉพาะบางอย่างขณะที่ถือ Sensor
หลังจากนั้นทำการยืนยันการชำระเงินด้วย password เทคโนโลยีนี้ถูกพัฒนาโดย F-workshop ซึ่งเป็นทีมงานที่ Ant Financial ตั้งขึ้นมาต้นปี เพื่อทำการวิจัยและพัฒนา VR payment โดยในทีมงานประกอบด้วยทีมเทคนิค ทีมผลิตภัณฑ์ และทีมดูและด้านอินเตอร์แอคทีฟ
ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคของหน่วยงาน Alibaba B2B โดยก้าวถัดไปคือการเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีด้านชีวที่เกี่ยวข้องกับร่างกายมนุษย์มากขึ้น เช่น การจดจำด้วยใบหน้า (Face Recognition)
อย่างไรก็ตาม Chris Tung CMO แห่ง Alibaba กล่าวว่า VR เทคโนโลยียังคงต้องใช้เวลาในการที่จะทำให้เข้าสู่ระดับ commercialize ได้ และยังต้องปรับอีกพอสมควร
ก่อนหน้านี้ Alibaba Cloud บริษัทในเครือ Alibaba ได้ประกาศเป็นพาร์ทเนอร์กับ HTC เพื่อพัฒนา VR บน Cloud Computing Solution จุดประสงค์เพื่อทำให้ VR โซลูชั่นที่นำเสนอลูกค้าสามารถ Scale ได้ทั่วโลกและแข่งขันในเชิงราคาได้
ภาพและข่าวจาก Yibada
เรียนรู้อะไรจากข่าวนี้?
แม้จะมีคนพูดว่า VR คือเทรนด์ที่กำลังมา โดย Deloitte Global ก็คาดการณ์ปีนี้อุปกรณ์ VR จะขายได้ถึง 700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และ อีก 300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มาจากส่วนของคอนเทนต์
อย่างไรก็ตามยังคงถูกมองว่ากว่าจะทำให้แพร่หลายได้จริงๆ นั้น ยังต้องปรับกันอีกมาก ตราบใดที่เทคโนโลยียังดูเป็นส่วนเกิน คือ Nice-to-have ต้องใช้อุปกรณ์ในการเข้ามาช่วยเป็น Barrier ขั้นใหญ่ และความรู้สึกของการใช้ก็ยังไม่เหมือนจริงเสียทีเดียวโดยในช่วงแรกนี้ VR ถูกนำไปใช้ในสายธุรกิจวีดีโอเกมที่เป็น Niche market เสียมากกว่า
ส่วน Ant Financial Service กับบริการ VR Pay ก็เช่นกัน ยังคงถูกมองเหมือนเป็น Gimmic ในเวลานี้อยู่ ไม่ใช่แค่ว่ายังมี Barrier เพราะคนไม่ใช้ VR แต่รวมถึงเรื่องความปลอดภัยนั้นน่าเชื่อถือแค่ไหน และเมื่อเข้ามาใช้แล้วประสบการณ์ใช้งานง่ายแค่ไหนด้วย
ขอบคุณข่าวสารธุรกิจ techsauce.co
บริการอบรม ให้คำปรึกษาการทำธุรกิจออนไลน์ ฝึกอบรมภายในบริษัท แบบตัวต่อตัว การทำ Content Marketing,การโฆษณา Facebook,การโฆษณา Tiktok,การตลาด Line OA และการทำสินค้าให้คนหาเจอบน Google
บริการดูแลระบบการตลาดออนไลน์ให้ทั้งระบบ
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสารความรู้การทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ Add Line id :@taokaemai
รับชมคลิป VDO ความรู้ด้านการตลาด กรณีศึกษาธุรกิจ แหล่งเงินทุนน่าสนใจ ติดตามได้ที่ช่อง Youtube : Taokaemai เพื่อนคู่คิดธุรกิจ SME